อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 8/2 วันที่ 16 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 8/2 วันที่ 16 ม.ค. 56

“โรคบ้าโรคบออะไร เลือดออกแล้วไหลไม่หยุด ทำไมคุณหนูถึงต้องเป็นโรคนี้ด้วยนะ ชาติที่แล้วทำเวรทำกรรมอะไรไว้ มันถึงได้เป็นแบบนี้”
ป้าทิพย์ครวญคร่ำ
ภายในบ้านของบุษบัน ช่วงเวลายามเย็น ยินเสียงจากการเจียรโลหะดังสนั่น! บ้านหลังนี้ตกแต่งเป็นบ้านสไตล์ โมเดิร์น มีสตูดิโอปฏิบัติงานศิลป์อยู่ในบ้าน

ส่วนรอบๆ บ้านเต็มไปด้วยงานศิลปะแทบทุกแขนง ทั้งภาพวาด ประติมากรรมทรงแปลก ๆ ขนาดเล็ก ใหญ่ แตกต่างกันไป
จังหวะนั้นสะเก็ดไฟจากการเจียรโลหะแตกกระเด็นวิบวับ ด้วยฝีมือของใครคนหนึ่งใส่ชุดหมี ใส่หน้ากากป้องกันสะเก็ดไฟ กำลังเจียรประติมากรรมเทพ ‘อีรอส’ หรือ คิวปิดที่กำลังแผลงศรซึ่งทำด้วยโลหะ เธอกำลังใช้เครื่องเจียรสลับกับใช้ตะไบขัดตกแต่งส่วนที่ เป็นปลายธนูให้ดูแหลมคม และเข้ารูป



แทนกับตั้ม สองรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยมาคอยเป็นผู้ช่วยและลูกมือ โดยยืนดูอยู่ข้างๆ มีกองเศษเหล็กอยู่ที่พื้นเต็มไปหมด คนในชุดหมีคนนั้นวางเครื่องมือ แล้วถอดหน้ากาก และชุดหมีออก เฉลยให้เห็นเป็น “บุษ” หรือ “บุษบัน” สาวสวยในชุดแฟชั่นทันสมัย ออกแนวอินดี้ๆ ทั้งสวยและเท่ห์ ยืนมองผลงานตัวเองอย่างภูมิใจ แทนและตั้มปรบมือขึ้นพร้อมๆ กัน
“เจ๋งว่ะ พี่บุษ” แทนเอ่ยชมพร้อมกับเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ผลงาน “พื้นผิว ทรวดทรงองค์ประกอบ เป๊ะ”
ตั้มอวยต่อ “โรแด็งก็โรแด็งเถอะ เจอบุษบันเข้าไป ต้องเรียกพี่”
“นี่ยังไม่เสร็จดีนะ” บุษบันพูดพลางชี้ “ตรงคันธนูนี่ฉันตั้งใจทำพิเศษ แล้วดูตรงปีกนี่ ฉันจะทำให้มันพริ้วไหวเหมือนกับจะโบยบินได้จริงๆ”
“แต่ถ้าจะให้ดีน่ะพี่ ต้องทำให้มันแผลงศรได้จริงๆ ด้วย” ตั้งยิ้มกวนแซวๆ อย่างมักคุ้นขณะพูดประโยคต่อมา “พี่บุษจะได้มีแฟนซะที”
บุษบันยักไหล่ “มีทำไมแฟน ฉันไม่เห็นอยากมี”
แทนแซว “หรือพี่บุษไม่ชอบผู้ชาย”
เลยถูกบุษบันด่าเอา “ไอ้บ้า! รสนิยมทางเพศฉันปกติดีย่ะ แต่เนื้อคู่ฉันยังไม่เกิดตะหาก”
ทันใดนั้น เสียงกฤษณ์ดังนำมาก่อนตัว
“เกิดแล้วครับ เพียงแต่คุณบุษไม่หันมามองเค้าเองต่างหาก”
บุษบันได้ยินเสียง รู้เลยว่าใคร ทำหน้าเซ็ง

บุษบันทำเป็นง่วนกับงานตรงหน้า ไม่รู้ไม่ชี้ กฤษณ์ยืนมองคิวปิดสลับกับบุษบัน สรรเสริญเยินยอ
“สวยมากเลยน้องบุษ ผมเห็นตั้งแต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง จนตอนนี้ใกล้เสร็จแล้ว สวยจริงๆ”
“ขอบคุณค่ะ”
กฤษณ์มองบุษบันตาเยิ้ม “งานว่าสวยแล้ว คนยิ่งสวยกว่า”
ขณะพูดกฤษณ์เดินเข้ามาใกล้ ๆ บุษบันขยับตัวหนี”
“คิวปิดนี่ ถ้าเสร็จแล้ว ผมขอซื้อนะน้องบุษ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณกฤษณ์ แฟนบุษจองเอาไว้แล้ว” บุษบันว่า
“น้องบุษมีแฟนแล้ว ใครครับ”
ตะวันฉายเดินเข้ามาได้จังหวะพอดี
“บุษ…” ตะวันฉายทัก แล้วชะงัก “อ้าว ไม่ยักรู้ว่า...”
บุษบันได้โอกาส โถมเข้าไปหาทันที
“คุณกฤษณ์มาขอซื้อคิวปิดน่ะค่ะ” พลางเข้าไปกอดแขนตะวันฉาย “แต่บุษไม่ขาย บอกว่าแฟนจองเอาไว้”
กฤษณ์ชะงักนิดหนึ่ง “ผมไม่ยักรู้ว่าคุณสองคนเป็นแฟนกัน”
“ตะวันเค้าไม่ค่อยแสดงออกน่ะค่ะ แต่เรารักกันมาก” บุษบันหอมแก้มตะวันฟอดหนึ่ง “จริงไหมคะ ตะวัน”
ตะวันฉายสะดุ้ง บุษบันแอบหยิกแขนตะวันฉาย กฤษณ์หน้าบึ้ง แล้วเดินออกไปเลย

เย็นนั้นสองคนอยู่อีกมุมในบ้าน บุษบันเสิร์ฟกาแฟให้ตะวันฉายและตัวเอง ตะวันฉายแกล้งเอามือเช็ดหน้าตัวเองตรงข้างที่โดนหอมแรงๆ
“อื้อฮื้อ ขนลุก นี่เมื่อไหร่เธอจะเลิกอ้างว่าฉันเป็นแฟนซะที ห๊ะ ทำแบบนนี้บ่อยๆ ใครเค้านึกว่าเป็นเรื่องจริง ฉันก็ขายไม่ออก”
“เธอมันขายไม่ออกอยู่แล้ว ตะวัน อย่ามาโทษฉัน”
“จ้า ใครจะเหมือนเธอ แม่สวยเลือกได้ เลือกมันอยู่นั่น ตั้งแต่สาวยัน...”
ตะวันฉายพูดไม่ทันจบ บุษบันทำตาเขียวใส่ “อะไร”
“เธอเลิกกับแฟนคนสุดท้ายเมื่อไหร่นะ สิบปีมาแล้วได้ไม๊”
บุษบันแว้ดใส่ “หก”
“ฉันถามจริงๆ เธอยังไม่เจอใครถูกใจซักคนเลยเหรอ”
“ยัง... แต่ฉันเชื่อนะ ว่ามันต้องมีใครสักคนที่ใช่ คนที่ฉันรอเขาอยู่ และเขาก็กำลังรอฉัน”
“โหยย…นิยายอ่า” ตะวันฉายเย้า

บุษบันตีที่แขนตะวันฉายเต็มแรง ชายหนุ่มร้อง “โอ๊ย”
ภายในห้องพักฟื้นของพิมพิลาสที่โรงพยาบาล ตอนกลางคืน ภีร์ภูมิยืนอยู่ข้างเตียง สองคนร้องเพลงวันเกิดด้วยกัน

พิมพิลาส กับภีร์ภูมิร้องประสานเสียง “แฮปปี้ เบิร์ดเดย์ ทู ยู แฮปปี้ เบิร์ดเดย์ ทู ยู แฮปปี้ เบิร์ดเดย์ แฮปปี้ เบิร์ดเดย์ แฮปปี้ เบิร์ดเดย์ ทู ยู”
พิมพิลาสกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง หน้าตาซีดเซียว ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์จนจบ ภีร์ภูมิร่าเริง ดีใจ
“เป่าเลยนะครับ”
“ภูมิอธิษฐานก่อนสิคะ”
“ผมจะขออะไรดีนะ งั้น ผมขอให้พิมหายไว ๆ แล้วกัน”
พิมพิลาสยิ้มดีใจ ภีร์ภูมิเป่าเทียน เทียนดับลง
จากนั้นภีร์ภูมิวางเค้กลงบนโต๊ะข้างเตียง
“เค้กก้อนเดียวทีหลังซื้อเอาก็ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องทำเองเลย เจ็บตัวมามันไม่คุ้ม”
“วันนี้เป็นวันสำคัญของภูมิ พิมอยากทำอะไรให้ภูมิด้วยตัวเองบ้าง น่ะค่ะ ตอบแทนที่ภูมิดูแลพิมมาตลอด”
“โธ่ วันไหนๆ ก็เหมือนกันแหละครับ อย่าไปซีเรียส”
พิมพิลาสกุมมือชายคนรักเอาไว้ พูดจริงจัง
“ถ้าเราอยู่ด้วยกัน พิมคงจะได้ทำอะไรดีๆ ให้ภูมิทุกวัน ไม่ต้องรอให้ถึงวันเกิด” ภีร์ภูมิอึ้งไป “แล้วภูมิก็จะได้ดูแลพิมทุกวัน ไม่ต้องลำบากเทียวไปเทียวมาแบบนี้”
ภีร์ภูมิฝืนยิ้ม นิ่ง รู้ว่าพิมพิลาสจะพูดอะไรต่อไป
“ทำไมเราไม่แต่งงานกันซะทีล่ะคะ ภูมิ”
ภีร์ภูมิยิ้มตาหยี พยายามถนอมน้ำใจพิมพิลาส
“ผมยังไม่พร้อมน่ะครับ...ตอนนี้ ขอให้ผมได้ดูแลพิมอย่างนี้ไปก่อนนะครับ”
พิมพิลาสยิ้มหน้าเศร้า รู้ว่าภีร์ภูมิไม่ต้องการแต่งงานกับเธอ
“พิมพักผ่อนนะครับ..มา เดี๋ยวผมห่มผ้าให้ จะได้อุ่นๆ”
ภีร์ภูมิห่มผ้าให้ พิมพิลาสฝืนยิ้มมาให้

เวลาผ่านไป พิมพิลาสหลับอยู่บนเตียง ภีร์ภูมิอยู่ที่ระเบียงมองมายังพิมพิลาส
“ขอโทษนะ พิม ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรผมถึงรักคุณไม่ได้” ชายหนุ่มพึมพำ

ที่บ้านเรือนไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยา เช้าวันต่อมา
ก้อนดินดานก้อนใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมวัตถุโบราณหลายอย่าง เช่น พระพุทธรูปทรงเครื่องน้อยสมัยอยุธยา ถ้วยชามเก่า ๆ เหรียญเก่า เครื่องประดับวางอยู่รวมกับก้อนดินก้อนนั้นด้วย
กนิษฐานั่งอยู่ที่แคร่ใต้ถุนบ้าน มีลุงแก่ ๆ พ่อค้าของเก่าหน้าตาเขี้ยว นั่งอยู่ด้วย กนิษฐาชี้ไปที่ก้อนดิน
“ฉันต้องซื้อไอ้ก้อนดินบ้านี้ด้วยเหรอ”
“ของพวกนี้ เพิ่งงมขึ้นมาจากน้ำเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง ของเค้ามาด้วยกัน ลุงก็อยากให้เค้าไปด้วยกัน”
“แต่ฉันอยากได้แค่พระทรงเครื่องน้อยองค์นี้องค์เดียวนี่คะ ลุง” กนิษฐาตัดใจ “เอ้า ไอ้ถ้วยชามหม้อไหที่กองอยู่เนี่ย ฉันยอมซื้อไปด้วยก็ได้ แต่ก้อนดินอะไรเนี่ย” หญิงสาวส่ายหัว “ฉันซื้อไปฉันโดนเจ้านายด่าตาย”
ลุงไม่ยอม “ไม่รู้ล่ะ ถ้าจะซื้อ ก็ต้องซื้อไปทั้งหมด ลุงขี้เกียจเก็บไว้ .. หมดเนี่ยเหมาไปเลยสามแสน”
กนิษฐาชั่งใจ มองก้อนดินดานเขม็ง “สามแสน รวมก้อนดินก้อนนี้ด้วยเหรอ”
ลุงทำท่าเล่นตัว ยกองค์พระที่วางอยู่ ทำท่าเหมือนจะเอาไปเก็บ
“ไม่เอาก็ตามใจนะ พระเก่าของอยุธยาแท้ๆ งามไม่มีตำหนิทั้งองค์แบบนี้ หาที่ไหนได้ องค์นี้ขอบอกว่าสมบูรณ์ที่สุดแล้ว บอกไปคำเดียว ขี้คร้านคนขอซื้อไม่หวาดไม่ไหว” ลุงว่า
กนิษฐาคว้าแขนไว้ “เดี๋ยวก่อน ลุง”
ชายชรามองหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์

ที่บ้านบุษบันเช้านั้น บุษบันกำลังบรรจงแต่งคิวปิดอย่างพิถีพิถัน ตะวันฉายนั่งอยู่ห่างออกไป
“แกลเลอรี่ของเธอขายของเก่า จะเอางานฉันไปทำไม”
“ตอนนี้เก่าใหม่ฉันเอาหมดแหละ ขอให้ได้กำไร งานคิวปิดของเธอตัว นี้ ฉันจะเอาไปขายนายกฤษณ์ แฟนคลับของเธอ โก่งราคาซักสามเท่าตัว” ตะวันฉายบอก
บุษบันด่า “ไอ้บ้า ทุเรศ”
ระหว่างนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของตะวันฉายดังขึ้น เขากดรับสาย
“เป็นยังไงบ้าง”
กนิษฐาอยู่ที่บ้านเรือนไทยขณะโทร.มา
“มีปัญหานิดหน่อย พระที่คุณอยากได้สวย สภาพดีมาก แต่ลุงเขาไม่ยอมขายอย่างเดียว เค้าจะขายเหมาของทั้งหมดที่เจอ”
“มีอะไรมั่ง ส่งรูปมาดูสิ”
สักครู่หนึ่งเสียงเตือนไอแพดของตะวันฉายดังขึ้น ชายหนุ่มเปิดดูรูปที่กนิษฐาส่งมาให้
รูปแรกเป็นรูปพระพุทธรูปทรงเครื่องน้อยสมัยอยุธยา และเป็นรูปอื่นๆ ตามมา ตะวันเลื่อนดูไปเรื่อย ๆ คุยโทรศัพท์ไปด้วย
“สวย องค์นี้เลยที่ฉันอยากได้ ลุงแกเรียกเท่าไหร่นะ”
“สามแสน เท่ากับคุณซื้อพระองค์นี้ราคาสามแสนเลยนะ เพราะของอื่นๆ น่ะ ฉันตรวจดูแล้ว กระเบื้องถ้วยกะลาแตกทั้งนั้น ไม่มีราคาอะไรหรอก โดยเฉพาะไอ้ก้อนดินก้อนนั้น”
“ก้อนดินอะไร”
ที่จอไอแพด เห็นเป็นรูปก้อนดินดานพอดี ตะวันขยายรูปดู มองอย่างแปลกใจ
“ก้อนดินที่แกงมขึ้นมาจากน้ำ แกบังคับขายพร้อมพระด้วย คุณว่าไงจะเอาหรือไม่เอา” กนิษฐาบอกที่มา

ตะวันฉายมองดูภาพก้อนดินนิ่ง อย่างชั่งใจ
ไม่นานนัก รถยนต์ของตะวันฉายจอดที่หน้าบ้านเรือนไทย บุษบันก้าวเดินลงมาพร้อมกับตะวันฉาย กษิษฐาเดินมารับ

“คุณตะวัน” กนิษฐาหันมาเห็นบุษบันก็เลยทักทาย “อ้าว คุณบุษ มาด้วยเหรอคะ”
“วันนี้ว่างค่ะ ตะวันชวนให้มาดูของเล่น ตามมาเล่นๆ”
“ไหน อีตาลุงที่ว่า” ตะวันฉายมองหา
“ข้างใน” กนิษฐาแอบกระซิบนินทา “ทั้งเขี้ยว ทั้งเค็ม ตายไม่เน่า เผาไม่ไหม้เลยล่ะคุณเอ๊ย”

บุษบันเดินดูของที่เรียงรายบนโต๊ะ กนิษฐายืนรออยู่ใกล้ๆ โต๊ะนั้น เสียงตะวันฉายเจรจากับลุงแว่วมา
“ตรงฐานนี่มีตำหนินิดนึงนี่ครับลุง”
“ไหนรอยตำหนิ ไม่มี๊”
“นี่ไงลุง ตรงฐานนี้ไง ลุงตาไม่ดีไม่เห็นหรอก”
“โอ๊ย ของอายุเป็นร้อยๆ ปี มันก็ต้องมีริ้วมีรอยบ้างคุณ แบบนี้และเค้าเรียกไม่มีที่ติแล้ว” ลุงว่า

บุษบันเดินไปถึงปลายโต๊ะยาวที่ก้อนดินวางอยู่ แล้วหยุดมอง รู้สึกเหมือนถูกตรึงด้วยอำนาจบางอย่างโดยไม่รู้ตัว บุษบันค่อยๆ เอื้อมมือไปจับ แล้วก็เจ็บข้อมือ ต้องรีบดึงมือกลับทันที
“อุ๊ย”
กนิษฐาได้ยินจึงหันไปดู
“อะไรคะ คุณบุษ”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร” บุษบันถาม “อะไรคะ”
“ก้อนดินอะไรไม่รู้ค่ะ ลุงแกบังคับขาย แกงมมาได้จากก้นแม่น้ำ ชอบเหรอคะ” กนิษฐาสงสัย
บุษบันส่ายหน้า “เปล่าค่ะ ไม่ได้ชอบ ออกจะกลัวด้วยซ้ำ”

ที่เรือนไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยาตอนสายเวลาต่อมา ตะวันฉายเดินกลับมาหาสองสาว พร้อมพระในมือ ก่อนจะหันมาบอกกับกนิษฐา
“เรียบร้อยนิด...สามแสนบาท รวมทุกอย่าง แถมพระกริ่งอีกองค์ เอาของขึ้นรถได้” ตะวันฉายตะโกนถาม “มีคนช่วยขนของไหมลุง”
ลุงตะโกนตอบกลับ “ตามสบายเลยคุณ ยกเอาเองเถอะ ที่บ้านลุงไม่มีใครหรอก”
กนิษฐาบ่นอุบ “ให้มันได้อย่างนี้สิ มา คุณส่งพระมา ฉันถือให้ คุณไปยกก้อนดินโน่น”
ตะวันฉายส่งพระในกนิษฐา บ่นพึมพำ
“ใครเป็นนายจ้าง ใครเป็นลูกจ้างวะ”
กนิษฐาได้ยิน หันมาแหวใส่ “ฉันเป็นผู้หญิง”
ตะวันทำปากขมุบขมิบขณะเดินไปยกก้อนดิน แต่ยกไม่ขึ้น
“หนักแฮะ .. บุษมาช่วยฉันยกหน่อย”
บุษบันเข้าไปช่วยยก พอจับอาการเจ็บมือก็เกิดขึ้นอีก
บุษบันร้อง “โอ๊ย” พลางชักมือออก
ตะวันฉายพลอยตกใจ “เป็นอะไร!”
“ไม่รู้ อยู่ดีๆ ก็เจ็บข้อมือแปล๊บขึ้นมาเลย”

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 8/2 วันที่ 16 ม.ค. 56

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ที่มา manager