อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 5/3 วันที่ 9 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 5/3 วันที่ 9 ม.ค. 56

“แม่..ข้าไม่เป็นอะไรหรอก นังน้อยล่ะ มันเป็นยังไงมั่ง”
“ถูกขังอยู่ที่หลังเรือนทาสโน่น เอ็งน่ะอย่าเพิ่งห่วงคนอื่นเลย ห่วงตัวเองก่อนเถอะ เอ็งถูกมัดอยู่อย่างนี้ ถ้าน้ำ มันขึ้นเต็มที่ เอ็งก็คง...” นางพุ่มไม่กล้าพูดคำว่า...จมน้ำตาย
เพียรดันต่อคำให้เอง “ตายไงแม่”
นางพุ่มร้องไห้โฮเมื่อได้ยินคำว่าตาย
“คุณพิศเธอช่างใจร้ายจริง ใจคอจะลงโทษกันถึงตายเลยเหรอเนี่ย ข้าจะไปบอกท่านเจ้าคุณ” นางพุ่มขยับจะไป

ไอ้เพียรเอ่ยขึ้น “ไม่มีประโยชน์หรอกแม่ แม่ก็รู้...ท่านเจ้าคุณน่ะ เคยเห็นหัวข้าเสียที่ไหน รักอยู่แต่คุณพิศ ไม่เคยรักข้า ไม่เคยเห็นว่าข้าเป็นลูกเลย แล้วนี่...ลูกรักของท่านเป็นคนสั่งลงโทษข้าแม่คิดเหรอว่าท่านเจ้าคุณจะกล้าทำอะไร”



“แต่จะให้ข้าเฝ้าดูเอ็งตายไม่ได้หรอก ถึงพ่อเอ็งเขาจะไม่รักเอ็ง แต่ข้ารัก ยังไงๆ เอ็งก็เป็นลูกข้า”
นางพุ่มตัดสินใจจะไปแก้มัดให้เพียร แต่ยังไม่ทันจะทำอะไร ไอ้แนบก็เข้ามาเห็นเสียก่อน
“หยุดนะนังพุ่ม”
นางพุ่มชะงักกึก
“เอ็งคิดจะทำอะไร” ไอ้แนบจ้องหน้าถาม
“ข้าก็จะช่วยลูกข้าน่ะสิ” นางพุ่มจะแก้มัดให้เพียร
“คิดจะขัดคำสั่งคุณพิศเหรอ”
ว่าแล้วไอ้แนบก็เอาไม้ไล่ตีนางพุ่ม ไม่ยอมให้นางพุ่มแก้มัดเพียรได้ นางพุ่มร้องโอ๊ยๆ ด้วยความเจ็บ ไอ้เพียรเห็นอย่างนั้นก็โมโห ตะโกนเสียงดังลั่น
“ไอ้แนบ เอ็งจะมากไปแล้วนะ แม่ แม่หนีไปเร็ว ไม่ต้องห่วงข้า”
นางพุ่มวิ่งหนีไป แต่ไม่วายเหลียวกลับมามองดูลูกชายด้วยสายตาเป็นห่วงตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ในเพลานั้น แต่ยังไม่พูดอะไร เพียรมองตามร่างแม่ไปจนลับตา แล้วหันไปจ้องหน้าไอ้แนบด้วยความแค้นใจที่แนบทำร้ายแม่ตน

ฉัตรยังคงเดินกระวนกระวายรอฟังเหตุการณ์อยู่ พระยาโกสินทร์กับฉายกลับเข้าบ้านมาแล้ว
“นายชดได้เรื่องว่ายังไงบ้างขอรับพี่ฉัตร” ฉายถาม
ฉัตรมีสีหน้าเป็นกังวลขณะบอก “นายชดยังไม่มาเลยฉาย”
พระยาโกสินทร์ตบบ่าบุตรชายคนโตปลอบใจ
“ใจเย็นๆ ฉัตร ลงว่าให้พ่อไปไถ่ตัวออกมาเองอย่างนี้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก”
ขาดคำนายสนก็เดินนำนายชดเข้ามา พอฉัตรเห็นหน้านายชดเศร้าสลดก็ใจหล่นวูบในทันที

ฉัตรสีหน้ากลัดกลุ้มอย่างที่สุด คนอื่นๆ ก็กลุ้มไม่แพ้กัน
“อะไรนะ ไม่ยอมให้ไถ่ตัว เงินทองที่ให้ไป ก็ครบตามจำนวนพอดีไม่ใช่หรือนายชด”
นายชดหน้าละห้อย “ครบถ้วนทุกประการขอรับ”
“ก็ถ้าครบแล้วทำไมถึงไถ่ตัวแม่บัวไม่ได้ล่ะ มันมีปัญหาอะไร” ฉัตรฉงน
นายชดถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ตัวท่านเจ้าคุณสมานน่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอกขอรับ ทีแรกก็ทำท่ายินยอมจะให้ไถ่ตัวนังบัวแต่โดยดี เพราะทำท่าว่าอยากจะได้อัฐโขอยู่ แต่คุณพิศลูกสาวท่านเจ้าคุณน่ะสิขอรับไม่ยอมให้ไถ่ พูดยังไงๆ เธอก็ไม่ยอม นี่แม้แต่หน้านังบัว...กระผมก็ไม่ได้เห็น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นน่ะขอรับ”
ฉัตรหันไปมองหน้ากับฉาย และพระยาโกสินทร์ สังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับบัวเสียแล้ว ฉัตรหน้าเครียด พูดเสียงดัง
“ยังไงๆ ก็ต้องไถ่ตัวแม่บัวมาให้ได้ ไม่ว่าจะเสียเท่าไหร่ก็เสียไป”
ฉัตรมองหน้าผู้เป็นบิดา เห็นพระยาโกสินทร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ฉัตรยกมือไหว้พ่อขอบพระคุณ แต่ฉายขัดขึ้น
“พี่ฉัตรขอรับ กระผมว่า...ถึงเราจะให้นายชดเอาอัฐเท่าไหร่ๆ ไปให้ท่านเจ้าคุณสมาน ถึงท่านเจ้าคุณสมานจะอยากได้อัฐอยู่ แต่เรื่องนี้มันติดขัดอยู่ที่คุณพิศนะขอรับ”
ฉัตรนิ่งไปทันที เห็นจริงด้วย ก่อนจะหันมาทางนายชด
“นายชด..เอ็งว่าท่านเจ้าคุณสมานอยากได้อัฐใช่มั้ย”
“ขอรับ”
พระยาโกสินทร์สงสัย “ฉัตรคิดจะทำอะไรรึ”
“ในเมื่อท่านเจ้าคุณอยากได้อัฐ ไม่ติดขัดที่จะปล่อยตัวแม่บัวให้เป็นไท ถ้าเช่นนั้นเราก็จะนัดหมายท่านเจ้าคุณสมานให้ออกมาพบกันนอกเรือน คุณพิศจะได้ขัดขวางการไถ่ตัวแม่บัวไม่ได้อีกไงขอรับ”

นายชดยิ้มออกแววตามีหวังขึ้นมาทันที เมื่อเห็นทางออกในเรื่องนี้แล้ว สีหน้าของฉัตรเองก็ดูหมายมั่นนักว่าแผนนี้น่าจะได้ผล
ค่ำคืนนั้นพิศนั่งคิดอะไรอยู่ในห้องบนเรือน ครู่ต่อมานางด้วงเข้ามาปรนนิบัติพัดวี

“คุณพิศเจ้าขา..ความผิดครั้งนี้ นังบัวมันทำคุณพิศไว้เจ็บแสบสาหัสนัก บ่าวว่าขังมันไว้อย่างนี้ จนกว่าคุณพิศจะได้เข้าห้องหอกับคุณฉัตรเรียบร้อย แล้วค่อยปล่อยตัวมันออกมาดีมั้ยเจ้าคะ เพราะถึงเวลานั้นแล้ว คุณฉัตรก็คงจะทำอะไรไม่ได้ เพราะเข้าหอกับคุณพิศไปแล้ว เขาก็คงจะต้องตัดใจจากมัน”
พิศเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “เอ็งคิดอย่างนั้นรึ”
นางด้วงฉงน “เอ๊ะ..หรือว่า..ถ้าคุณพิศกลัวว่าคุณฉัตรจะไม่ยอมตัดใจจากมัน คุณพิศก็จัดการส่งนังบัวมันไปทำไร่ไถนาต่างเมืองไปเลยสิเจ้าคะ แล้วก็ไม่ต้องบอกว่าส่งไปที่ไหน จ้างให้..ก็หากันไม่เจอ” พูดจบนางด้วงก็หัวเราะชอบใจแผนตัวเอง
พิศนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง
“ไม่หรอกนังด้วง คนลงมันรักกัน ต่อให้ส่งมันไปต่างเมือง มันก็คงจะดั้นด้นไปหากันจนได้นั่นแหละ”
นางด้วงงงไม่หาย “อ้าว..แล้วคุณพิศจะเอายังไงละเจ้าคะ”
พิศคิดแผนที่จะฆ่าบัวไว้แล้ว “ข้าก็จะส่งนังบัวไปที่ไกลแสนไกล...ไกลจนคุณฉัตรไม่มีวันหามันเจอ” สีหน้าพิศขณะพูดเหี้ยมเกรียมดวงตาวาวโรจน์อย่างน่ากลัว

ขณะที่นางแดงกำลังเดินยกสำรับจะขึ้นเรือนใหญ่ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นนายสนลับๆ ล่อๆ อยู่แถวพุ่มไม้
“นั่นใครน่ะ”
นายสนเดินออกมา “ข้าเป็นบ่าวเรือนท่านเจ้าคุณโกสินทร์ มีหนังสือจากท่านเจ้าคุณโกสินทร์จะเอามาให้ท่านเจ้าคุณสมานน่ะ”
นางแดงๆม่เข้าใจ “ก็แล้วทำไมต้องทำลับๆล่อๆด้วย เอ้า ประเดี๋ยวข้าจะขึ้นไปเรียนท่านเจ้าคุณสมานให้”
นายสนร้องห้าม “ไม่ต้อง แต่ข้าจะฝากเอ็งไป แต่...” พลางล้วงหยิบเอาอัฐจำนวนมากออกมายื่นให้นางแดงดู “เอ็งต้องส่งหนังสือนี้ให้ถึงมือท่านเจ้าคุณสมานโดยห้ามให้คุณพิศเธอรู้เป็นอันขาดนะ”
นางแดงหรี่ตามองดูอัฐในมือนายสนพลางนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ได้” นางแดงจะคว้าอัฐจากมือนายสน
นายสนเอาอัฐหลบอย่างรวดเร็ว “ส่งหนังสือให้ถึงมือท่านเจ้าคุณสมานโดยที่คุณพิศเธอไม่รู้เรื่องให้สำเร็จเสียก่อน แล้วเอ็งกลับลงมาบอกคำตอบจากท่านเจ้าคุณสมานกับข้าที่นี่ แล้วเอ็งค่อยเอาอัฐไป”
นางแดงค้อนขวับ “ก็ได้” แล้วคว้าจดหมายในมือนายสนไป
นายสนมองตาม

นางแดงเดินขึ้นเรือนมา พอเห็นพระยาสมานนั่งอยู่ โดยที่พิศไม่อยู่ด้วย นางแดงก็ปราดเข้าไปหา เหลียวซ้ายแลขวาดูพิศอีกที แล้วยื่นจดหมายให้พระยาสมาน พระยาสมานมองท่าทางนางแดงอย่างสงสัย
“อะไรของเอ็งวะนังแดง”
นางแดงกระซิบตอบ “หนังสือจากท่านเจ้าคุณโกสินทร์เจ้าค่ะ กำชับมาว่าห้ามให้คุณพิศรู้เจ้าค่ะ”
พระยาสมานขมวดคิ้ว แล้วคว้าจดหมายไปเปิดออกอ่าน
สักครู่หนึ่งนางแดงถามขึ้น “ว่าไงเจ้าคะ คนของท่านเจ้าคุณโกสินทร์รอฟังคำตอบอยู่ข้างล่างเจ้าค่ะ”
พระยาสมานเอ่ยขึ้น “บอกมัน..ว่าข้าจะไป”
“เจ้าค่ะ” นางแดงออกไป
แต่ยังไม่ทันที่พระยาสมานจะเก็บจดหมาย พิศกับนางด้วงก็เดินออกมาจากห้อง พระยาสมานรีบเอาจดหมายยัดใส่อกเสื้ออย่างรวดเร็ว
พิศเห็นแวบๆ จึงถามด้วยความสงสัย “มีอะไรหรือคะเจ้าคุณพ่อ”
“ไม่มีอะไรนี่ พ่อก็แค่...” ท่านเจ้าคุณทำบิดขี้เกียจไปมา “ปวดๆ เมื่อยๆ ไปตามประสา ชักแก่แล้วน่ะ” แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “เอ้อ..ลูกพิศเห็นไอ้เพียรมันมั่งมั้ยเนี่ย วันนี้ไม่รู้มันหายหัวไปไหนทั้งวันเลย จะเรียกใช้สอยอะไรสักหน่อย ก็หาตัวมันไม่เจอ”
นางด้วงปากเบา จะบอกว่าเพียรถูกมัด “ไอ้เพียรมัน...”
พิศตัดบทเสียก่อน “พิศให้มันไปทำธุระให้พิศนอกเมืองหน่อยน่ะค่ะ แต่บอกมันว่าถ้ากลับไม่ทันค่ำ ก็ให้มันหาที่นอนเสียที่โน่น เช้าแล้วค่อยกลับมา เจ้าคุณพ่อมีธุระอะไรจะใช้มันหรือคะ”
“ไม่มีธุระอะไรสำคัญหรอก ถ้าลูกใช้มันไปไหนแล้ว..ก็แล้วไปเถอะ” แล้วลุกเดินเข้าห้องไป
นางด้วงสงสัย “ทำไมคุณพิศไม่บอกท่านเจ้าคุณไปเลยละเจ้าคะว่าคุณพิศสั่งมัดไอ้เพียรไว้ที่ท่าน้ำโน่น”
“ทำไมต้องบอก”
นางด้วงหน้าจ๋อยไป
“ข้าจะต้องลงโทษมันให้สาสม โทษฐานที่มันรู้เรื่องทุกอย่าง แต่บังอาจปิดบังข้า และข้าก็ไม่ต้องการให้พ่อข้า หรือใคร ขัดขวางข้าไม่ให้ลงโทษมัน”
นางด้วงรีบรับคำ “เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ”

สีหน้าธิดาสุดสวาทของพระยาสมานในยามนี้ เต็มไปด้วยความอาฆาต พยาบาทและโกรธเกรี้ยว
ไอ้เพียรที่ถูกมัดอยู่ที่เสาท่าน้ำ โดยมีไอ้แนบคอยเฝ้าดูอยู่ และเวลานี้น้ำขึ้นมาถึงคอแล้ว ไอ้เพียรพยายามจะดิ้นให้หลุดจากเชือกมัด แต่ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด แถมยิ่งเชือกถูกน้ำก็ยิ่งมัดตัวแน่นมากยิ่งขึ้น ไอ้เพียรร้องเรียก

“ไอ้แนบ”
แนบหันมามอง
“เอ็งช่วยแก้มัดให้ข้าทีสิ”
“จะบ้าเรอะ ขืนข้าแก้มัดให้เอ็ง คุณพิศเธอจะได้ให้คนมัดข้าแทนเอ็งน่ะสิ ในเมื่อเอ็งทำผิด เอ็งก็ก้มหน้ารับโทษไปเถอะไอ้เพียร”
ไอ้เพียรฮึดฮัดด้วยความโมโห ไอ้แนบหันหน้าไปทางอื่น ไม่ยอมสบตา แต่แล้วทันใดนั้นก็มีไม้ฟาดเข้าที่หัวไอ้แนบดังผัวะ มันฟุบสลบไปในทันที ไอ้เพียรหันไปดูจึงเห็นว่าคนที่ฟาดหัวไอ้แนบคือนางพุ่มผู้เป็นแม่นั่นเอง
“แม่”
นางพุ่มทิ้งไม้ในมือ กระโดดลงที่ท่าน้ำ แล้วแก้มัดให้ลูกชายอย่างรีบร้อน นางพุ่มแก้เชือกไป ร้องไห้ไป พอเชือกหลุด ๒ แม่ลูกก็รีบขึ้นตลิ่ง
“เอ็งรีบหนีไปนะไอ้เพียร ไปที่ไหนก็ได้ แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก”
“แม่...แล้วแม่ล่ะ...ถ้าคุณพิศรู้...”
นางพุ่มสวนคำออกมา “ช่างปะไร ข้ามันแก่แล้ว ยังไงๆ ข้าก็ต้องตายอยู่ที่เรือนนี้อยู่แล้ว จะตายเร็ว ตายช้า ก็ต้องตายอยู่ดี แต่เอ็งสิยังหนุ่มยังแน่น ยังมีชีวิตได้อีกยาวนาน อย่าทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่ เพราะผู้หญิงใจร้ายอย่างคุณพิศเลย”
ไอ้เพียรพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแล้วคิดอะไรได้ “แม่ แล้วนังน้อยล่ะ”
“ยังถูกขังอยู่ที่หลังเรือนทาสโน่น”
“ข้าจะไปพามันหนีไปด้วยกัน”
นางพุ่มฉุน “ไอ้เพียรเอ๊ย ! เอ็งเอาตัวเอ็งเองให้รอดเสียก่อนเถอะ แล้วถ้าเอ็งกับนังน้อยมีวาสนาต่อกัน สักวันเอ็งกับมันก็คงจะได้พบกันอีก ไปเถอะไป ก่อนที่จะมีใครมาเห็น...” ลูบหัวลูกตัวลูกชายอย่างรักใคร่ น้ำตาไหลพราก
ไอ้เพียรมองแม่อย่างตื้นตัน แล้วตัดสินใจก้มลงกราบแทบเท้าแม่ นางพุ่มทรุดลงกอดเพียรไว้ สองแม่ลูกกอดกันแล้วร้องไห้ ก่อนที่นางพุ่มจะตัดใจ
“ไปเถอะ”
ไอ้เพียรมองนางพุ่มเต็มตาอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งหนีหายตัวเข้าไปในความมืด นางพุ่มมองลูกชายจนลับตาน้ำตาไหลพราก

คืนพระจันทร์ข้างแรม บรรยากาศหม่นหมอง บัวซึ่งนอนซมอยู่ค่อยๆ รู้สึกตัว ขยับลุกขึ้นนั่ง แล้วเหลียวไปมองน้อย เห็นน้อยฟุบหลับอยู่ในท่าที่ไม่สบายเลย สภาพเนื้อตัวสกปรกมอมแมมไม่แพ้กัน
บัวน้ำตาไหลริน เหม่อมองพระจันทร์คืนข้างแรม ด้วยใบหน้าเศร้าหมอง

โมงยามเดียวกัน ฉัตรกำลังยืนมองดูพระจันทร์ดวงเดียวกับบัว นายทหารหนุ่มนักเรียนนอกถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม ไม่รู้พรุ่งนี้แผนจะสำเร็จหรือไม่ ครู่หนึ่งฉายเดินเข้ามาหา
“นอนไม่หลับใช่มั้ยขอรับ”
ฉัตรพยักหน้า “พี่ไม่นึกเลยนะว่าเรื่องราวมันจะใหญ่โตและบานปลายไปอย่างนี้ พี่ไม่เคยนึกเลยว่าผู้หญิงที่ดูอ่อนหวานอย่างคุณพิศ เธอจะใจร้ายได้ถึงขนาดนี้”
“คนเรา..รู้หน้าไม่รู้ใจหรอกขอรับ นี่ยังดีนะขอรับที่พี่ฉัตรไม่ได้ตกร่องปล่องชิ้นไปกับหล่อนไม่เช่นนั้นพี่ฉัตรคงจะต้องทุกข์ใจไปชั่วชีวิต” ฉายหน้าสลดลงเมื่อคิดถึงเรื่องของตัวเองบ้าง
ฉัตรมองฉายเข้าใจความรู้สึก จึงเอ่ยถามผู้เกิดทีหลัง “คิดถึงแอนนา”
ฉายพยักหน้า “ถึงอย่างไรเสีย...หล่อนก็เคยเป็นเมีย จากกันไปอย่างนี้..จะอยู่ดีมีสุขหรือทุกข์อย่างไรก็สุดจะคาดเดาได้ แต่เอาเถอะขอรับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป” ฉายพูดพร้อมกับพยายามฝืนยิ้มให้ฉัตร “หวังว่าพรุ่งนี้คงมีข่าวดีสำหรับพี่ฉัตรนะขอรับ”
ฉัตรตบบ่าฉายเบาๆ “ขอบใจฉาย..ขอบใจ”
ฉัตรสีหน้าที่ดูมีความหวังขึ้นมาบ้าง

วันต่อมาพระยาสมานเดินเหลียวหน้าเหลียวหลังเข้ามาในกระทรวง ครั้นพอเห็นพระยาโกสินทร์ยืนรอที่จุดนัดพบอยู่ก่อนแล้ว พระยาสมานก็ทำท่าเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“ท่านเจ้าคุณนัดกระผมมาเช่นนี้ มีธุระอะไรหรือขอรับ”
“มีคนต้องการจะพบท่านเจ้าคุณเป็นการส่วนตัวน่ะขอรับ กระผมก็เลยเป็นธุระให้”
พระยาสมานงง “ใครรึขอรับ”
พระยาโกสินทร์ไม่ตอบ แต่หันไปพยักหน้าเรียกใครบางคนให้ออกมาจากมุมตึก พระยาสมานหันไปดู เห็นเป็นนายชดเดินถือห่อผ้ามาด้วย ๒ ห่อ
“อ้าว..อะไรกันขอรับนี่”
“กระผมหมดธุระแล้ว” พระยาโกสินทร์ สบตากับนายชดแล้วเดินออกไป
พระยาสมานวางท่าใส่นายชด นายชดคุกเข่าลง วางห่อผ้าไว้ข้างตัว แล้วพนมมือไหว้พระยาสมาน ขอร้อง
“ท่านเจ้าคุณโปรดเห็นแก่กระผมด้วยเถอะขอรับ ชีวิตของกระผมก็มีลูกสาวอยู่กับเขาแค่คนเดียว แต่กระผมก็ต้องนำมันมาเป็นทาสขัดดอกที่เรือนของท่านเจ้าคุณด้วยความจำเป็น เวลานี้กระผมมีอัฐพอที่จะขอไถ่ตัวมันกลับคืนได้”
นายชดค่อยๆแก้ห่อผ้าออกให้พระยาสมานดู พระยาสมาน เห็นอัฐในห่อผ้า ทำหน้าเฉยๆ
“แต่เอ็งก็รู้ว่าลูกพิศของข้าไม่ยอม...”
นายชดไม่พูดอะไร แต่หยิบห่อผ้าอีกห่อมาเปิดออกให้พระยาสมานดูอีก ห่อผ้าที่ ๒ เห็นมีอัฐจำนวนเท่าๆ กับห่อแรกเลย คราวนี้พระยาสมานตาลุกโพลงด้วยความโลภ
“กระผมให้ค่าไถ่ตัวนังบัวเป็นสองเท่าจากเดิมเลยขอรับ” นายชดยกมือไหว้พระยาสมาน “ขอให้กระผมได้ไถ่ตัวลูกสาวคืนนะขอรับท่านเจ้าคุณ”
พระยาสมาน หรี่ตานิ่งคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง “เอาเถอะ..ในเมื่อเอ็งอยากได้ลูกสาวคืนถึงขนาดนี้ ข้าก็จะจัดการให้ แต่มันคงต้องมีการยักเยื้องกันสักหน่อย”
“ยังไงรึขอรับ”
“เอ็งก็รู้ว่าลูกข้าคงไม่ยอมให้ไถ่ตัวลูกสาวเอ็งง่ายๆ เพราะฉะนั้น..เอายังงี้ คืนนี้เอ็งเอาอัฐทั้งหมดนี่ไปรอข้าอยู่ที่ท้ายวัด ไม่เกินสองยาม ข้าจะพาตัวนังบัวไปหาเอ็ง”
นายชดยิ้มร่าด้วยความดีใจ ยกมือไหว้พระยาสมานปลกๆ
“แต่เอ็งต้องไปคนเดียวนะ ข้าไม่อยากให้เรื่องมันเอิกเกริก”
“ขอรับๆ” นายชดไหว้พระยาสมานปลกๆ อีก

คล้อยหลังนายชด พระยาสมานมีแววตาร้ายกาจออกมาทางสีหน้า เหมือนมีแผนไม่ดีอะไรบางอย่าง
บัวกับน้อย ถูกนางด้วงเอาชามข้าวและกับคว่ำใส่หัวจนเลอะเทอะไปหมด นางแดงที่เป็นคนเอาข้าวมาให้สองคน และบ่าวอื่นๆ แอบส่ายหน้าอย่างกลุ้มใจ แล้วพิศก็เดินเข้ามาพูดใส่หน้าบัว

“รู้มั้ยนังบัว พ่อเอ็งมันมาหาเอ็งทำไม”
บัวหน้าเหวอ
“พ่อเอ็งมันเอาอัฐมาไถ่ตัวเอ็ง”
บัวสีหน้าตื่นเต้น ชีวิตเริ่มมีความหวัง
พิศพูดต่อ สะบัดเสียงใส่ “แต่ข้าไม่ให้ไถ่”
บัวหน้าสลดลงทันที
“ข้าจะเก็บเอ็งเอาไว้ และก็ยังจะไม่ฆ่าหรอกนะนังบัว เพราะถ้าเอ็งตายเร็ว มันก็จะไม่สาสมกับที่เอ็งทำร้ายหัวใจข้า แต่ข้าจะทรมานเอ็งจนกว่าข้าจะพอใจ ข้าจะดูสิว่า..พอเวลาที่เอ็งหมดสวยหมดงามแล้ว คุณฉัตรเขายังจะรักเอ็งอยู่มั้ย”
จากนั้นพิศก็พยักหน้าให้นางด้วงเอาเหล็กเผาไฟยื่นเข้าไปในกรงเพื่อจะนาบที่หน้าบัว บัวส่ายหน้าหนีไปจนติดกรง หนีไม่ออก พิศยิ้มเหี้ยมเกรียมในขณะที่นางด้วงหัวเราะสนุก แล้วยื่นเหล็กเผาไฟเข้าไปใกล้หน้าบัว
น้อยร้องลั่น “อย่า”
“นังน้อย เอ็งอย่าทำกำแหง ประเดี๋ยวเอ็งก็จะต้องโดนเหมือนกัน”
น้อยนิ่งไปทันที แววตาหวาดกลัว นางด้วงยื่นเหล็กเผาไฟเข้าไปใกล้หน้าบัวอีก แต่พอจะถึง บ่าวคนหนึ่งก็วิ่งทะเล่อทะล่าน้าตาตื่นเข้ามาเสียก่อน
“คุณพิศขอรับ”
พิศหงุดหงิด “อะไร”
“ไอ้เพียรมันหนีไปแล้วขอรับ”
“อะไรนะ” พิศมีหน้าตาโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที
น้อย เผลอยิ้มดีใจที่เพียรหนีไปได้

นางด้วงตบไอ้แนบสุดแรง ก่อนจะตะคอกเสียงดัง
“ให้เฝ้าไอ้เพียรแค่นี้ เอ็งก็เฝ้าไม่ได้ ปล่อยให้มันหนีไปได้ยังไงหา”
ไอ้แนบครวญ “ก็ใครตีหัวข้าไม่รู้…”
พิศได้ยินหันขวับไปมองที่นางพุ่มอย่างสงสัย นางพุ่มทำหน้าไม่รู้เรื่องอะไร นางด้วงมองตามสายตาพิศ รู้ใจเจ้านาย
“ต้องเป็นน้าแน่ๆ น้าพุ่ม”
นางพุ่มไม่ยอมรับ “บ้าเหรอ ข้าไม่กล้าหรอก ขืนขัดคำสั่งคุณพิศ ข้าได้หลังขาดปะไร ข้าอยากแก่ตายนะ ไม่ใช่ถูกเฆี่ยนจนตาย”
นางพุ่มก็หันไปยกมือไหว้พิศปลกๆ
“คุณพิศเจ้าขา ปล่อยไอ้เพียรมันไปเถอะนะเจ้าคะ ความจริงมันก็แค่รู้เรื่อง แต่มันไม่ได้บอกใคร ก็แค่นั้น มันไม่ได้ทำความผิดอะไรร้ายแรง อย่าถึงขั้นต้องฆ่าต้องแกงกันเลยนะเจ้าคะคุณพิศเจ้าขา…”
พิศมองตาขวาง “รู้แต่ไม่บอก ก็ผิดเหมือนกัน ข้าให้อภัยไม่ได้”
“แต่ไอ้เพียรมันก็เป็นน้องชายของคุณพิศนะเจ้าคะ”
พิศชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะหันมาพูดใส่หน้าน้ำเสียงทรงอำนาจ “ข้าไม่มีพี่ ไม่มีน้อง ไอ้เพียรมันเป็นลูกไม่มีพ่อ”
นางพุ่มสะอึกอึ้งไปทันที แล้วพิศก็หันไปสั่งบ่าวผู้ชายที่อยู่แถวนั้น
“ไอ้สิงห์ เอ็งพาคนไปตามล่าตัวไอ้เพียร ลากตัวมันกลับมาให้ได้”
“ขอรับ” ไอ้สิงห์รับคำแล้วรีบออกไป
“อย่าให้ข้ารู้เชียวนะว่าใครเป็นคนช่วยไอ้เพียร” พิศจ้องหน้าเป็นเชิงขู่นางพุ่มขณะที่พูด “ข้าจะเฆี่ยนให้หลังขาดทีเดียว” แล้วหันไปสั่งนางด้วง “กลับไปที่อีบัว”
“เจ้าค่ะ” นางด้วงออกท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือจะทำโทษบัวมาก
พิศเดินนำไปนางด้วงตาม เหล่าทาสทั้งหลายที่อยู่ในสภาวะหวาดกลัวพิศกันถ้วนทั่ว ในขณะที่นางพุ่มมองตามพิศไปด้วยสีหน้าชิงชังสุดใจ

พอพิศกับนางด้วงจะเดินกลับหมายจะไปลงโทษบัวต่อ บ่าวผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาคุกเข่าพูด
“คุณพิศเจ้าขา ท่านเจ้าคุณให้หาเจ้าค่ะ”
พิศชะงัก “เจ้าคุณพ่อกลับมาแล้วรึ มีเรื่องอะไรรู้มั้ย”
“ไม่ทราบเจ้าค่ะ”
พิศทำหน้าขัดใจที่ไม่ได้คำตอบอะไร จะเดินกลับเรือนนางด้วงเรียกไว้สาระแนพูดเอาใจ
“คุณพิศเจ้าขา ถ้าคุณพิศจะกลับเรือน ถ้าเช่นนั้นให้บ่าวกลับไปเผาหน้าอีบัวก่อนดีมั้ยเจ้าคะ”
พิศบอกเสียงแข็ง “ยัง ขังมันไว้อย่างนั้นก่อน ข้าต้องการจะเห็นเวลาเอ็งเผาหน้ามันด้วยตาของข้าเอง มันถึงจะสาแก่ใจ ไป ขึ้นเรือนก่อนนังด้วง ไม่รู้เจ้าคุณพ่อเรียกหาข้าด้วยเรื่องอะไร”

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 5/3 วันที่ 9 ม.ค. 56

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ที่มา manager