อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 11/3 วันที่ 25 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 11/3 วันที่ 25 ม.ค. 56

“ทำไมเหรอคะ? อะไรที่เป็นภัยแก่ตัวดิฉันเหรอเจ้าคะ”
หลวงพ่อกสินเทศนาต่อ “สิ่งที่โยมกำลังจะทำมันผิด การไปรู้อดีต รู้อนาคต มันเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ มันจะทำให้โยมอายุสั้น โยมอาจจะสิ้นอายุไขในเร็ววันนี้ก็ได้ เพราะเรื่องที่โยมเข้าไปเกี่ยวข้องมันอยู่เหนือกฎแห่งกรรม”
เดือนตกใจ
“ดิฉันจะตายเหรอเจ้าคะ ใครจะทำอะไรดิฉันคะ”

“ไม่มีใครทำอะไรโยมเหรอก แต่ตัวโยมเองนั่นแหละที่ทำตัวเอง”
ขาดคำหลวงพ่อกสินก็เดินจากไป เดือนเริ่มกลัวในสิ่งที่หลวงพ่อกสินพูดถึงตน



ค่ำคืนนั้น บุษบันกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ในมือถือกล่องดนตรีอยู่ เสียงเพลงจากกล่องดนตรีบรรเลง บุษบันเคลิบเคลิ้ม
บุษบันนึกถึงหน้าภีร์ภูมิ บุษบันยิ้มมีความสุข ถ้อยความที่พูดคุยกับพิมพิลาสก้องอยู่ในหัว
“เราสองคนรักกัน...รักกันมากกว่าที่คุณคิดนะคุณพิม”
บุษบันฟังเพลงจากกล่องดนตรีอย่างมีความสุขต่อไป

ขณะเดียวกันภีร์ภูมิยืนเหม่อมองพระจันทร์ นึกถึงบุษบันแล้วภีร์ภูมิยิ้มมีความสุข
“ผมรักคุณคุณบุษ และจะไม่มีใครมาพรากเราจากกันไปไหนอีก”
ภีร์ภูมิมีความสุขเมื่อนึกถึงคำพูดที่เอ่ยถึงบุษบัน

เวลาเดียวกัน รถของพิมพิลาสแล่นอยู่บนถนนด้วยความเร็วสูง พิมพิลาสขับมาเองด้วยสีหน้าดุดัน

บริเวณลานวัด ยามค่ำคืน เงียบสงัด มากนอนอยู่ใต้ต้นไม้กึ่งหลับกึ่งตื่น แสงไฟจากรถยนต์ที่สาดส่องเข้ามา พร้อมกับที่มีรถแล่นเข้ามาจอดที่ลานวัด มากสะดุ้งตื่น
“เสียงรถใคร?” มากรำพึง
พิมพิลาสเปิดประตูรถลงมาในมือถือกระเป๋าถือลงมาด้วย มากคอยฟังเสียงเคลื่อนไหว และจำได้ว่าเป็นเสียงฝีเท้าของพิมพิลาส
“คุณหนูคนนั้นนี่ มาทำไม”
พิมพิลาสมุ่งตรงไปทางบ้านเดือน
“เดินไปทางนั้น ต้องไปบ้านอีเดือนอีกแน่เลย”
มากจะตามไปห้ามเดือน

บ้านเดือนในยามค่ำคืนนั้น ปิดประตู และหน้าต่างเงียบเชียบ พิมพิลาสเดินมาถึง เห็นบ้านปิดเงียบ คิดว่าเดือนไม่อยู่ แต่สายตาพิมพิลาสเหลือบไปเห็นตะเกียงน้ำมันก๊าดที่แขวนอยู่หน้าบ้านมีควันขึ้นมาเหมือนเพิ่งดับ พิมพิลาสมั่นใจว่าเดือนต้องอยู่ในบ้านแน่นอน
เดือนแอบดูอยู่ในบ้าน ลุ้น ๆ ให้พิมพิลาสกลับไป พิมพิลาสเดินอ้อมไปทางหลังบ้าน เดือนเห็นพิมพิลาสเดินไปคิดว่ากลับไปแล้ว ถอนหายใจโล่งอก เดินไปหลังบ้าน เปิดไฟ พอไฟสว่างขึ้น พิมพิลาสยืนอยู่ตรงหน้าเดือน เดือนตกใจมาก
“ว้าย! ผี”
“ปิดบ้านหนีฉันทำไม” พิมพิลาสขึ้นเสียง
“กูไม่ยุ่งกับมึงแล้ว กูไม่ดูไม่ทำอะไรทั้งนั้น มึงกลับไปได้แล้ว”
“ฉันต้องการดูอีกครั้งเดียว”
“ไม่! กูบอกว่าไม่ก็ไม่” เดือนยืนกราน
เดือนกำลังจะปิดประตู แต่พิมพิลาสจับประตูไว้ พิมพิลาสหยิบเงินปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าถือ ชูขึ้นต่อหน้าเดือน
“ฉันจ้าง”
“ไม่ มึงจะจ้างกูเท่าไหร่กูก็ไม่เอา”
พิมพิลาสเก็บเงิน แต่หยิบปืนขึ้นมาขู่เดือนแทน เดือนเห็นปืน ตกใจ
“แม่หมอจะดูให้ฉันไหม”
เดือนลังเล เอายังไงดี

ครู่ต่อมา สองคนอยู่ในบ้านเดือน
“มึงจะดูอะไรอีกล่ะ อดีตมึงก็ดูไปหมดแล้ว”
“ฉันอยากดูอนาคตว่าฉันกับคนรัก และนังบุษบันจะเป็นยังไงต่อไป”
เดือนตกใจ
“ไม่นะ! ดูไม่ได้ เขาไม่ดูกัน ถ้ามึงดู ไม่กูก็มึงจะต้องตาย”
พิมพิลาสจ่อปืนใกล้ๆ เดือน
“แต่ถ้าไม่ดูแม่หมอได้ตายสมใจแน่ๆ เลือกเอาว่าจะไม่ดูแล้วตายหรือดูแล้วอาจมีสิทธิ์รอด”
เดือนมองพิมพิลาสอย่างหวาดผวากลัว

เวลาเดียวกันมากยืนแอบฟังอยู่ที่หลังต้นไม้นอกบ้าน รับรู้เรื่องราวว่าในบ้านว่ามีการขู่ถึงกับจะฆ่ากันก็ตกใจ
พระจันทร์ดวงใหญ่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิด มองผ่านความสลัวรางของแสงจันทร์ค่ำคืนนี้ลงมาเบื้องล่างจะเห็นเป็นบริเวณพิธีรำลึกชาติของพิมพิลาสและเดือน

ฉากผ้าสีขาวขึ้งกั้นไว้ทั้งสี่ทิศแบ่งเป็นห้องทั้งหมด 3 ชั้น สายลมพัดพริ้วแผ่วๆ จนทำให้ผ้าปลิวกระเพื่อม เป็นระยะ รอบๆ บริเวณมีการจุดเทียนสีขาวเพื่อให้แสงสว่าง
เดือน และพิมพิลาสยืนอยู่หน้าฉากผ้าดังกล่าว เดือนถือเทียนสีขาวที่จุดไฟแล้ว
“มึงแน่ใจแล้วนะว่าจะทำพิธีนี้” เดือนถามย้ำด้วยหน้าตาถมึงทึง
พิมพิลาสตอบกลับด้วยหน้าตามุ่งมั่น
“ฉันแน่ใจ เป็นไงเป็นกัน”
“กูบอกไว้ก่อนว่า กูไม่รับร้องความปลอดภัยของมึงนะ ถ้ามึงเป็นอะไรขึ้นมากูไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
พิมพิลาสบอกยืนยันอีก “ฉันพร้อมที่จะเสี่ยง”
เดือนพยักหน้า

“ถ้ามึงพร้อมแล้วก็เข้าไปข้างในได้ แต่ระหว่างทางมึงต้องตั้งจิตให้มั่น จ้องมองเทียนนี่ห้ามกระพริบตา อย่าวอกแวกจนกว่าจะถึงห้องพิธี”
พิมพิลาสพยักหน้ารับทราบ เดือนส่งเทียนสีขาวที่จุดไฟแล้วให้ พิมพิลาสและเดือนเตรียมตัวเข้าพิธี

ห่างออกไปมากค่อยๆ เดินแอบตามมาหลบอยู่หลังต้นไม้ ฟังเสียงเดือนกับพิมพิลาสคุยกัน

ภายในห้องผ้าพิธีดูอนาคต ฉากผ้าสีขาวค่อยๆ เปิดออก พิมพิลาสตั้งสมาธิเพ่งมองเทียนสีขาวในมือที่จุดไว้แล้ว แล้วค่อยๆ เดินเข้าไป พิมพิลาสค่อยๆ เดินผ่านผ้าไปทีละชั้น แสงสว่างจากเทียนรอบๆ พิธีส่องแสงสลัวๆ พิมพิลาสเดินมาถึงกลางห้องพิธี ค่อย ๆ นั่งลงบนพื้น เดือนเดินตามหลังมานั่งลงตรงข้ามกับพิมพิลาส
พิมพิลาสวางเทียนไว้บนแท่นตรงกลางระดับสายตาตรงหน้า
“มึงพร้อมแล้วนะ” เดือนถาม
พิมพิลาสพยักหน้า
“พนมมือตั้งสมาธิให้แน่วแน่ และเพ่งมองมาที่เปลวเทียนตรงหน้า แต่อย่ากระพริบตาเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นจะต้องเริ่มพิธีใหม่ และคิดถึงเรื่องที่มึงอยากจะรู้”
พิมพิลาสพยักหน้ารับทราบอีกครั้ง และรอบรวมความกล้า ทำสมาธิตั้งใจทำตามที่เดือนบอก
เดือนหลับตาพนมมือ ปากท่องคาถาขมุบขมิบ

ด้านมากยังคงแอบฟังเดือนกับพิมพิลาสอยู่ แต่เสียงเงียบไปแล้ว
เห็นแค่ภาพเงาของผู้หญิงสองคน เดือนกับพิมพิลาส นั่งอยู่ในฉากกั้น แสงจากเทียนยามต้องลมพัดไปมาเป็นแสงสลัวๆ

พิมพิลาสยังนั่งพนมมือเพ่งมองเทียนอยู่ในห้องผ้าพิธี เดือนยังหลับตาพนมมือ บอกพิธีเป็นระยะๆ
“ส่งมือทั้งสองข้างมาให้กู”
พิมพิลาสส่งมือให้เดือน เดือนจับไว้
“เพ่งเปลวเทียนต่อไป”

เวลาผ่านไป ร่างกายของเดือนเริ่มไม่ไหว เหงื่อออกท่วมตัว พิมพิลาสยังนิ่งนั่งจับมือกับเดือน
ใบหน้าเดือนเหงื่อไหลออกมามากขึ้น สายตาพิมพิลาสมุ่งมั่นไม่กระพริบตา
ครู่ต่อมาพิมพิลาสรู้สึกว่าแสงจากเปลวเทียนค่อยๆ สว่างขึ้นจนทำให้ต้องหลับตา พิมพิลาสมองเห็นอนาคตแล้ว แต่เป็นภาพตัดแบบสั้นๆ
ภาพในนิมิตของพิมพิลาสเป็นภาพภีร์ภูมิกับบุษบันกอดกัน รักกันหวานชื่น มีความสุข ใบหน้าพิมพิลาสแค้นจัด
ขณะเดียวกัน เดือนกำลังจะแย่ หายใจเหนื่อยหอบ หน้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เดือนพยายามจะดึงมือออกจากพิมพิลาส แต่พิมพิลาสไม่ยอมจับมือเดือนไว้แน่น
“กูไม่ไหวแล้ว”
“ไม่! ฉันจะดูต่อ”
พิมพิลาสจับมือเดือนแน่น เห็นอนาคตอีกครั้ง ตอนนี้พิมพิลาสเห็นตัวเองอยู่กับบุษบันบนเรือลำหนึ่งกลางสระบัว ในบ้านสวนของพิมพิลาสที่ต่างจังหวัด ในมือพิมพิลาสถือตรวนทองคำ บุษบันยื้อยุดกับพิมพิลาสจนเรือโคลงเคลง และล่มไป พิมพิลาสจมลงไปในน้ำพร้อมกับบุษบัน ตรวนทองคำพันตัวพิมพิลาสไว้ พิมพิลาสพยายามดิ้นแต่ดิ้นไม่หลุด พิมพิลาสค่อย ๆ จมลงไปในน้ำ
พิมพิลาสรู้สึกตัว ลืมตา อาการตกใจ
“แกจะฆ่าฉันเหรอนังบุษบัน”
พิมพิลาสปล่อยมือจากเดือน จังหวะนั้นเอวงเดือนล้มตึงลงไป พิมพิลาสเห็นเดือนล้มลงไปเลยเข้าไปประคองเดือนขึ้นมา เดือนมีเลือดออกจากปากเล็กน้อย
“เดี๋ยวก่อนแม่หมอ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไป ตกลงมันเป็นยังไง”
เดือนค่อย ๆ ลืมตาขึ้น และพยายามพูด
“แล้วมึงเห็นอะไรล่ะ”
“ฉันเห็นตรวนทองคำ มันจะฆ่าฉัน มันจะเอาตรวนมาถ่วงน้ำฉันใช่ไหม ตรวนมันอยู่ที่ไหน มันจะมาฆ่าฉันเมื่อไหร่ ตอบฉันมาก่อนแม่หมออย่าเพิ่งตาย”
พิมพิลาสเขย่าตัวเดือน ร้องเสียงดัง “แม่หมอ! อย่าเพิ่งตายนะ ฉันจะตายเพราะตรวนทองคำเหรอ แล้วยังไงอีก ตอบฉันก่อน”

มากได้ยินพิมพิลาสพูดถึงตรวนดังแว่วมา
“ตรวนทองคำ! ตรวนอะไรวะ ใครถูกถ่วงน้ำ ใครตาย”

เดือนค่อย ๆ กระอักเลือด พยายามจะพูด
“มึงจะต้องชดใช้ในสิ่งที่มึงเคยทำไว้”
พอพูดจบเดือนก็กระอักเลือดตาย
“แม่หมอฉันจะต้องชดใช้ยังไง บอกฉันมาก่อน แม่หมอ”
พิมพิลาสเขย่าตัวเดือนแรงขึ้นอีก แต่เดือนไม่รู้สึกตัวแล้ว

พิมพิลาสค่อยๆ วางร่างไร้วิญญาณของเดือนลง และรีบออกจากบริเวณพิธี
ทางด้านมากรับรู้ว่าเสียงเงียบลงแล้ว จึงคลำทางเข้ามาในบริเวณพิธี จมูกได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง มากทำจมูกฟุดฟิด

“เลือด”
มากเป็นห่วงเดือน ใช้มือคลำเปะปะไปถูกร่างเดือน และจำลักษณะของเดือนได้
มากตกใจมาก “อีเดือน! อีเดือน! มึงเป็นอะไร”
เดือนนอนนิ่ง มากใช้มือสัมผัสลมหายใจที่จมูก
“อีเดือน! อีเดือนตายแล้ว! หลวงพ่ออีเดือนตายแล้ว”
มากร้องตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ แล้วรีบวิ่งออกมาด้านนอก

มากวิ่งลนลานออกมา
“หลวงพ่ออีเดือนตายแล้ว”
พิมพิลาสที่กำลังเดินอยู่ได้ยินเสียงมาก หันหลังมาดู เห็นมากวิ่งอยู่ พิมพิลาสตกใจรีบเดินไปหามาก
“หลวงพ่อช่วยด้วย อีเดือนตายแล้ว”
พิมพิลาสตามมาดักหน้ามากไว้
“ลุง!”
มากรู้ว่าพิมพิลาสกลับมา เริ่มกลัวพิมพิลาส
“คุณหนู”
“ฉันเองลุง”
มากจะหนี

“ลุงจะไปไหน”
“ฉันจะไป...ไป...ไปหาหลวง...”
มากจะวิ่งไป พิมพิลาสจับแขนไว้
“ไม่มีอะไรหรอกลุง ลุงไปกับฉันนะเดี๋ยวฉันพาไป”
พิมพิลาสจะพามากไป และหยิบปืนที่อยู่ในกระเป๋าถือออกมาเหนี่ยวไกปืน
มากได้ยินเสียงไกปืน คิดว่าพิมพิลาสจะฆ่าตัวเองเลยผลักพิมพิลาส ล้มลงกับพื้น
มากพยายามวิ่งหนีไปจนได้

มากพยายามหนีอย่างเร็ว ปากก็ร้องเสียงดังอย่างหวาดกลัว
“ฉันไม่รู้ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ฉันไม่อยู่แล้วโว้ย...”
พิมพิลาสวิ่งตามออกมาที่ลานกว้าง มองเห็นหลังมากไวๆ
“หยุดนะ!”
พิมพิลาสเล็งปืนขึ้นจะยิง แต่เสียงหลวงพ่อกสินดังมาขัดจังหวะไว้ก่อน
“มันเป็นบาปนะโยม”
พิมพิลาสหันหลังกลับมา เห็นหลวงพ่อกสินยืนอยู่กับเด็กวัด พิมพิลาสลดปืนลง
“เวรกรรมไม่ได้มีไว้ให้ก่อหรอกนะ แต่มีไว้ให้อโหสิกรรม ปล่อยวางบ้างเถอะโยม”
พิมพิลาสนิ่ง ไหว้หลวงพ่อกสิน และเดินออกไป เด็กวัดที่ยืนงัวเงีย
“ปลุกฉันมาแค่เนี้ยเหรอหลวงพ่อ กำลังหลับสบายอยู่เลย” เด็กวัดคนนั้นหาวยาว
หลวงพ่อกสินนิ่ง มองตามหลังพิมพิลาสไป

มากวิ่งตกใจออกมายังถนนบริเวณหลังวัด ปากก็ร้องอย่างหวาดกลัว
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่ได้ยิน”
จังหวะนั้นแสงไฟจากรถยนต์คันหนึ่งสาดเข้ามาที่ตัวมาก แต่มากวิ่งตรงเข้าไปหาเพราะตามองไม่เห็น
กนิษฐาซึ่งขับรถคันนั้นตกใจมาก
มากล้มลงตรงหน้ารถกนิษฐา โชคดีที่กนิษฐาไม่ได้ชน เพราะเหยียบเบรกไว้ได้ทัน
“ซวยแล้วยัยนิดเอ๊ย”
กนิษฐาเปิดประตูรถ หน้าตาตื่นลงมา เห็นมากนอนแน่นิ่งอยู่ กนิษฐาเข้ามาดู
“ลุง”
กนิษฐาประคองมาก และเขย่าเบาๆ มากยังไม่ฟื้น
“ลุง! ลุง! เป็นอะไรไหมจ๊ะ”
กนิษฐาค้นตัวนายมากแต่ไม่พบกระเป๋าสตางค์หรือหลักฐานบ่งบอกได้ว่าชายชราเป็นใคร
กนิษฐามองซ้ายมองขวาไม่เห็นคนอื่น จึงตัดสินใจพยุงนายมากไปที่รถ

นายมากรู้สึกตัวขึ้นมาในห้องฉุกเฉินของคลินิกแห่งหนึ่ง กนิษฐาที่ดูอยู่ข้างๆ เห็นรีบเข้าไปหา
“ลุง”
นายมากหันไปหันมาทางเสียง กนิษฐาเรียกอีกครั้ง
“ลุง”
นายมากหันหน้ามาทางกนิษฐา แต่มองไม่เห็น กนิษฐามองนายมากนึกเอะใจ จึงลองใช้มือตัวเองปัดๆ ที่หน้าชายชรา
“ลุงตาบอดเหรอ”
มากพยักหน้า “อืม...เอ็งเป็นใคร แล้วฉันอยู่ที่ไหน”

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 11/3 วันที่ 25 ม.ค. 56

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ที่มา manager