อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 3/3 วันที่ 3 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 3/3 วันที่ 3 ม.ค. 56

“ถ้าเอ็งไม่ยอมบอกข้าดีๆ ข้าจะไปบอกเรื่องนี้กับคุณพิศ” เพียรยกชื่อพิศมาขู่
น้อยมีสีหน้าหวาดหวั่น “ก็ข้าบอกแล้วไงว่าข้าไม่ได้นัดใคร”
น้อยสะบัดตัวออกจากเพียร แล้วเดินไปปลดผ้าที่มัดที่หัวเสาออก
“ถ้าเรื่องนี้มันหนักหัวเอ็งนัก ข้าไม่ผูกก็ได้”
แล้วน้อยก็เดินถือผ้าเดินปึงๆกลับเข้าเรือนไป เพียรมองตามอย่างจับผิด

น้อยเดินกลับเข้ามาในเรือน บัวรีบเข้าไปหาน้อยอย่างเป็นห่วง แต่น้อยยังไม่พูดอะไร รีบไปแอบมองเพียรที่อยู่หน้าเรือน ตามรอยแตกของฝาเรือน)
น้อย เห็นเพียรยังปักหลักคุมเชิงอยู่แถวหน้าเรือนอยู่ ไม่ยอมไปไหน
น้อยอารมณ์เสีย
“โฮ้ย ! ไอ้เพียรนะไอ้เพียร! ยุ่งจริง”
น้อยรู้สึกขัดเคืองใจอย่างที่สุด ในขณะที่บัวสีหน้าไม่สบายใจ



ส่วนเพียรยังปักหลักเฝ้าดูเรือนน้อยอยู่อย่างมุ่งมั่น สักครู่บ่าวชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดอะไรบางอย่างกับเพียร เพียรสีหน้าขัดใจ แล้วจำใจเดินตามบ่าวชายคนนั้นไป แต่ยังไม่วายหันกลับมามองที่เรือนน้อยอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป
น้อยซึ่งแอบดูเพียรอยู่ตามรอยแตกของฝาเรือน ยิ้มดีใจ แต่บัวสีหน้ากังวลใจเป็นอย่างยิ่ง

ไม่นานหลังจากนั้น เพียรพานางอุ่นเดินออกมาจากเรือนทาส นางอุ่นยังเดินร้องไห้กระซิกๆ มาตลอดทาง
“เอ็งจะร้องไห้ไปทำไมนักหนาวะ..อีอุ่น เอ็งไม่อยากเป็นเมียท่านเจ้าคุณรึ”
นางอุ่นส่ายหน้า จนเพียรนึกโมโห
“เอ็งนี่โง่แท้ เป็นเมียท่านเจ้าคุณแล้ว...เอ็งจะสบาย”
นางอุ่นแว้ดใส่อย่างหมดความอดทน “ขนาดเอ็งเป็นลูก ข้ายังไม่เห็นเอ็งสบายเลยนี่หว่า ยังวิ่งรับใช้..เป็นขี้ข้าไม่ต่างไปจากคนอื่น”
เพียรโมโหถูกจี้ใจดำ ผลักนางอุ่นให้เดินนำหน้าไป แล้วเดินตามท่าทางฮึดฮัดขัดใจ

เพียรกับอุ่นเดินขึ้นมาถึงบนเรือน สักครู่ห้องพระยาสมานก็เปิดออก เพียร เห็นพระยาสมานกวักมือเรียกมัน
เพียรพานางอุ่นเดินตรงไปยังห้องพระยาสมานทันที พระยาสมานรีบผลักนางอุ่นเข้าห้อง แล้วหันกลับมาสั่งเพียร
“เอ็งนั่งเฝ้าอยู่แถวหน้าเรือนนี่ อย่าไปไหน ถ้าลูกพิศข้าตื่น เอ็งต้องรีบเรียกข้าทันทีรู้มั้ย”
“ขอรับ”
แล้วพระยาสมานก็รีบกลับเข้าห้องแล้วปิดประตูห้องลั่นกลอนทันที เพียรทรุดลงนั่งเฝ้าห้องพระยาสมานอยู่ในมุมมืดอย่างสุดเซ็ง

ขณะเดียวกันฉัตรกับฉายวิ่งเข้ามาในอาณาบริเวณเรือนพระยาสมาน แล้วซุ่มหลบลงต่ำ กวาดตามอง สองคนเห็นเรือนทาสเป็นเงาตะคุ่มๆ ในความมืดเรียงรายกันไปหลายต่อหลายหลัง

“แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรกันเล่าขอรับว่าเรือนไหนคือเรือนของแม่บัว”
ฉัตรไม่ตอบกวาดสายตามอง และไปหยุดที่หน้าเรือนของน้อย เห็นห่อผ้าที่น้อยเคยใช้ห่อสมุนไพรตอนไปบ้านฉัตรเมื่อกลางวันผูกอยู่กับเสาที่หน้าเรือน
ฉัตรชี้ให้ฉายดู แล้วสองหนุ่มก็วิ่งตรงไปที่เรือนนั้นทันที
ฉัตรกับฉาย วิ่งเข้ามา ฉัตรจับผ้าที่น้อยผูกไว้ที่หน้าเรือน
ฉัตรนึกถึงตอนที่ตนและและฉาย เดินออกมารับน้อย เห็นน้อยถือห่อผ้าที่ผูกอยู่หน้าเรือนนี้มาด้วย
“ใช่เรือนนี้ละ” ฉัตรบอกอย่างมั่นใจ
ทั้งสองโดดขึ้นไปบนเรือนอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ฉัตรเคาะประตูเรือนเบาๆ สักครู่หนึ่งน้อยก็ค่อยๆ แง้มประตูออกมา พอเห็นว่าเป็นฉัตรกับฉายก็ยิ้มดีใจ
“บ่าวกลัวว่าคุณฉัตร คุณฉายจะมาที่เรือนทาสนี่ไม่ถูกเสียอีกเจ้าค่ะ”
“แม่บัวอยู่บนเรือนนี้รึ” ฉัตรรีบถาม
“เจ้าค่ะ”
ฉัตรหันไปหาฉาย “ฉายอยู่ดูต้นทางที่นี่ หากมีใครผ่านมา ให้สัญญาณพี่อย่างที่นัดกันไว้”
ฉายรับคำ “ขอรับ”
น้อยเปิดประตูให้ฉัตรเดินเข้าเรือน ฉัตรกวาดตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวังอีกครั้ง ก่อนจะรีบผลุบเข้าห้องตามน้อยไป

ทิ้งให้ฉายซุ่มอยู่แถวหน้าเรือนดูต้นทาง
น้อยเดินนำฉัตรเข้ามาในเรือนทาส ฉัตรมองไปเห็นบัวนั่งเอาผ้าคลุมไหล่ เอนตัวพิงฝาเรือนอยู่อย่างอ่อนระโหย ยังไม่หายไข้ดี

พอเห็นฉัตรโผล่เข้ามา บัวก็มีสีหน้าและแววตาดีใจมาก
“คุณฉัตร”
“แม่บัว” ฉัตรถลาเข้าไปหา
บัวจะขยับมารับฉัตรบ้าง แต่ก็เจ็บแผลที่หลังแปล๊บขึ้นมา จึงชะงักกึก มีสีหน้าเจ็บ ฉัตรจึงปราดเข้าไปประคอง
“อย่าขยับตัวมาก ประเดี๋ยวแผลจะปริ นั่งเถิดแม่บัว...” ฉัตรว่าพลางประคองบัว แล้วไม่ปล่อยมือ
บัวมองฉัตรอย่างปลาบปลื้มและเทิดทูน “ท่านกล้ามากที่ทำเช่นนี้”
“ทำได้เพราะใจหรอก” ฉัตรมองบัวอย่างรักใคร่
ทั้งสองมองตากัน น้อยรู้สึกตัวว่าเป็นส่วนเกิน จึงค่อยๆ ถอยออกไปนอกเรือน ปล่อยให้ฉัตรกับบัวได้มีโอกาสอยู่กันตามลำพัง
น้อยออกมาจากในเรือนแล้วมองหาฉาย แต่ไม่เห็น น้อยก็ใจคอไม่ดี ร้องเรียกเบาๆ
“คุณฉาย”
เมื่อไม่เห็นฉาย น้อยลงจากเรือน แล้วมองไปรอบๆ จนถอยไปสะดุดกับฉาย น้อยร้องอุทาน จะล้ม แต่ฉายคว้าตัวไว้ได้ทัน น้อยมองหน้าฉาย อายจะทำอะไรไม่ถูก ฉายขำ รีบดึงตัวน้อยให้หลบเข้าเงามืด ยังไม่ได้คิดอะไรมาก
ฉายก็กวาดตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง กลัวใครมาได้ยินเสียงน้อยร้องเมื่อกี้ แต่ก็ไม่เห็นใคร ระหว่างนี้น้อยที่นั่งอยู่ในความมืดคู่กับฉาย แอบเหลือบตามองดูฉาย รู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ
เวลาผ่านไป เพียรนั่งรอพระยาสมานอยู่อย่างสุดเซ็ง แล้วจู่ๆ ประตูห้องพระยาสมานก็เปิดออก เพียรรีบลุกพรวดเข้าไปหาทันที พระยาสมานผลักนางอุ่นออกมาจากห้องอย่างไม่ใยดี รู้สึกอารมณ์เสีย
“อีอุ่นมันมีเลือด มึงก็ไม่รู้จักบอกกู กูเสียอารมณ์หมด มึงเอามันกลับเรือนทาสไปเลยไป๊ ! เร็วสิ เดี๋ยวลูกพิศกูรู้เข้า เอากูตายแน่ ! ไป๊”
จากนั้นพระยาสมานก็ปิดประตูห้องไปเลย เพียรรีบเข้าไปพานางอุ่นลงเรือนไป

ฉัตรดูแผลที่หลังบัว ด้วยสีหน้าเครียด สักครู่จึงถามอาการเสียงอ่อนโยน
“เจ็บมากมั้ย”
บัวไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้า น้ำตาปริ่ม ฉัตรเห็นน้ำตาก็อดใจไม่ไหว ใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตาให้บัวอย่างแผ่วเบา ยิ่งรู้ว่าฉัตรอาทร บัวยิ่งกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ในที่สุดฉัตรเลยโอบกอดบัวไว้ บัวซุกหน้าร้องไห้อยู่กับอกฉัตรทันที
“ทำไมถึงต้องเฆี่ยนตีกันรุนแรงถึงขนาดนี้ด้วย”
“ก็บ่าวเป็นทาสเขานี่เจ้าคะ เขาจะเฆี่ยนจะตีให้ตายอย่างไรก็ได้”
ฉัตรโมโหนัก “ป่าเถื่อนที่สุด แล้วก็เลิกเรียกตัวเองกับฉันว่า บ่าว เสียทีเถอะ สำหรับฉัน เจ้าไม่ใช่...บ่าว”
“แต่จะทำอย่างไรได้เล่า บ่าว..เอ้อ..ฉันก็คงต้องก้มหน้ารับกรรม เป็นทาสขัดดอกเขาไปอย่างนี้จนกว่าพ่อจะหาอัฐมาไถ่ตัวฉันกลับไป”
ฉัตรถอนหายใจเครียด “แม่น้อยบอกว่า..ปกติเจ้าจะต้องขึ้นไปนอนเฝ้าหน้าเตียงคุณพิศที่บนเรือน”
“จ้ะ แต่นี่ฉันมาเจ็บเสียก่อน คุณพิศเธอจึงให้ฉันลงมารักษาตัวที่นี่ ค่อยยังชั่วแล้วค่อยกลับขึ้นไปรับใช้เธอบนเรือนใหม่”
“ถ้าเช่นนั้น..ระหว่างที่เจ้ายังอยู่ที่เรือนนี้ฉันจะมาเยี่ยมเจ้าบ่อยๆ”
บัวตกใจ “จะมาได้อย่างไร หากคุณพิศรู้เข้า คงเกิดเรื่องใหญ่”
“ฉันไม่กลัว หรือว่าเจ้าไม่อยากให้ฉันมา”
“อยากสิจ๊ะ แต่ฉันเป็นห่วงท่าน”
ฉัตรยิ้มออก จับมือบัว “ยิ่งเจ้าห่วง ฉันก็ยิ่งต้องมา”

บัวยิ้มชื่นใจนักกับน้ำคำของฉัตร
ฉายเริ่มกระวนกระวายเมื่อเห็นฉัตรอยู่ในเรือนนาน ฉายค่อยๆ ป้องปากเรียกเสียงไม่ดังนัก

“พี่ฉัตร”
ฉัตรกับบัวตื่นจากภวังค์หวานเพราะเสียงเรียกของฉาย
“ฉายเรียกแล้ว ฉันเห็นทีจะต้องกลับเสียที ยากิน ยาทา กินใช้ให้หมดนะ เจ้าจะได้หายเร็วๆ”
“จ้ะ..” บัวยกมือไหว้ฉัตร “ขอบพระคุณท่านมาก”
ฉัตรจับมือบัวไว้ ทั้งสองมองตากันอย่างอาลัย)
เสียงฉายเรียกดังเข้ามา “พี่ฉัตร”
“รีบไปเถอะจ้ะ แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก” บัวบอก
ฉัตรหน้าเครียดขึ้นมาทันที “ทำไม”
“เพราะฟ้าดินคงจะกำหนดไว้แล้ว..ว่าเรา..ไม่ใช่คู่กัน ฉันจึงต้องมาเป็นทาสขัดดอกเขาอยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าวันไหนจะได้กลับไปเป็นคนอิสระอีก ฉันต้องจงรักภักดีกับนายซึ่งก็คือคุณพิศ ซึ่งเหมาะสมกับท่านที่เป็นนายทหารหนุ่มที่มีอนาคตไกลทุกอย่าง”
“ไม่ ! ฉันไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากเจ้า” ฉัตรให้คำมั่น
บัวซาบซึ้งใจ น้ำตาซึม สองคนมองหน้ากัน แล้วสวมกอดกันนิ่งนาน

เพียรพานางอุ่นกลับมาส่งที่เรือนทาส รอดูจากนางอุ่นเข้าเรือนเรียบร้อย เพียรก็เหลียวมองไปที่เรือนของน้อย
เพียรเห็นหน้าเรือนของน้อย มีผ้าผืนเดิมกลับมาผูกที่เดิมอีกแล้ว เพียรกัดฟันเจ็บใจ เชื่อว่าน้อยนัดผู้ชายมาหาในคืนนี้อย่างแน่นอน
“นังน้อย”

ฉายร้อนใจ เห็นเรียกเท่าไหร่ฉัตรก็ไม่ออกมาจากในเรือนเสียที ฉายตัดสินใจพุ่งไปที่ประตูเรือน เคาะเบาๆ ๒-๓ ทีแล้วเปิดเข้าไป น้อยตกใจแต่ยังไม่ตามไป ยังอยู่ดูต้นทางที่ข้างนอกเรือนอยู่

ฉายเปิดประตูเรือนเข้ามา ฉัตรกับบัวผละออกจากกัน
“ไปเถอะพี่ฉัตร ประเดี๋ยวใครมาเจอเข้า ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ”
ฉัตรลุกขึ้นเดินจะออกไป แต่ไม่วายเหลียวกลับมาดูบัวอย่างเป็นห่วงไม่เลิก บัวมองตามฉัตร แววตาอาลัยอาวรณ์กันและกัน แต่ยังไม่ทันที่ฉัตรกับฉายจะออกไปนอกเรือน น้อยก็พรวดพราดเข้ามา ด้วยสีหน้าตระหนกตกใจกลัวสุดขีด
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ”

ฉัตรมองจากรอยแตกของฝาเรือนน้อย เห็นเพียรและเหล่าบ่าวชายถืออาวุธครบมือล้อมอยู่รอบเรือนทาส
เสียงเพียรตะโกนลั่น “เฮ้ย ใครที่อยู่บนเรือนนังน้อย ออกมาประเดี๋ยวนี้”

ฉัตรที่เพิ่งเงยหน้าออกจากการดูตามรอยแตกของฝาเรือน หน้าเครียด
น้อยมีท่าทีร้อนรนมาก “ไอ้เพียรมันพาคนมาล้อมเรือนเราไว้หมดเลยเจ้าค่ะ จะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ”
ฉัตรนิ่งคิด ฉายหน้าเครียดไม่แพ้กัน
“ถ้าถูกจับได้ มีหวังเป็นเรื่องใหญ่แน่พี่ฉัตร”
ฉัตรตัดสินใจ “แล้วใครจะยอมให้ถูกจับกันเล่าฉาย”
ขาดคำฉัตรก็หยิบปืนที่เหน็บหลังมาด้วยออก ฉายเลยหยิบเอาปืนที่พกมาเช่นกันออกมาด้วย บัวกับน้อยเห็นก็ตกใจกลัว ผวาเข้ากอดกัน แล้วสองหนุ่มก็ตวัดผ้าที่คล้องคอมาดูปกคลุมใบหน้าจนเหลือแต่นัยน์ตา

แต่ยังไม่ทันจะทำอะไรต่อ เพียรก็ถีบประตูเรือนจนเปิดผ่างออกมา เพียรและเหล่าบ่าวชายพุ่งเข้ามา ฉัตรกับฉายกราดปืนเล็ง ทำให้พวกเพียรชะงักไปชั่วขณะ
ฉัตรกับฉายฉวยจังหวะนั้น วิ่งออกนอกเรือนไป เพียรรู้ทัน กระโดดถีบเข้าที่หลังฉาย จนฉายหน้าคะมำ ไปกระแทกฉัตร สองพี่น้องเสียหลักล้มลงที่หน้าเรือน เพียรกับพวกตามไปจะซ้ำ แต่บัวกรีดร้องขึ้น
“อย่า”
เสียงนั้นทำให้พวกเพียรชะงักอีกครั้ง ฉัตรกับฉายคว้าปืนที่ตกอยู่ขึ้นมาใหม่

ฉัตรตัดสินใจยิงปืนขึ้นฟ้าเสียงดังเปรี้ยง!
เสียงปืนของฉัตร ทำให้พิศสะดุ้งตื่นลุกพรวดขึ้นพร้อมๆ กับนางด้วง

นางด้วงเสียงสั่นด้วยความกลัว “เสียงอะไรน่ะเจ้าคะคุณพิศ”
พิศไม่ตอบ ก้าวลงจากเตียง เอาผ้าตวัดคลุมไหล่ไว้แล้วเดินออกไปนอกห้องทันที นางด้วงตามไปแต่สีหน้าหวาดกลัว

พิศก้าวพรวดออกมาจากในห้องตรงมายังโถงกลางเรือน มีนางด้วงตามมาด้วย แล้วเจอกับพระยาสมานที่ถือดาบออกมาจากห้องเข้าที่กลางเรือน สีหน้าตื่นตกใจไม่แพ้กัน
“เสียงมาจากทางเรือนทาส”
พิศไม่พูดอะไร เดินลงเรือนไปทันที พระยาสมานตามไปติดๆ นางด้วงสีหน้าขัดใจว่าไม่อยากไป แต่ก็ต้องตามพิศไป ทาสอื่นๆตามไปด้วย

ฉัตรกับฉาย จะหนีต่อ ทาสอื่นๆ เริ่มโผล่หน้าออกมาดูเหตุการณ์อย่างอยากรู้ แต่ก็กลัว เพียรจะไม่ยอมให้ฉัตรกับฉายหนีได้ ขยับจะพุ่งเข้าใส่ ฉัตรกับฉายยิงขึ้นฟ้ากันอีกคนละเปรี้ยง ! แล้วเล็งปืนใส่เพียร ทำให้ไม่มีใครกล้าพุ่งเข้าไปหาฉัตรและฉาย สองพี่น้องอาศัยช่วงที่ทุกคนยังตื่นตะลึงอยู่นั้น วิ่งหนีหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
พิศ พระยาสมาน และนางด้วง เข้ามาอีกทาง พิศเขม้นตามองฝ่าความสลัวไป เห็นเพียงเงาดำ 2 เงา วิ่งหนีหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว พิศขมวดคิ้วสงสัย
“ไอ้เพียร ตามไปจับมันให้ได้”
เพียรพาเหล่าบ่าวชายจำนวนหนึ่งวิ่งไล่ตามฉัตรกับฉายไปติดๆ พิศจึงหันกลับมาถามทาสที่เหลือ
“โจรมันขึ้นเรือนใคร”
“เรือนนังน้อยเจ้าค่ะ” บ่าวคนหนึ่งบอก
“ไปลากตัวนังน้อย บัวบัวมันออกมา” พิศสั่งน้ำเสียงเฉียบขาด
บ่าวชายอีกจำนวนหนึ่งบุกขึ้นไปบนเรือนทันที พิศตามไป นางด้วงตามไปด้วย พระยาสมานส่ายหน้า

ส่วนทางฉัตร กับฉาย วิ่งมาถึงรั้ว กำลังปีนออก ฉัตรปีนขึ้นไปบนรั้วแล้ว ยื่นมือให้ฉาย พร้อมกับดึงตัวฉายให้ขึ้นมาบนรั้วด้วยกัน เพียรพาเหล่าบ่าวชายตามมาทัน ตรงเข้าฉุดขาฉายเอาไว้ ฉายเสียหลัก พลัดตกจากรั้วลงไปนอนที่พื้น
เพียรสั่งเหล่าบ่าวชายเสียงดัง “จับมัน”

เหล่าบ่าวชายกำลังจะเข้ารุมจับตัวฉายไว้ ฉัตรตัดสินใจยิงลงที่พื้น ระหว่างตัวฉายกับเหล่าบ่าวชาย ทำให้เหล่าบ่าวชายต้องพากันโดดหลบกระสุนกันอย่างตกใจ
ฉัตรฉวยจังหวะที่เพียรและเหล่าบ่าวตกใจ ยังทำอะไรไม่ถูก โดดลงจากรั้ว แล้วฉุดฉายขึ้น แล้วดันตัวฉายขึ้นรั้ว แล้วหันมายิงลงพื้นอีกนัด เพื่อปองกันไม่ให้เพียรและเหล่าบ่าวชายเข้ามาใกล้ตัวได้ แล้วฉัตรก็โดดขึ้นรั้วตามไปฉายไป ทั้งสองโดดลงรั้วอีกฝั่งแล้ววิ่งหนีหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว เพียรเจ็บใจ
“ฮึ่ย”

ด้านบัวกับน้อยนั่งกอดกันกลมตัวสั่นเทาอยู่ในเรือน บ่าวผู้ชายบุกเข้ามา พิศและนางด้วงตามเข้ามาด้วย บ่าวชายเข้าไปรุมจับตัวน้อยกับบัวแล้วลากออกไป พิศเดินมองไปรอบๆ ห้อง
พิศกวาดสายตามองไปรอบๆห้องเพื่อสำรวจร่องรอย นางด้วงรีบเข้ามาสอพลอเข้ามาช่วยกวาดตามอง แต่ทั้งพิศและนางด้วงก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ จึงเดินออกไป

ขณะที่บ่าวผู้ชายที่เหลือลากตัวน้อยกับบัวออกมาจากในเรือน พิศเดินตามออกมา แล้วเห็นอะไรบางอย่าง พิศเห็นผ้าของน้อยที่ผูกอยู่ที่หัวเสา รู้ว่าเป็นสัญลักษณ์บอกที่หมาย
พิศเม้มปาก แล้วลงเรือนไป บ่าวชายเอาตัวบัวกับน้อยมาโยนไว้ตรงหน้าพิศ บัวกับน้อยยกมือไหว้พิศปลกๆ ด้วยความหวาดกลัว
“บอกมา! ใครลักลอบมาพบพวกเอ็งสองคน”
น้อยกับบัวร้องไห้ แต่ไม่มีใครยอมปริปาก
พิศตะคอก “บอกมา”
สองสาวส่ายหน้า ไม่ยอมพูด แต่ร้องไห้น้ำตาไหลพรากด้วยความกลัวพิศจับใจ
“พวกเอ็งไม่ยอมบอกรึ”
ระหว่างนั้นเพียรกับบ่าวผู้ชายวิ่งกลับมา
“ตามไม่ทันขอรับ”
พิศเจ็บใจ “ฮึ” นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไอ้เพียร ลากตัวอีกน้อย อีบัวไปที่ลาน แล้วไปเอาหวายมา”
บัวกับน้อยตกใจกลัวสุดขีด ผวาเข้ากอดกันร้องไห้เสียงดัง แต่ก็ถูกเพียรกับบ่าวชายคนอื่นๆ ช่วยกันลากตัวสองคนไป

พิศเดินตามไปด้วยสีหน้าเลือดเย็น ในขณะที่พระยาสมานมีสีหน้าร้อนใจมาก
ฉัตรกับฉายวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในบ้าน ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง

“โอ๊ย..เกือบไม่รอด” ฉายเอ่ยขึ้นม่ามีโล่งใจ
ฉัตรพูดหน้าเครียด “พี่เป็นห่วงสองคนนั่นจริงฉาย ถึงเราจะหนีรอดมาได้อย่างนี้ แต่สองคนนั่นจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
ฉัตรชะงักหยุดพูดไปทันทีทันใด เมื่อเห็นเงาใครคนหนึ่งเดินเข้ามา ฉายหันมองตามสายตาพี่ชาย เห็นใครคนนั้นค่อยๆ เดินเข้ามา ทั้งสองกลั้นใจ และแล้วร่างนั้นก็โผล่เข้ามาในแสง เห็นว่าเป็นนายสน ที่พุ่งเข้ามากราบเท้าฉัตรอย่างกลัวลาน

“คุณฉัตรขอรับ ยกโทษให้กระผมเถิดนะขอรับ กระผมผิดไปแล้ว”
ฉัตรงวยงง “เอ็งทำอะไร”
สนเบะปากร้องไห้ “กระผม..ฮือๆ”
ฉัตรนิ่งอึ้งไปทันที พอจะเดาอะไรได้ลางๆ
“นี่อย่าบอกนะว่าเอ็ง”
ฉายพูดไม่ทันจบ ก็ถูกขัดขึ้นเสียก่อน
“ไอ้สนมันสารภาพกับพ่อหมดแล้ว..ว่าเจ้าสองคนแอบลักลอบเข้าไปบ้านท่านเจ้าคุณสมานกัน”
ฉัตรกับฉายหันขวับไปมอง เห็นพระยาโกสินทร์ยืนหน้าบึ้งอยู่ มีแอนนายืนหน้าบึ้งตึงอยู่ข้างหลังด้วย
ฉัตรกับฉายอุทานพร้อมกัน “เจ้าคุณพ่อ”

บัวกับน้อยถูกบ่าวชายลากตัวมาที่ลานกลางบ้าน สองคนร้องไห้มาตลอดทาง เพียรเดินตามมาทีหลัง มีหวายอันใหญ่ในมือเตรียมพร้อมจะเฆี่ยนตามคำสั่ง
“พวกเอ็งจะบอกหรือไม่บอก ว่าพวกเอ็งนัดหมายใครให้มาพบถึงเรือน ข้าเห็นเอ็งเอาผ้าผูกที่เสาเรือนเป็นที่หมายตา บอกมา เอ็งนัดกับใคร”
ทั้งสองมองหน้ากัน รู้ว่าถ้าบอกก็ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ แต่ถ้าไม่บอกก็คงถูกเฆี่ยนยับ ตัดสินใจไม่ได้

“อีน้อย เรือนนั้นเป็นเรือนของเอ็ง หาใช่เรือนของอีบัวไม่ เพราะฉะนั้น..คนที่ลักลอบเข้ามา มันต้องมาหาเอ็ง ใช่หรือไม่ บอกมา ใครมาหาเอ็ง”
น้อยไม่กล้าตอบ ได้แต่ส่ายหน้า พิศมองหน้าน้อยกับหน้าบัวสลับกันไปมา แล้วตัดสินใจสั่งเพียร
“ไอ้เพียร เฆี่ยนอีบัวจนกว่าอีน้อยมันจะยอมบอก”
ทั้งบัวทั้งน้อยตกใจ
“ไม่..ไม่” น้อยร้องลั่น
“งั้นเอ็งก็บอกมาว่า..ใครมาหาเอ็ง”
น้อยอึกอักๆ มองบัว บัวส่ายหน้าเป็นเชิงไม่ให้บอก น้อยเลยพูดไม่ออก พิศยิ่งโมโห
“ไอ้เพียรเฆี่ยนอีบัวประเดี๋ยวนี้ เอาให้สุดแรง จนกว่าอีน้อยมันจะยอมบอกว่ามันนัดใครมาพบ”
เพียรเดินกระชับหวายในมือตรงไปที่บัว แล้วหวดขวับลงไปที่หลัวบัวเต็มแรง
แผ่นหลังของบัวเป็นแผลปริแตก เลือดซึมขึ้นมาทันที
บัวสะดุ้งเฮือก น้ำตาร่วงเผาะด้วยความเจ็บปวด น้อยก็น้ำตาตกพอกัน
“เฆี่ยนต่อไปสิไอ้เพียร ! เฆี่ยน”

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 3/3 วันที่ 3 ม.ค. 56

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ที่มา manager