อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 4/4 วันที่ 6 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 4/4 วันที่ 6 ม.ค. 56

ยกเลิกการทาบทามแม่พิศให้กับพ่อฉัตรลูกชายของกระผม”
พระยาสมานมองกำปั่นแล้วนิ่งคิด
“กระผมรู้ดีว่า...เมื่อเอ่ยปากเจรจาทาบทามไปแล้วมาขอกลับคำอย่างนี้ เป็นเรื่องเสียหายอย่างใหญ่หลวง กระผมจึงคิดว่า..ของในกำปั่นนั่นคงพอจะชดใช้ในความเสียหายนั่นได้บ้าง”
พระยาสมานหันไปมองเพียร แล้วให้สัญญาณเพียรให้มายกกำปั่นไป เพียรกับบ่าวชายอีกคนเข้ามายกกำปั่นเอาเข้าไปในห้องพระยาสมานเลย พระยาโกสินทร์เห็นพระยาสมานไม่ว่าอะไรก็ยิ้มดีใจ
“เป็นอันว่า..ท่านเจ้าคุณหายโกรธหายเคืองกระผมและลูกชายแล้วใช่มั้ย”

พระยาสมานเอื้อนเอ่ยอย่างไว้ท่า “กระผมมีลูกสาวเพียงคนเดียว แล้วข่าวคราวการทาบทามแม่พิศให้กับพ่อฉัตรลูกชายของท่านเจ้าคุณน่ะ เวลานี้ล่วงรู้ไปถึงในวังแล้ว เพราะฉะนั้นกระผมจะไม่ยอมล้มเลิกการแต่งงานเป็นอันขาด ไม่ว่าลูกชายท่านเจ้าคุณจะรักลูกสาวกระผมหรือไม่”



พระยาโกสินทร์เหวอ แล้วชี้ไปทางห้องพระยาสมานที่เพียรยกกำปั่นไปเก็บไว้
“อ้าว...แล้วนั่น”
“กระผมถือว่ามันเป็นบางส่วนของสินสอดก็แล้วกัน ส่วนอีก 9 หีบที่เหลือ ขอให้ท่านเจ้าคุณนำมาในวันยกขันหมากนะขอรับ”
พระยาโกสินทร์ตกใจ “อีก 9 หีบ มันจะไม่มากไปหน่อยหรือท่านเจ้าคุณสมาน”
“มันยังน้อยเกินไปเสียด้วยซ้ำที่จะล้างอายให้ลูกสาวกระผม หรือท่านเจ้าคุณจะยกมามากกว่า 9 หีบ กระผมก็ยินดี”

พระยาโกสินทร์อึ้งไปเลย นึกไม่ถึงว่าพระยาสมานจะเห็นแก่ได้และเรียกร้องมากอย่างนี้

บ่าวทุกคนกำลังกินข้าวร่วมกันอยู่ในครัว นางพุ่มเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“ท่านเจ้าคุณริบของในกำปั่นนั่นเอาไว้เฉยๆ อย่างนั้นเลยเหรอไอ้เพียร”
บัว น้อย และคนอื่นๆมองเพียรอย่างอยากรู้มาก เพียรพยักหน้า บัวหน้าวิตกกังวลอย่างหนัก รู้ว่าเรื่องคงไม่คลี่คลายง่ายอย่างที่คิด
“โฮ้ย..ฝ่ายชายเขาไม่อยากจะแต่งด้วย ก็ยังจะดึงดันแต่ง แล้วนี่คุณพิศเธอว่ายังไงบ้างล่ะ” นางแดงบ่น

เวลาเดียวกันพระยาสมานเปิดกำปั่นให้พิศดูของข้างใน พิศไม่สนใจของในนั้นเลย สีหน้าบึ้งตึง
“เจ้าคุณพ่อทำถูกแล้วค่ะ เงินทองเท่าไหร่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับความอับอายที่ลูกได้รับ ยังไงๆพิศก็จะต้องแต่งงานกับคุณฉัตรให้ได้ ไม่ว่าเขาจะรักพิศหรือรักใคร ลูกจะต้องไม่มีวันได้ชื่อว่า ‘หม้ายขันหมาก’ เป็นอันขาด”
พิศปิดกำปั่นลงดังปัง อย่างไม่สนใจของมีค่าข้างในนั้นเลย

ฉัตรสีหน้ากลุ้มใจมากเมื่อรู้จากพระยาโกสินทร์ว่าพระยาสมานไม่ยอมล้มเลิกการแต่งงาน

“กระผมไม่นึกเลยว่าเรื่องมันจะยุ่งยากขนาดนี้”
“นี่ถ้าเจ้าบอกความจริงกับพ่อเสียตั้งแต่แรก เราก็คงไม่เข้าตาจนอย่างนี้หรอก แล้วพ่อก็ไม่นึกเลยว่า..ท่านเจ้าคุณสมานจะเป็นคนเห็นแก่ได้อย่างนี้ มันให้คนของมันยกกำปั่นไปเก็บในห้องมันเฉยเลย พ่อก็นึกว่าเรื่องจะจบ ที่ไหนได้..มันบอกว่าเป็นแค่บางส่วนของสินสอดเท่านั้น แล้วมันยังจะเอาอีกตั้ง 9 หีบ บ้าที่สุด”
พระยาโกสินทร์มีสีหน้าชิงชังพระยาสมานนัก
“ฉัตร พ่อจนหนทางแล้ว”
ฉัตรยืนกราน “ไม่ขอรับ กระผมยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ” แล้วพยายามคิดหาทางออก หน้าเครียด
“แล้วพี่ฉัตรจะทำอย่างไรต่อเล่าขอรับ” ฉายถาม
ฉัตรนิ่งคิด แล้วพูดกับฉาย “ถ้าพี่แต่งงานไปเสียกับแม่บัว ท่านเจ้าคุณสมานกับคุณพิศก็คงจะยอมล้มเลิกเรื่องการสู่ขอไปเอง”
“แต่แม่บัวก็เป็นทาสขัดดอกอยู่ที่เรือนนั้น พี่ฉัตรจะแต่งงานกับกับหล่อนได้อย่างไรเล่าขอรับ”
ฉัตรพูดไปด้วย คิดไปด้วย “แม่บัวเป็นทาสขัดดอก ไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ยที่จะต้องอยู่เป็นทาสรับใช้นายไปจนวันตายนี่” ฉัตรยิ้มออก “ฉาย เจ้าคุณพ่อ กระผมคิดอะไรออกแล้วขอรับ”

ฉายกับท่านเจ้าคุณเหลียวมองฉัตรเป็นตาเดียว
ทางด้านบัวยังคงเดินหากล่องดนตรีอยู่ น้อยถอนใจเสียงดังด้วยความกลัดกลุ้ม

“เฮ้อ..ทำไมมีแต่เรื่องไม่รู้จบอย่างนี้น้า...ถ้าคุณพิศกับท่านเจ้าคุณไม่ยอมให้ยกเลิกการสู่ขออย่างนี้ คุณฉัตรเธอจะทำยังไงน้อ..แล้วนี่กล่องดนตรีมันหายไปไหนนะเนี่ย”
เสียงเพียรดังขึ้น “เอ็งหมายถึงสิ่งนี้ใช่หรือไม่นังน้อย”
เพียรยื่นกล่องดนตรีมาตรงหน้าน้อย น้อยกับบัวสีหน้าตกใจสุดขีดเมื่อเห็นว่ากล่องดนตรีที่กำลังหากันอยู่นั้น..อยู่ในมือของเพียร น้อยจะคว้ากล่องดนตรีมาจากมือเพียร
“เอามานี่”
เพียรชักมือกลับ ไม่ให้น้อยคว้ากล่องดนตรีได้ น้อยพยายามยื้อแย่ง แต่เพียรยกกล่องดนตรีขึ้นสูง น้อยเอื้อมคว้าไม่ถึง
“ถ้าเอ็งอยากได้คืน ตามไปพบข้าที่ท่าน้ำหลังเรือนทาสโน่น”
พูดจบเพียรก็เดินออกไปเลย บัวรีบเข้ามาน้อยสีหน้าไม่ดี
“ทำไงดีล่ะน้อย ถ้าเพียรเอากล่องดนตรีนั่นไปให้ใครดู คงเกิดเรื่องยุ่งแน่ๆ”
น้อยเม้มปาก “เอาเถอะ เรื่องนี้ข้าจัดการเอง”

น้อยเดินตามเพียรไป ปล่อยให้บัวยืนกระวนกระวายอยู่ลำพัง

ไม่นานต่อมาเพียรยืนพิจารณากล่องดนตรีอยู่เงียบๆ น้อยเดินเข้ามาหา
“ข้าขอของข้าคืน”
เพียรหันมามองน้อย “เอ็งบอกข้าก่อน...ว่าเอ็งไปเอาของหน้าตาประหลาดนี้มาจากไหน ใครให้เอ็งมา”
“ข้าไม่บอก”
“งั้นข้าจะเอาขึ้นไปให้ท่านเจ้าคุณกับคุณพิศดู”
น้อยนิ่งคิดไปนิดหนึ่ง “เอ็งอยากจะเอาขึ้นไปให้คุณท่านบนเรือนดูก็ตามใจ เพราะคุณบนเรือนเขาจะได้คิดว่าเอ็งหาเรื่องข้าน่ะสิ”
“หาเรื่องยังไง ของแปลกประหลาดนี่เอ็งได้จากที่ไหนมา...ถ้าไม่ขโมยมา”
“ทำไมข้าจะต้องขโมย คุณฉัตรให้ข้ามาต่างหาก”
“คุณฉัตรให้มา”
“เออสิ เขาให้ข้ามาเป็นรางวัล..เมื่อตอนที่ข้าไปช่วยปรุงยาให้บ่าวที่เรือนโน้นไง เอ็งก็ไปกับข้า จำไม่ได้รึ”
“ก็แล้วทำไมข้าถึงไม่เห็นตอนที่คุณฉัตรเขาเอาไอ้ของสิ่งนี้ให้เอ็งล่ะ”
“ก็เอ็งได้เดินเข้าไปในเรือนคนป่วยกับข้าเสียที่ไหนเล่า คืนของให้ข้านะ”
เพียรมองกล่องดนตรีแล้วมองหน้าน้อย นิ่งคิดอะไรอยู่สักครู่
“ข้าจะคืนของสิ่งนี้ให้เอ็งก็ได้ แต่ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน”
น้อยมีสีหน้าระแวงขึ้นมาทันที “สิ่งแลกเปลี่ยน..อะไร”
เพียรพูดเสียงอ่อนโยน “เอ็งก็รู้ใช่มั้ยว่าข้าคิดยังไงกับเอ็ง ข้าขอให้เอ็งรักข้า เหมือนอย่างที่ข้ารักเอ็ง..ได้มั้ย”
น้อยอึ้ง มองกล่องดนตรีชั่งใจ รู้ดีว่าถ้าเรื่องกล่องดนตรีไปถึงหูพิศ คงเกิดเรื่องใหญ่แน่
“ถ้าข้ายอมรับรักเอ็ง เอ็งรับปากข้าได้มั้ยล่ะว่า..เอ็งจะไม่เอาเรื่องของสิ่งนี้ไปพูดกับใคร แม้แต่กับน้าพุ่ม” น้อยรีบอธิบายต่อ “ข้าไม่อยากให้ใครเหม็นขี้หน้าข้าน่ะ..ว่าข้าได้ของตกรางวัลมา ประเดี๋ยวข้าถูกคนอิจฉาแล้วข้าจะเดือดร้อน”
เพียรรับปาก “อืม..ก็ได้”
น้อยยิ้ม แล้วแบมือขอกล่องดนตรีจากเพียร เพียรยังไม่ให้ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้น้อย น้อยอึ้ง แต่ไม่กล้าปฏิเสธ ยอมให้เพียรจูบแก้ม เพียรจูบแก้มน้อยแล้วยิ้มดีใจมาก แล้วคืนกล่องดนตรีให้ น้อยรีบรับกล่องดนตรีแล้วเดินไปทันที
พอคล้อยหลังน้อย เพียรก็เปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มดีใจกลายเป็นสีหน้าครุ่นคิดทันที มันไม่เชื่อว่าน้อยจะได้กล่องดนตรีจากฉัตรเป็นรางวัลจริงๆ แต่ในเมื่อยังเค้นความจริงไม่ได้ ก็เงียบไว้ก่อน
ด้านบัวยังยืนรออยู่ด้วยความกระวนกระวายใจ พอน้อยเดินถูแก้มข้างที่ถูกเพียรจูบเข้ามาด้วยท่าทางรังเกียจ บัวก็รีบเข้าไปหาน้อยทันที น้อยส่งกล่องดนตรีให้บัว
“เอ้า..เก็บให้ดีๆ ล่ะบัว นี่ยังดีนะที่เป็นไอ้เพียรที่เก็บได้น่ะ ถ้าเป็นคนอื่นเก็บได้ละก็ มีหวังเป็นเรื่องแน่ๆ”
บัวรับกล่องดนตรีมาจากน้อย “เอ็งบอกเพียรว่ายังไงรึ มันถึงได้ยอมคืนกล่องดนตรีมาให้น่ะ”
“ข้าก็บอกว่าคุณฉัตรให้ข้าเป็นรางวัลที่ข้าไปช่วยปรุงยาให้คนป่วยที่เรือนคุณฉัตรน่ะสิ โชคดีนะที่ไอ้เพียรมันเชื่อข้าสนิทเลย มันถึงยอมคืนกล่องดนตรีนี่ให้ข้าง่ายๆ น่ะ แล้วต่อไปนี้เอ็งเก็บมันให้มิดชิดล่ะ อย่าให้ใครเห็นมันอีก”
บัวพยักหน้ารับ พลางก้มลงมองดูกล่องดนตรีในมือ แล้วถอนใจเมื่อนึกถึงคนให้
“บางที...ข้ากับคุณฉัตร อาจจะมีบุญวาสนาต่อกันเพียงเท่านี้ละมังน้อย” บัวบอกหน้าเศร้า

ขณะเดียวกันฉัตร ฉาย และนายสน อยู่ในชุดเตรียมพร้อมออกเดินทาง จู่ๆ แอนนาเดินหน้าบึ้งเข้ามาหาฉาย
“แอนนาไม่ให้ฉายไป”
ฉายไม่พอใจนัก “แอนนา”
แอนนาเอ่ยขึ้น “คุณฉัตรมีนายสนไปด้วยอยู่แล้ว ทำไมฉายจะต้องไปด้วย แอนนาอยากให้ฉายอยู่กับแอนนาบ้าง”
“แอนนามีเหตุผลหน่อยสิ ฉันไม่อยากให้พี่ฉัตรเดินทางไปกับนายสนแค่สองคน ฉันไปด้วย หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกลางทาง จะได้ช่วยกันได้”
แอนนาดึงแขนฉายไว้ “ไม่ แอนนาไม่ให้ฉายไป”
ฉายฮึดฮัดขัดใจ ในที่สุดฉัตรตัดสินใจ
“ฉายอยู่กับแอนนาเถอะ พี่ไปกับนายสนสองคนก็พอ จะได้รีบไปรีบกลับ”
พระยาโกสินทร์ “งั้นก็รีบไปเถอะฉัตร”
ฉัตรพยักหน้าแล้วก็ออกไปกับนายสน ฉายหันไปมองหน้าแอนนาอย่างไม่พอใจ
“ฉันไม่ได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหน ฉันจะไปธุระสำคัญกับพี่ฉัตร”
“ธุระสำคัญอะไร บอกแอนนาหน่อย”
“ฉันบอกไม่ได้”
“แต่แอนนาเป็นเมียคุณนะ”
ฉายถอนใจเฮือกใหญ่ “ฉันไม่นึกเลยนะว่าเธอจะเป็นคนเอาแต่ใจตัวอย่างนี้แอนนา”
แอนนาโมโห “แต่ฉายก็เอาแต่คิดถึงแต่ตัวเองฝ่ายเดียวเหมือนกันนั่นแหละ ฉายเคยคิดถึงใจแอนนาบ้างมั้ย แอนนาไม่น่าแต่งงานกับฉายเลย”
“ทำไมแอนนาพูดอย่างนี้”
“ก็มันจริงนี่”
จากนั้นแอนนาก็เดินปึงปังกลับเข้าห้องไป ฉายยกมือไหว้ขอโทษพ่อ
“กระผมต้องขอโทษแทนภรรยาของกระผมด้วยขอรับเจ้าคุณพ่อ”
พระยาโกสินทร์พยักหน้ารับแล้วถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม

บัวนอนอยู่กับน้อย ค่อยๆหยิบกล่องดนตรีที่ซุกอยู่ใต้ที่นอนเอาออกมาไขเบาๆ เสียงเพลงดังขึ้น น้อยรู้สึกตัว เหลียวมามอง เห็นบัวนั่งกอดเข่าฟังเสียงจากกล่องดนตรี สีหน้าเหม่อลอย

น้อยถอนใจด้วยความสงสารบัว บัวฟังเพลงจากกล่องดนตรีพลางคิดถึงฉัตร..คนให้
เช้านั้น ขณะที่พระยาสมานกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ ยินเสียงของแตกดังออกมาจากห้องพิศ พระยาสมานชะเง้อดู เห็นนางด้วงเดินถือสำรับแตกๆ หักๆ ออกมาจากห้องพิศด้วยสีหน้าสุดเซ็ง

“ลูกพิศไม่ยังไม่ยอมกินข้าวอีกรึนังด้วง”
“เจ้าค่ะ” นางด้วงว่า
พระยาสมานถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม แล้วจึงเดินไปที่หน้าห้องพิศ เคาะประตูเบาๆ
“ลูกพิศ...เปิดประตูให้พ่อหน่อยลูก”
“ไม่ค่ะ”
“นี่พ่อเองนะ”
“ลูกจะไม่ออกไปพบหน้าใครทั้งนั้น ลูกจะออกไปก็ต่อเมื่อคุณฉัตรยกขบวนขันหมากมาแล้วเท่านั้นค่ะเจ้าคุณพ่อ”
พระยาสมานมีสีหน้ากลัดกลุ้มเหลือหลาย สักครู่นางด้วงก็กลับขึ้นมาบนเรือน
“คุณชื่น ลูกสาวพระสุเมธมาขอพบคุณพิศเจ้าค่ะ” นางด้วงรายงาน
พระยาสมานเคาะประตูบอกพิศ “ลูกพิศ..ลูกสาวคุณพระสุเมธมาขอพบลูกแน่ะ”
“ไล่มันกลับไป” เสียงพิศเอ็ดตะโรลั่นห้อง
พระยาสมานอึ้ง พูดไม่ออก สีหน้าเหนื่อยใจเป็นที่สุด แล้วเดินออกไป ครู่ต่อมาพระยาสมานต้อนรับคุณชื่นอยู่อย่างสดชื่น เพราะชอบผู้หญิงสวยๆ ชื่นเอาสำรับข้าวแช่มาฝาก
“ข้าวแช่เจ้าค่ะ อิฉันนำมาเยี่ยมไข้คุณพิศ”
พระยาสมานงวยงง “เยี่ยมไข้”
“เจ้าค่ะ ก็อิฉันได้ยินมาว่าคุณพิศเธอป่วยจนไปเรียนทำกับข้าวที่ห้องเครื่องต่อไม่ไหว อิฉันก็เป็นห่วง เข้าใจว่าคุณพิศเธอคงจะป่วยมากทีเดียว”
ท่านเจ้าคุณเริ่มอึ้ง รู้แล้วว่าชื่นมาทำไม
“ขอบใจสำหรับข้าวแช่มากนะจ๊ะแม่ชื่น แล้วอาจะบอกลูกพิศให้ว่าแม่ชื่นเอามาเยี่ยม”
ชื่นไม่ยอมกลับแถมเจื้อยแจ้วต่อ
“อิฉันสงสารคุณพิศเธอมากเลยนะเจ้าคะ ต้องเป็นหม้ายขันหมากเสียตั้งแต่ยังสาวอย่างนี้ รู้ไปถึงไหน อายไปถึงนั่น เป็นอิฉันก็คงจะเป็นไข้ใจ แล้วก็ไม่กล้าออกจากบ้านไปพบปะหน้าใครอย่างนี้เหมือนกัน”
แต่ยังไม่ทันที่ชื่นจะทำอะไรต่อ พิศก็เดินพรวดออกมาจากในห้อง คว้าชามน้ำดอกไม้ที่กินกับข้าวแช่แล้วเอาสาดใส่คุณชื่นโครม ชื่นร้องวี้ดว้ายด้วยความตกใจ
“กลับไปเลยนะ แล้วไม่ต้องมาเหยียบเรือนฉันอีก แล้วขอบอกให้หล่อนรู้ไว้เสียด้วยนะว่าเรื่องที่หล่อนรู้มาน่ะ มันไม่เป็นความจริง ฉันไม่ได้เป็นหม้ายขันหมาก ฉันกำลังจะแต่งงานกับคุณฉัตรเร็วๆนี้ ไป กลับไปได้แล้ว ไป” พิศด่า
ชื่นเช็ดเนื้อตัวแล้วตั้งสติ พอเห็นหน้าพิศชัดๆ ว่าพิศโกรธจัด ก็เดาได้ว่าข่าวลือเรื่องพิศเป็นหม้ายขันหมากน่าจะเป็นความจริง ชื่นเลยหัวเราะออกมาเป็นเชิงเยาะเย้ยหยามหยัน
“ก็ถ้าหล่อนจะไม่ได้เป็นหม้ายขันหมากอย่างที่กลัว แล้วจะต้องมาโกรธฉันทำไมกันละจ๊า..แต่โอ๊ะ” ชื่นเอามือปิดปากคล้ายว่าไม่อยากจะพูด “ฉันได้ยินผู้คนเขาลือกันให้ลั่นว่าท่านเจ้าคุณโกสินทร์น่ะ..ถึงกับต้องยกกำปั่นใส่ทองมาขอขมาที่ยกเลิกการสู่ขอหล่อนเลย..ไม่ใช่รึ”
ชื่นลอยหน้าลอยตาถามอย่างสะใจ พิศทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งอายจนตัวสั่น แล้วเลยหันไปคว้าถาดใส่ข้าวแช่และกับข้าว ขึ้นสาดใส่ชื่นแล้วอาละวาดเขวี้ยงจานชามทิ้งจนแตกเสียงดังเปรื่องปร่าง คุณชื่นร้องวี้ดว้าย
“ออกไป๊” พิศตะเพิดส่ง
ชื่นเห็นท่าทางพิศน่ากลัวรีบหันมาไหว้พระยาสมานแล้วออกไปกับบ่าวทันที พิศมองตาม ยังโกรธจนตัวสั่นอยู่ พระยาสมานและนางด้วงมองพิศอย่างกลัดกลุ้ม

ในครัวกำลังโจษจันกันเรื่องที่ชื่นมาเย้ยพิศถึงเรือน
“ข้าละสงซ้าน..สงสารคุณพิศจริงจริ๊ง..อุตส่าห์เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในเรือน ไม่ออกไปสมาคมที่ไหนไม่ให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน ก็ยังอุตส่าห์มีคนเข้ามาหาเรื่องถึงในเรือนให้ได้อาย นี่ถ้าเป็นฉันละก็ นังคุณชื่นไม่เจอแค่น้ำดอกไม้ข้าวแช่หรอกย่ะ แต่ต้องเจอนี่ๆๆๆ”
นางด้วงทำมือวืดวาดแบบตบหน้าคนไปมา บ่าวอื่นทำหน้าแหยงๆ นางด้วงไปตามๆกัน
“แล้วนี่มีข่าวทางคุณฉัตรบ้างมั้ยล่ะ ทางนั้นจะเอายังไงต่อ” นางแดงถาม
นางด้วงส่ายหน้า “คุณฉัตรก็เหลือเกิ๊น เงียบหายไปเลย”
“ตกลง...จะได้ตกได้แต่งกันมั้ยนี่ เฮ้อ” นางพุ่มถอนหายใจ
บัวกับน้อยที่นั่งกินข้าวอยู่มุมหนึ่ง บัวกระซิบน้อย
“ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าตอนนี้คุณฉัตรคิดอะไร ทำอะไรอยู่ เธอจะรู้บ้างมั้ยนะว่า..บ้านนี้เรือนนี้น่ะกำลังจะลุกเป็นไฟอยู่แล้ว”
บัวกลุ้มใจมาก

เวลาเดียวกันนายชดเดินถือข้องปลากลับมาจากการหาปลา แล้วเห็นผู้ชายสองคนอยู่บนเรือน คนหนึ่งซึ่งก็คือนายสนนั่งอยู่เฉยๆ แต่อีกคน เป็นฉัตรเดินกลับไปกลับมา นายชดรีบหลบเข้าหลังพุ่มไม้ วางข้องปลาลง แล้วเขม้นตามอง แต่เห็นไม่ชัดว่าเป็นใคร
นายชดหันซ้ายหันขวาเจอท่อนไม้แข็งแรงเข้าอันหนึ่งก็หยิบมาถือกระชับในมือ แล้วเดินย่องขึ้นเรือน เงื้อขึ้นพร้อมจะฟาด
“คิดจะมาปล้นข้าเรอะ”
นายชดเงื้อท่อนไม้ขึ้นs,kpจะฟาด ฉัตรหันมาเห็นพอดี
“นายชด นี่ฉันเอง”
“คุณฉัตร”

นายชดตะลึงเพราะคาดไม่ถึง
ไม่นานต่อมา ฉัตร นั่งอยู่บนเรือนของนายชดอยู่แล้วพร้อมกับนายสน สักครู่หนึ่งฉัตรก็กางห่อผ้ากางออกตรงหน้านายชด ทำเอานายชดถึงกับตาโตเมื่อมองเห็นของในห่อผ้านั้น เป็นอัฐจำนวนมากโข

นายชดงวยงง “นี่มันอะไรกันน่ะขอรับ”
“ฉันต้องการให้นายชดเอาอัฐนี่ไปไถ่ตัวแม่บัวจากท่านเจ้าคุณสมานที”
“อัฐตั้งมากมายอย่างนี้ กระผมยังไม่รู้ว่าจะหามาชดใช้คุณฉัตรได้อย่างไรนะขอรับ”
“เรื่องชดใช้น่ะ..เอาไว้พูดกันทีหลังเถอะ แต่เวลานี้ฉันต้องการให้นายชดเอาอัฐนี่ไปไถ่ตัวแม่บัวออกมาจากที่นั่นก่อนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าเจ้าคุณสมานถาม นายชดก็อย่าบอกก็แล้วกันว่าเป็นอัฐของฉัน บอกว่าเป็นอัฐของนายชดเองที่หาได้จากที่ไหนก็คิดเอาเองก็แล้วกัน แต่ห้ามบอกเป็นอันขาดว่าเป็นอัฐของฉัน ไม่เช่นนั้นชีวิตแม่บัวอาจเป็นอันตราย”
นายชดสีหน้าตกใจ มองหน้าฉัตรนิ่ง แล้วเริ่มเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร สีหน้าจึงเริ่มเปลี่ยนเป็นเข้าใจ

เวลาเดียวกันพิศนั่งอยู่ในห้องบนเรือน สีหน้ายังโกรธและเจ็บใจชื่นที่มาเย้ยหยันถึงเรือนชานบ้านช่อง พิศนั่งกำมือแน่น นางด้วงนั่งเฝ้าอยู่ที่มุมห้อง มองพิศด้วยสีหน้าแหยงๆ กลัวพิศจะลุกขึ้นอาละวาด สักครู่ก็มีเสียงเคาะประตูห้องเบาๆ นางด้วงไปเปิด เห็นเป็นพระยาสมานกวักมือเรียกนางด้วงให้ออกไป นางด้วงหันมามองดูพิศอีกที เห็นพิศยังนั่งนิ่งขึงอยู่ นางด้วงค่อยๆ คลานออกจากห้องไปเงียบๆ
นางด้วงเดินเข้ามาหาพระยาสมานที่ยืนรออยู่ตรงโถงกลางเรือน
“ลูกพิศของข้าเป็นยังไงบ้างนังด้วง” ท่านเจ้าคุณถาม
สีหน้านางด้วงดูกลัดกลุ้มขณะตอบ “ไม่พูดไม่จา ไม่กินข้าวกินปลา เอาแต่นั่ง เงียบอยู่อย่างนั้นแหละเจ้าค่ะ บ่าวละกลุ้มใจ๊..กลุ้มใจ”
สีหน้าพระยาสมานกลุ้มไม่แพ้กัน แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจล้วงหยิบอัฐจำนวนมากออกมาส่งให้นางด้วง
“นังด้วง เอ็งออกไปตลาดทีนะ แล้วไปตามนายห้างร้านผ้า ให้เอาผ้าสวยๆ ลายใหม่ๆ มาให้ลูกพิศกูเลือกที่เรือนนี่ แล้วขากลับเอ็งก็แวะซื้อยาจีนมาด้วย เอามาทำตุ๋นยาจีนให้ลูกพิศข้ากิน แล้วถ้าเอ็งเกิดเจออะไรที่ว่าสวย ที่ว่าดี ซื้อมาให้หมด ข้าจะต้องทำให้ลูกพิศของข้าอารมณ์ดีขึ้นให้ได้”
“เจ้าค่ะ” นางด้วงรับคำแล้วออกไป
พระยาสมานถอนหายใจเฮือก ด้วยความกลัดกลุ้ม สงสารธิดาที่เป็นดั่งดวงใจเป็นที่สุด
ไม่นานหลังจากนั้น นางด้วงมาเดินตลาดกับบ่าวคนหนึ่ง นางด้วงวางท่าเป็นนายมาก ซื้อข้าวของอะไรได้ก็โยนให้บ่าวคนนั้นถือหมด

ขณะเดียวกันแอนนาเดินมากับบ่าว ๒-๓ คน ที่อีกมุมในตลาดเดียวกัน แอนนากวาดตามองตลาดไปรอบๆ
“นี่น่ะหรือ..ตลาด”
“เจ้าค่ะ” บ่าวบอก
แอนนาทำหน้ายี้ “ทำไมมันเหม็นอย่างนี้ พวกหล่อนจะไปซื้ออะไรก็ไปเถอะ ฉันเห็นจะไม่เข้าไปละ”
“แล้วคุณแหม่มจะไปไหนล่ะเจ้าค่ะ” บ่าวถาม
“เดินดูอะไรแถวๆ นี้ละ แล้วประเดี๋ยวฉันจะกลับเรือนเอง”
บ่าวอ้าปากจะค้าน แต่แอนนาทำตาดุใส่ บ่าวเลยหยุด ตอบเสียงอ่อยๆ
“เจ้าค่ะ”
พวกบ่าวเดินไป บ่าวอีกคนกระซิบถาม
“ทิ้งคุณแหม่มไว้คนเดียวจะดีรึ”
“แล้วเอ็งจะให้ข้าทำอย่างไรล่ะ คุณแหม่มเธอเป็นนาย เราเป็นเพียงบ่าว คุณแหม่มเธอจะว่ากลับเรือนเอง ข้าจะไปค้านได้ยังไง”
บ่าวคนที่ถามส่ายหน้า แล้วพากันเดินเข้าตลาดไป ส่วนแอนนาเดินมองไปรอบๆ แต่ไม่ยอมเดินเฉียดใกล้ตลาดเลย

นางด้วง เดินคุยเจ๊าะแจ๊ะกับคนในตลาดไปเรื่อย จนกระทั่งหันมาเห็นแอนนาเข้า ก็ตื่นเต้น เห็นฝรั่ง
“เอ๊ะ..นั่นมันแหม่ม..เมียคุณฉายนี่” นางด้วงหันมาพูดกับบ่าวที่ติดตาม “เอ็งรออยู่ที่นี่นะ ประเดี๋ยวข้ามา”
ว่าแล้วนางด้วงก็เดินตรงไปหาแอนนาทันที พอไปถึง ก็ยกมือไหว้แอนนา แล้วยิ้มประจบ
“แหม่มมาซื้อของหรือเจ้าคะ”
แอนนาตอบ “ใช่” มองนางด้วงงง ไม่รู้เป็นใคร
“บ่าวเป็นบ่าวอยู่ที่เรือนท่านเจ้าคุณสมานเจ้าค่ะ” นางด้วงแนะนำตัว
แอนนาพยักหน้ารับรู้ แล้วนางดวงก็นึกอะไรได้ คิดจะหลอกถามแอนนาหาข้อมูล

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 4/4 วันที่ 6 ม.ค. 56

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ที่มา manager