อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 10 วันที่ 20 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 10 วันที่ 20 ม.ค. 56

ภีร์ภูมินอนหลับสนิทอยู่บนเตียงที่บ้าน ภีร์ภูมิหลับฝันเห็นภาพฉัตรกำลังจมน้ำ ดิ้นทุรนทุราย แต่มีตรวนทองคำล่ามอยู่ที่มือ!ฉัตรพยายามเอามือออกจากตรวนแต่ก็โดนตรวนบาดเลือดไหลออกมา น้ำบริเวณค่อยเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน!
ส่วนบุษบันนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียง เหมือนกับฝันร้าย บุษบันเห็นภาพใต้น้ำขณะที่บัวดิ้นทุรนทุรายและถูกล่ามด้วยตรวนทองคำเช่นกัน สีน้ำค่อยเป็นสีเลือดแดงฉานไปทั่วลำน้ำ
บุษบันสะดุ้งตื่น มองที่ข้อมือตัวเองเห็นเลือดเต็มทั้งมือและข้อมือ บุษบันตกใจ กระพริบตาเพื่อความแน่ แต่ภาพที่เห็นเลือดหายไปแล้ว

“เราเก็บเอาไปฝันจนเห็นภาพหลอนเลยเหรอเนี่ย”
ภีร์ภูมิเองสะดุ้งตื่นเช่นกัน และอยู่ในอาการเดียวกันกับบุษบัน ข้อมือภีร์ภูมิมีเลือดเต็มไปหมด ชายหนุ่มค่อยๆ ก้มมองที่ข้อมือ ตกใจ ขยี้ตาตัวเอง แต่พอมองอีกครั้งเลือดหายไปแล้ว
“ทำไมฝันเหมือนจริงแบบนี้?”



ภีร์ภูมิมองที่ข้อมือตัวเอง ด้วยสีหน้าฉงนสนเท่ห์
เช้าวันนี้สามคนอยู่ในห้องรับประทานอาหาร ภีร์ภูมิกับพิมพิลาสและป้าทิพย์นั่งรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน ภีร์ภูมิเล่าเรื่องความฝันเมื่อคืนให้สองคนฟังจบแล้ว

“พิมว่าภูมิทำงานหนักไป จนเก็บเอาไปฝันร้ายแบบนั้น ภูมิต้องพักผ่อนบ้างนะคะ”
“ไม่เกี่ยวหรอกพิม เกิดมาผมยังไม่เคยฝันแบบนี้มาก่อนเลย ฝันอะไรจะเหมือนจริงขนาดนี้ ผมรู้สึกเจ็บจริง เหมือนจมอยู่ในน้ำจริงๆ ภาพยังติดตาผมอยู่เลย
พิมพิลาสตั้งใจฟัง
ภีร์ภูมิตั้งใจเล่า โดยไม่ได้คิดอะไร
“พิมจำผู้หญิงที่ผมเคยเล่าให้ฟังได้ไม๊ ที่เธอมีอะไรคล้ายๆ ผม ชอบอะไรคล้ายๆ ผม”
พิมพิลาสนิ่ง อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างระงับความไม่พอใจที่พุ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ ในใจ
“ได้ค่ะ”
ป้าทิพย์มองพิมพิลาสจับสำเนียงออก รู้ว่าพิมพิลาสไม่พอใจภีร์ภูมิเล่าต่อ
“เธอชื่อบุษบัน” พิมพิลาสนิ่ง พยายามเก็บข่มอารมณ์อย่างหนัก “วันที่ผมเจอกับเธอที่แกลอรี่ขายของเก่า ผมเจอตรวนโบราณอันหนึ่ง ผมเข้าไปจับแล้วเจ็บข้อมือ ตอนแรกผมคิดว่ามันเป็นความบังเอิญแต่มันไม่ใช่ คุณบุษเธอจับก็เจ็บเหมือนกัน”
พิมพิลาสแปลกใจในสิ่งที่ภีร์ภูมิเล่า
“ภูมิรู้ได้ยังไงว่าเธอรู้สึกเหมือนภูมิจริงๆ”
ภีร์ภูมิบอก สีหน้าดูเชื่อมั่นมาก
“ผมรู้สึกดีน่ะพิม มันมีเซ้นส์อะไรบางอย่างที่ทำให้ผมเชื่อว่าเขากับผมแล้วก็ตรวนอันนั้นมันเกี่ยวข้องกัน”
ภีร์ภูมิพูดแล้วครุ่นคิดสายตาเลื่อนลอย
ป้าทิพย์ขมวดคิ้ว สังเกตอาการของภีร์ภูมิ ไม่เคยเห็นชายหนุ่มพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้มาก่อนเลย

หลังอาหารเช้ามื้อนั้นภีร์ภูมิไปทำงานแล้ว พิมพิลาสอยู่กับป้าทิพย์และกำลังร้องไห้คร่ำครวญ ท่าทางเสียใจหนัก
“ป้า…ทำไมภูมิเขาเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ ทำไมภูมิพูดถึงแต่ผู้หญิงคนนั้น แล้วเหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับเขามันคืออะไรทำไมภูมิถึงต้องเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้น พิมจะทำยังไงดี”
ป้าทิพย์หนักใจ สงสารพิมพิลาส หญิงชราเดินเข้าไปกอดพลางพูดปลอบ
“ใจเย็นๆ นะหนูพิม ทุกอย่างต้องมีทางออกเสมอ…เท่าที่สังเกตภูมิเขาไม่เคยพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ หน้าตาก็ดูเศร้าหมอง เหม่อลอย! แล้วที่สำคัญเพ้อหาผู้หญิงคนนั้น ต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ภูมิเป็นแบบนี้”
พิมพิลาสสะกิดใจ “อะไรบางอย่าง มันคืออะไรเหรอจ๊ะป้า”
ป้าทิพย์ไม่ตอบ สีหน้าแววตาหญิงชราใคร่ครวญครุ่นคิด

ตอนสายวันนั้น บุษบันมายืนกดกริ่งบ้านตะวันฉาย สักครู่หนึ่งแป้นสาวใช้เดินมาเปิดประตูให้พาเข้ามาด้านใน ตรงห้องรับแขก บ้านตะวันฉาย เป็นบ้านสไตล์โมเดิร์น ดูร่มรื่นด้วยต้นไม้ มีสระว่ายน้ำอยู่บริเวณหน้าบ้าน

“คุณบุษคะ…คุณตะวันให้รอในบ้านก่อนค่ะ คุณตะวันไปธุระแถวนี้เดี๋ยวกลับค่ะ”
“จ้ะ” บุษบันยิ้มขณะนั่ลงตรงโซฟา

เวลาผ่านไป บุษบันยังนั่งอ่านนิตยสารอยู่ที่เดิม เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นอีก
บุษบันมองไปหน้าบ้านแล้วพึมพำ “ไอ้เพื่อนตัวแสบ กว่าจะเสด็จกลับมาได้”
สาวใช้กำลังจะวิ่งออกไปเปิดประตู บุษบันเรียกไว้
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปเปิดให้เอง”
บุษบันเดินออกไปจากห้องรับแขก

ครู่ต่อมาบุษบันเดินมาเปิดประตูบ้าน กำลังจะต่อว่าตะวันฉาย
“ไหนบอก…”
บุษบันเห็นเป็นภีร์ภูมิ ก็ตกใจ คาดไม่ถึง
“คุณอีกแล้วเหรอ”
ภีร์ภูมิชักสีหน้า กวนประสาทตามประสา
“นี่คุณ…เห็นผมยังกับเห็นสัตว์ประหลาด ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย”

บุษบันเซ็ง “ไม่ใช่ก็คล้าย เจอกับคุณที่ไรต้องสู้รบกันตลอด มาหาตะวันใช่ไม๊…ตะวันไม่อยู่”
ภีร์ภูมิโพล่งขึ้น “ผมมาหาคุณนั่นแหละ”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่” บุษบันแปลกใจนัก
“ไม่มีอะไรเกินความสามารถผมหรอก!...แล้ววันนี้ผมก็ต้องรู้ให้ได้ว่า ผมกับคุณเป็นอะไร เกี่ยวข้องอะไรกับตรวนนั่น” ภีร์ภูมิพูดอย่างซีเรียส
“คุณกลับไปเถอะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ”
บุษบันจะเดินหนี ภีร์ภูมิดักไว้
ภีร์ภูมิพูดอย่างจริงจัง “ทำไมคุณถึงไม่ยอมรับว่าคุณเจ็บข้อมือเหมือนผม คุณจะกลัวอะไร ผมอยากรู้ว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเป็นผลจากวิทยาศาสตร์ มีแร่ธาตุบางชนิดในตรวนนั่น หรือเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ เราจะได้ช่วยกันหาวิธีแก้ไง”
บุษบันหันมาหา ตัดสินใจบอก
“ใช่ ฉันเจ็บข้อมือเหมือนคุณ แล้วฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันไม่อยากหาข้อมูลกับคุณ มือใครมือมัน ต่างคนต่างหาฉันไม่อยากมีปัญหา โอเคนะ”
พูดจบบุษบันจะเดินหนีอีก ภีร์ภูมิจับมือบุษบันไว้ บุษบันมองเป็นเชิงบอกให้ปล่อย ภีร์ภูมิปล่อยมือบุษบัน
“ทำไมละ ช่วยกันจะได้รู้เร็วๆ ว่ามันเกิดจากอะไร ไม่ดีเหรอ” ภีร์ภูมิฉงน
“ไม่ดี คุณมีแฟนแล้ว ฉันไม่อยากมีปัญหากับแฟนคุณ เดี๋ยวหาว่าคุณมาจีบฉัน” บุษบันบอก
“ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกันเลย ผมทำด้วยความบริสุทธิใจ ผมอยากรู้ความจริง”
“ฉันบอกว่าไม่ก็คือไม่ คุณกลับไปได้แล้ว”
บุษบันเดินหนี ภีร์ภูมิเดินตามอีก
“คุณ…พูดกันให้รู้เรื่องก่อน”
บุษบันไม่สนใจเดินเบี่ยงตัวไปทางสระว่ายน้ำเพื่อจะเข้าบ้าน ภีร์ภูมิเข้าไปดึงมือไว้
บุษบันบอกเสียงแข็ง “ปล่อย”
“ไม่! จนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง”
บุษบันพยายามดิ้นให้หลุด ภีร์ภูมิไม่ปล่อย ทั้งคู่ยื้อยุดกันไปมา บุษบันโมโหสะบัดมืออกจากภีร์ภูมิเต็มแรง แล้วเสียหลักตกลงไปในสระน้ำ ดังตู้ม!

บุษบันจมน้ำ สีหน้าตื่นตระหนกหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด พยายามตะเกียกตะกายช่วยเหลือตัวเอง
ภีร์ภูมิตกใจกระโดดลงมาช่วย ดึงร่างบุษบันเข้ามาตัวเอง ทั้งคู่จ้องตากัน

วินาทีนั้นภาพจำในอดีตชาติ ผุดเข้ามาในมโนภาพของทั้งสองคนแว้บๆ เป็นตอนที่ทั้งคู่ถูกพิศจองจำด้วยตรวนทองคำจับถ่วงน้ำและสองคนกอดกันกลม
ภีร์ภูมิกับบุษบันต่างจ้องมองตากันนิ่งนาน สองคนตกอยู่ในภวังค์ ภีร์ภูมิเคลิ้มค่อยๆ โน้มหน้าลงจูบประทับที่ริมฝีปากบุษบันเบาๆ สองหนุ่มสาวบัวและฉัตรในอดีตชาติรู้สึกดีต่อกัน

ทั้งคู่หลับตาพริ้มมีความสุขลึกซึ้งอย่างประหลาด ครู่หนึ่ง บุษบันรู้สึกตัวก็ผละตัวออก
ภีร์ภูมิรีบพยุงตัวบุษบันมาที่ขอบสระ ทั้งคู่มองหน้ากันอึ้งๆ ต่างคนต่างทำตัวไม่ถูก!
“เอ่อ…ผมขอโทษ”
บุษบันได้สติ ตบหน้าภีร์ภูมิผัวะ! แล้วก้าวขึ้นจากสระน้ำ บุษบันเดินขึ้นจากสระน้ำ สีหน้านิ่งครุ่นคิด สับสนว้าวุ่นกับความรู้สึกตัวเอง
ภีร์ภูมิตามขึ้นมา

บุษบันเดินเข้ามาในบ้านเนื้อตัวเปียกโชก แป้นสาวใช้เห็นสภาพก็ตกใจ
“ว้าย! คุณบุษไปทำอะไรมาคะเนี่ย เดี๋ยวแป้นไปเอาผ้ามาให้นะคะ”
แป้นเดินออกไปเร็วรี่ ภีร์ภูมิตามบุษบันเข้ามาในบ้าน พูดเสียงอ่อนโยน
“คุณบุษ ผมขอโทษ”
“คุณกลับไปได้แล้ว”
“คุณฟังผมก่อน ผมไม่ได้ฉวยโอกาสนะ…คือ…ผมก็อธิบายไม่ถูก มันมีอะไรบางอย่างที่ให้ทำแบบนั้น มันเป็นความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก…คุณก็รู้สึกเหมือนผมใช่ไม๊”

คำพูดนั้นทำเอาบุษบันนิ่งงันไป ครุ่นคิดหนัก แปลกใจที่มีความรู้สึกดีๆ กับภีร์ภูมิเช่นกัน
ระหว่างนั้นตะวันฉายเดินเข้ามา เห็นบุษบันกับภีร์ภูมิตัวเปียกทั้งคู่ก็งวยงง
“ไปทำอะไรกันมาครับเนี่ยคุณภูมิ ยัยบุษ”
บุษบันไม่ตอบ เดินเข้าไปเปลี่ยนชุดกับแป้น
ภีร์ภูมิตอบแทน “เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ…ผมกลับก่อนนะครับ”
ภีร์ภูมิเดินออกไป ปล่อยให้ตะวันฉายงงๆ อยู่อย่างนั้น

ตะวันฉายรู้เรื่องก็ตกใจ ถามย้ำเสียงดังลั่น
“อะไรนะ! เธอจูบกับเขาเหรอ”
บุษบันเม้ง “เบาๆ จะให้เขารู้กันทั้งซอยเลยหรือไง”
ตะวันฉายตบเข่าตัวเองผัวะ “เนื้อคู่เธอชัวร์ เพื่อนฉันจะมีแฟนแล้วโว้ย”
“บ้า! เขามีแฟนแล้ว”
“เอ้า! แล้วทำไมเธอเผลอใจยอมให้เขาจูบได้ละ”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นมันคืออะไร มันมีอะไรบางที่ให้ฉันทำแบบนั้น และความรู้สึกแบบนั้นก็เหมือนเคยเกิดขึ้นกับฉันแล้ว…”
ตะวันฉายสวนคำขึ้นมา พูดแซวต่อ “อาการแบบนี้ใช่เลย! เนื้อคู่ชัวร์”
บุษบัน อึกอัก พูดไม่ออก
“อ้าวเงียบ” ตะวันฉายจ้องหน้าบุษบันจับอาการ “เฮ้ย! หน้าแดงด้วยอ่ะ...หรือว่าแกชอบเขาจริงๆ”

รถภีร์ภูมิแล่นมาตามถนน ภีร์ภูมิยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิมที่ยังเปียกอยู่ ในใจคิดถึงตอนที่จูบบุษบัน ชายหนุ่มรำพึง
“ทำไมเรารู้สึกดีแบบนี้”

ส่วนกนิษฐาพาตัวเองมาอยู่ต่อหน้าอาจารย์วัย ๕๐ ปี ท่านหนึ่ง ที่ คณะโบราณคดี ม.ศิลปากร
มีรูปที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าสองคน เป็นรูปชิ้นส่วนกระดูกมือ และรูปตรวนทองคำ
กนิษฐายืนอยู่กับอาจารย์ผู้ชายท่านนั้น ซึ่งสวมใส่แว่นดูทรงภูมิ
ทั้งคู่กำลังเพ่งพินิจรูปกระดูกมือและรูปตรวนทองคำอยู่ เห็นป้ายภาควิชาโบราณคดีด้านหลังชายสูงวัยท่านนั้น
“เป็นยังไงบ้างคะอาจารย์” กนิษฐาเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“สิ่งที่เธอเข้าใจน่ะถูกแล้ว ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ไม่มีบันทึกเอาไว้ว่า มีเชื้อพระวงศ์องค์ไหนที่ถูกล่ามด้วยตรวนทองคำแล้วถูกถ่วงน้ำ”
อาจารย์ว่าพลางคิดใคร่ครวญ แล้วหันหลังไปที่ชั้นวางหนังสือ แล้วหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาวางบนโต๊ะ
“คำตอบของเธออยู่ในนี้”
หนังสือเล่มนั้น เป็นหนังสือเย็บเล่มวิทยานิพนธ์ ในหัวข้อ “วิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงกรมราชทัณฑ์ (กรมนักโทษ) ร.ศ. 120”

“วิทยานิพนธ์เล่มนี้รวบรวบประวัติกรมราชทัณฑ์ใน ร.ศ.120 ทั้งหมด น่าจะมีบันทึกเกี่ยวกับตรวนทองคำไว้บ้าง ลองไปอ่านดู” อาจารย์แนะนำ
กนิษฐาไหว้ขอบคุณ “ขอบคุณมากค่ะอาจารย์”

กนิษฐากลับมาที่แกลเลอรี่ เริ่มเปิดดูวิทยานิพนธ์อย่างตั้งใจ เวลาผ่านไป กนิษฐาดูข้อมูลในวิทยานิพนธ์ไปครึ่งเล่มแล้ว
สักครู่หนึ่งกนิษฐ หยุดอ่านตรงข้อมูล “ผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้คุมในกรมนักโทษ ร.ศ ๑๒๐”
กนิษฐาลองเปิดอ่านดู เห็นมีรายชื่อผู้คุมอยู่ ๑๐ คน นิ้วกนิษฐาชี้ที่รายชื่อผู้คุมทีละชื่อ และชี้ไล่หาผู้ที่เกี่ยวข้องกับตรวนทองคำ แต่ก็ยังไม่เจอ
เวลาล่วงเลยไปอีก กนิษฐาเปิดมาดูรายชื่อถึงคนที่ ๘ แล้วหยุดชะงักตรงชื่อ “พระยาโกสินทร์”
กนิษฐาพึมพำ “พระยาโกสินทร์”

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 10 วันที่ 20 ม.ค. 56

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ที่มา manager