อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 4 วันที่ 4 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 4 วันที่ 4 ม.ค. 56

บัวสะดุ้งเฮือก น้ำตาร่วงเผาะด้วยความเจ็บปวด น้อยก็น้ำตาตกพอกัน
“เฆี่ยนต่อไปสิไอ้เพียร ! เฆี่ยน”
เพียรกลั้นใจเฆี่ยนบัวอีก น้อยทนไม่ไหวถลาเข้ามากอดเท้าพิศไว้ แล้วพนมมือขึ้นกราบที่
เท้าพิศอ้อนวอน
“อย่าเฆี่ยนนังบัวมันเลยเจ้าค่ะ บ่าวยอมบอกแล้ว”
บัวตกใจ “น้อย”
“บ่าวยอมบอกแล้ว”

“ถ้าเช่นนั้นก็บอกมาเดี๋ยวนี้ว่า...เอ็งให้ใครลักลอบเข้ามาหาถึงในเรือน บอกมา”
น้อยกลัวมาก และรู้ดีว่าถ้าบอกว่าฉัตรกับฉายมา ก็คงโดนเฆี่ยนทั้งสองคน บัวพยายามส่ายหน้าห้าม น้อยลังเล


ขณะเดียวกันฉัตรกับฉาย ยืนเม้มปากอยู่กลางเรือน ประจันหน้าผู้เป็นบิดา แอนนา และนายสนอยู่ด้วย
“บอกพ่อมา เจ้าสองคนไปที่เรือนท่านเจ้าคุณสมานทำไม”
ฉายมองหน้าฉัตรเป็นเชิงปรึกษาว่าจะเอายังไงดี ฉัตรยังนิ่ง
พระยาโกสินทร์ชักโมโห “เอ้า ยืนเบื้อใบ้อยู่ทำไม” ท่านเจ้าคุณคิดอะไรขึ้นมาได้ก็ตาโตอย่างตกใจ “นี่อย่าบอกนะว่า…”
พระยาโกสินทร์ชี้หน้าฉัตรจะพูดต่อ แล้วแล้วก็เห็นแอนนากับนายสนมองมาอย่างอยากรู้มาก พระยาโกสินทร์เลยไม่อยากพูดเรื่องบัดสีต่อหน้าคนอื่น เลยเดินฮึดฮัดเข้าห้องไปเลย ฉัตรมีสีหน้าเครียด

ด้านพิศถามย้ำ
“บอกมาอีน้อย มึงกับอีบัวนัดหมายผู้ชายมาสมสู่ในเรือนข้าใช่ไม๊ เอ็งบอกความจริงมาเดี๋ยวนี้นะ”
น้อยพูดไม่ออก
“ไอ้เพียร”
เพียรเฆี่ยนบัวอีก บัวกัดปากจนเลือดออก
“จะบอกมั้ย”
เพียรเห็นน้อยยังนิ่ง ก็เฆี่ยนบัวอีกขวับ น้อยทนไม่ไหวกลั้นใจโกหกออกมา
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ คนที่มา..คือพ่อของนังบัวมันเจ้าค่ะ”
พิศชะงัก “อะไรนะ”
“พ่อของนังบัวมันจะมาบอกว่า..ยังหาอัฐมาไถ่ตัวอีบัวมันไม่ได้ คงต้องให้อีบัวเป็นทาสรับใช้อยู่ที่เรือนนี่ไปจนตายเจ้าค่ะ”
ทุกคนอึ้ง พิศไม่เชื่อ
“ข้าไม่เชื่อเอ็งหรอก ข้าเห็น..ผู้ชายสองคนที่วิ่งหนีไปนั่นออกจะดูปราดเปรียวหนุ่มแน่น แล้วยังมีปืนอีกด้วย ถ้าเป็นพ่อของอีบัว จะมีปืนได้อย่างไรกัน”
“พ่ออีบัวยืมปืนเขามาเจ้าค่ะ พ่อเล่าว่าตั้งแต่ถูกโจรปล้นคราวนั้น เวลาไปไหนมาไหนไกลบ้าน ก็เลยจะยืมปืนคนอื่นเขามาไว้ป้องกันตัวเจ้าค่ะ พ่ออีบัวบอกว่า..อาจจะไม่โชคดีรอดตายอย่างครั้งที่แล้วได้” น้อยบอก
“ข้าไม่เชื่อ ไอ้เพียร เฆี่ยนอีบัวอีก จนกว่ามันจะพูดความจริงออกมา”
น้อยผวาเข้าไปกอดเท้าพิศไว้
“นี่คือความจริงเจ้าค่ะ”
พิศไม่สนใจฟัง “ไอ้เพียร”
เพียรขยับเข้ามาจะเฆี่ยนบัว พระยาสมานทนไม่ไหว แหวกเข้ามากลางวง
“พอเถอะๆ ลูกพิศ อย่าไปเฆี่ยนตีมันอีกเลย แผลเก่าที่หลังนังบัวมันยังไม่ทันหาย จะได้แผลใหม่ซ้ำ มันจะตายเสียก่อนนะลูก พ่อว่านังน้อยมันคงพูดจริง ไอ้เพียร เอาหวายไปเก็บไป๊”

ท่านเจ้าคุณตัดบท พิศเม้มปากอย่างขัดใจ
ขณะที่พระยาโกสินทร์เดินฮึดฮัดอยู่ในห้อง ก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วสักครู่ฉัตรกับฉายก็ค่อยๆ เดินเข้ามา พอพระยาโกสินทร์เห็นหน้าฉัตรก็โวยวายใส่ทันที

“เจ้าฉัตร ทำไมเจ้าใจเร็วด่วนได้อย่างนี้ ทำเรื่องบัดสีเช่นนี้ได้ยังไง จะให้พ่อพูดไปต่อหน้าบ่าวไพร่ก็ไม่ใช่เรื่องดี แต่เจ้าจะรักจะชอบแม่พิศ ก็ควรจะเดินตามตรอกออกตามประตู ให้ถูกต้องตามประเพณีสิ ร้อนใจนักก็บอกพ่อ พ่อจะได้หาผู้ใหญ่ไปเจรจาสู่ขอโดยด่วน แม่พิศนั่นน่ะ..เขาเป็นลูกผู้ลากมากดี มีพ่อมีแม่ ไม่ใช่เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ แต่นี่อะไร ทำอะไรลงไปไม่นึกถึงหน้าพ่อเลย เจ้าทำเช่นนี้ ท่านเจ้าคุณสมานจะมาถอนหงอกพ่อเอาได้รู้มั้ย”
พูดแล้วพระยาโกสินทร์ก็หันไปชี้หน้าฉาย
“เจ้าก็อีกคน โตจนมีเมียแล้ว แทนที่จะฉุดรั้งพี่ให้อยู่ในร่องในรอย กลับช่วยกันในทางที่ผิดเสียนี่” ท่าทีท่านเจ้าคุณขัดใจมาก “โอ๊ย ! เอาละๆๆๆๆ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว พ่อก็จะหาทางแก้ไขในเรื่องที่เจ้าก่อขึ้นนี่ให้เร็วที่สุด”
ฉัตรได้ฟังก็มีสีหน้าเครียดเคร่ง

น้อยกับนางพุ่มช่วยกันประคองบัวกลับมาถึงเรือนพักทาส
“ขอบใจน้าพุ่มมากนะจ๊ะ”
“เออ..ไม่เป็นไร เป็นทาสด้วยกัน ก็ต้องช่วยกันไป”
นางพุ่มว่าแล้วก็ออกไป น้อยพาบัวนั่งลง แล้วดูแผลให้
“เฮ้อ..แผลเก่ายังไม่ทันจะหาย ได้แผลใหม่มาเสียอีกแล้ว กว่าพ่อเอ็งจะมาไถ่ตัวเอ็งกลับไป เอ็งจะรอดปลอดภัยไปได้อีกกี่ครั้งว้า” น้อยบ่น
“น้อย...ข้าว่าคุณพิศเธอไม่เชื่อหรอกว่า...เป็นพ่อข้า ที่มาหาคืนนี้น่ะ”
“ไม่เชื่อแต่จะทำอะไรได้เล่า เฮ้อ..ข้าขอแค่ให้คุณฉัตรกับคุณฉายหนีรอดกลับเรือนไปได้ แล้วเอ็งก็ไม่ถูกเฆี่ยนไปมากกว่านี้ จะให้ข้าต้องโกหกตกนรกมากกว่านี้...ข้าก็ยอม” น้อยว่า
“ขอบใจเอ็งจริงๆ นะน้อย...ขอบใจ”
น้อยพยักหน้ารับ บัวซาบซึ้งกับสิ่งที่น้อยทำมาก โผเข้ากอดน้อยด้วยความขอบคุณ
“แต่ข้ากลัวว่า..ครั้งหน้า..เราอาจจะไม่รอดเช่นครั้งนี้”
สีหน้าบัวกังวลไม่หาย

พิศเดินกลับมาที่ห้อง สีหน้าครุ่นคิดมาตลอดทาง นางด้วงตามติด
“ที่คุณพิศสั่งให้นังบัว นังน้อย ทำงานกลางแจ้ง 3 วันเพื่อให้หลาบจำ จะได้ไม่กล้านัดหมายใครเข้ามาพบที่เรือนอีก บ่าวว่าน้อยไปนะเจ้าคะ”
พิศปรายหางตามองนางด้วงด้วยความโกรธ ที่บังอาจตำหนิคำสั่งเธอ นางด้วงรู้ตัวก็จ๋อยไป แล้วเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วบ่าวก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายชดมันจะกล้าหาญบุกเรือนเราเพื่อเข้ามาพบลูกสาวมันขนาดนั้น”
พิศบอกเสียงเรียบ “มันไม่ใช่นายชดหรอก”
“อ้าว..แล้วทำไมคุณพิศไม่สั่งให้เฆี่ยนนังบัวต่อจนกว่ามันจะสารภาพเล่าเจ้าคะ”
“ข้าดูหน้านังสองคนนั่น ข้าก็รู้ว่าต่อให้ตีมันจนตายคาหวาย มันก็ไม่มีวันปริปากบอกความจริงแน่ว่าไอ้ผู้ชายสองคนนั่นเป็นใคร”
“แล้วคุณพิศจะทำอย่างไรต่อเจ้าคะ”
“จับตาดูมัน แล้วจับให้ได้คาหนังคาเขาว่ามันลักลอบเล่นชู้กับใคร จับให้ได้ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย แล้วข้าจะประจานมันทั้งคู่ มันถึงจะสาแก่ใจกว่า”
นางด้วงพยักหน้าหงึกๆ อย่างเข้าใจ พิศตาวาววับอย่างเจ็บใจที่จับไม่ได้คาหนังคาเขา

วันต่อมา ถาดผลไม้หายากก็ได้วางอยู่บนโต๊ะที่บนเรือนพระยาสมานแล้ว พิศกำลังมองอยู่อย่างแปลกใจ
“ของใครนี่”
นางพุ่มรีบคลานเข้ามารายงาน
“คุณฉัตรให้คนส่งมาให้คุณพิศเจ้าค่ะ บอกว่าขอบคุณที่ส่งนังน้อยไปช่วยปรุงยาให้คนป่วยที่เรือนโน้นเมื่อวานนี้น่ะเจ้าค่ะ”
พิศยิ้มออกมาทันที “อ้อ..แล้วนี่คนของคุณฉัตรกลับไปแล้วรึ ไม่เช่นนั้นข้าจะฝากสำรับคาวหวานกลับไปคุณฉัตรเธอบ้าง”
“กลับไปแล้วเจ้าค่ะ”

นายสนยังไม่ได้กลับ และกำลังซุ่มตัวอยู่ในพุ่มไม้ แอบมองอะไรบางอย่างอยู่ใจจดใจจ่อ ครู่ต่อมานายสนเห็นบัวกับน้อยกำลังช่วยกันตักน้ำจากท่าน้ำ ไปใส่โอ่งอยู่ท่ามกลางแดดเปรี้ยง บัวเหมือนจะเป็นลม เพราะมีแผลที่หลังด้วย น้อยรีบเข้าไปถาม

บัวส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แล้วก้มหน้าก้มตาตักน้ำแบกไปใส่โอ่งต่อไปอย่างอดทน
ขณะเดียวกันฉัตรเดินไปเดินมาอยู่บนเรือนนั่งไม่ติดที่ ฉายมองพี่ชายอย่างเข้าใจ สักครู่นายสนก็วิ่งเข้า ฉัตรปราดเข้าไปหาทันที

“ว่าไงนายสน”
“ยังอยู่ดีทั้งสองคน ทั้งแม่บัว และแม่น้อยขอรับ เสียแต่ว่า...ถูกสั่งให้ไปทำงานกลางแจ้ง 3 วันขอรับ”
ฉัตรทำหน้าขัดใจ “แล้วเรื่องที่มีคนบุกขึ้นเรือนทาสล่ะ คนเรือนโน้นเขาพูดกันว่าอย่างไรบ้าง”
“เห็นว่าเป็นพ่อของแม่บัวแอบมาเยี่ยมลูกยามวิกาลขอรับ” นายสนบอก
ฉัตรทำหน้างง แล้วโบกมือไล่ให้นายสนออกไป สักครู่หนึ่งนายสนออกไป เหลือเพียงสองพี่น้อง
“รูปการณ์ออกไปทางนั้นได้อย่างไรกันนี่ แปลกจริง” ฉัตรคาใจ
“จะออกไปทางนั้นได้อย่างไรก็ช่างมันเถิดขอรับพี่ฉัตร แต่เวลานี้ทั้งแม่บัว และแม่น้อย รอดปลอดภัย ไม่โดนขังโดนเฆี่ยนก็บุญโขแล้ว กระผมว่า..บางทีพี่ฉัตรอาจต้องตัดใจจากแม่บัวเสีย เพราะกระผมไม่เห็นหนทางที่ราบรื่นเลย”
“ไม่ พี่จะไม่เปลี่ยนใจจากแม่บัวไปรักหญิงอื่นเป็นอันขาด” ฉัตรยืนยัน
“แล้วเรื่องคุณพิศเล่าขอรับ เจ้าคุณพ่อคงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องเมื่อคืนผ่านไปง่ายๆ แน่ขอรับ”
ฉัตรรู้สึกกังกล

ที่กระทรวงกลาโหม ตอนกลางวัน พระยาสมานกำลังนั่งอ่านงานอยู่ในห้องหนึ่ง พระยาโกสินทร์เดินเร็วๆ เข้ามาหา
“พบตัวท่านเจ้าคุณเสียที”
พระยาสมานรู้สึกแปลกใจ “มีอะไรหรือขอรับ”
“ก็มีธุระสำคัญจะมาคุยกับท่านเจ้าคุณสมานน่ะสิขอรับ กระผมละใจร้อนอยากจะรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเสียก่อนที่ข้าวสารจะกลายเป็นข้าวสุกไปเสียก่อน”
พระยาสมานฉงน “ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก”
พระยาโกสินทร์พูดพลางสังเกตอาการพระยาสมานไปด้วยว่ารู้เรื่องแค่ไหน
“ก็เรื่องของพ่อฉัตรกับแม่พิศอย่างไรเล่าขอรับ”
“อ้อ..อ๋อ..ก็เห็นชอบพอกันดีอยู่”
พระยาโกสินทร์เห็นพระยาสมานไม่ได้มีท่าทางโกรธอะไรก็รีบพูดต่อ
“ถ้าเช่นนั้นท่านเจ้าคุณก็คงจะไม่รังเกียจหากว่ากระผมจะขอทาบทามแม่พิศให้กับพ่อฉัตร ลูกชายคนโตของกระผมเอาไว้เสียคร่าวๆ ตรงนี้ก่อน แล้วกระผมจะนำผู้ใหญ่ไปเจรจาสู่ขออย่างเป็นทางการอีกครั้งที่เรือน”
พระยาสมานยิ้มกว้างอย่างพอใจ “กระผมยินดีจริงๆ ขอรับที่เราสองครอบครัวจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน..ยินดีจริงๆ”

พระยาโกสินทร์แอบถอนใจโล่งอกที่ทุกอย่างราบรื่น ในขณะที่พระยาสมานเนื้อเต้นที่ลูกรักจะได้ออกเรือนไปกับผู้ชายดีๆ

เย็นนั้นพระยาสมานกลับจากกระทรวงเดินหน้าบานขึ้นมาบนเรือน แล้วตะโกนสั่งบ่าวแถวนั้น
“ไปตามแม่พิศมาพบข้าด่วน”
บ่าวคนหนึ่งกุลีกุจอออกไป พระยาสมานนั่งยิ้มปลื้มใจอยู่สักครู่ พิศก็เดินเข้ามา นางด้วงตามแหนมาด้วย
“เจ้าคุณพ่อให้บ่าวไปตาม มีธุระอะไรจะใช้ลูกหรือคะ”
พระยาสมานยิ้มย่องขณะบอกบุตรี “ธุระน่ะไม่มีหรอก มีแต่ข่าวดี”
พิศฉงน “ข่าวดีอะไรหรือคะ”
“วันนี้ ท่านเจ้าคุณโกสินทร์มาเอ่ยปากทาบทามเจ้าให้กับพ่อฉัตร”
พิศดีใจมาก “จริงหรือคะเจ้าคุณพ่อ”
พระยาสมานพยักหน้า “เรื่องแบบนี้..พ่อจะพูดเล่นได้ยังไง”
พิศยิ้มปลื้มอกปลื้มใจ นางด้วงพลอยยิ้มปลื้มไปด้วย

ขณะเดียวกันบัวกับน้อยเดินท่าทางกะปลกกะเปลี้ยกลับมาที่เรือนทาส
“โฮ้ย..ตากแดดเสียแสบไปทั้งตัวเลย” น้อยว่า พลางลูบแขนขาตัวเองอย่างอ่อนล้า “นี่แค่วันแรกนะเนี่ย”
“แต่ก็ดีกว่าถูกเฆี่ยนละน้อย” บัวว่า
น้อยพยักหน้ารับอย่างเห็นจริงด้วย “จริง”
ระหว่างนั้นนางพุ่มวิ่งเข้ามา หน้าตาตื่นเต้น
“พวกเอ็งรู้ข่าวรึยัง”
“ข่าวอะไรจ๊ะน้าพุ่ม” บัวสงสัย
“ก็ข่าวคุณพิศจะออกเรือนไปกับลูกชายท่านเจ้าคุณโกสินทร์น่ะสิ” นางพุ่มบอก
คำพูดนั้นกระแทกเข้าที่หน้าบัวอย่างจัง บัวตกตะลึง

เวลาต่อมานางด้วงกำลังหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่ในครัว ขณะนำข่าวคุณพิศของหล่อนมาประกาศท่ามกลางบ่าวคนอื่นๆ
“ไหมล่ะ ข้าว่าแล้วว่าเรือนเราจะต้องมีงานมงคลเร็วๆ นี้ แล้วก็มีจริงๆ”
นางพุ่มเอ่ยขึ้น “แหม..เห็นคุณฉัตรท่าทางนิ่งๆ ไม่นึกว่าจะใจร้อนขนาดนี้เลยนะ”

นางด้วง “ความรักไงจ๊ะน้า...เมื่อพบคนที่ถูกใจ จะรอช้าไปใยเล่า คุณพิศของเราก็ออกจะงามพร้อม ทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ ผู้ชายคนไหนก็ต้องอยากได้เธอไปเป็นแม่ศรีเรือนกันทั้งนั้นละ”
“มันก็จริงของเอ็ง...” นางแดงมองหา ท่าทางแปลกใจ “เอ๊ะ..แล้วนี่นังบัวกับนังน้อย มันไม่มากินข้าวเรอะ”

ทางด้านบัวกำลังนั่งร้องไห้อยู่เงียบๆ น้อยมองอย่างเข้าใจความรู้สึก
“ข้าขอโทษ ข้าไม่น่าพูดให้เอ็งมีความหวังเลย ข้าน่าจะรู้...คนเรา..ลงได้ชื่อว่าเป็นทาสเขาแล้ว มันไม่มีวันมีความสุขสมใจหรอก”
“เอ็งไม่ผิดหรอกน้อย ข้าผิดเอง ที่คิดว่าทาสกับนายทหารจะรักกันได้ ข้าควรจะตัดใจเสียตั้งแต่มาเป็นทาส ไม่ควรเผยอ...” บัวน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาจนร้องไห้ออกมาอีก

น้อยสงสารนัก แต่ทำได้แค่เพียงปลอบใจ
ขณะที่พิศกำลังนั่งหวีผมอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หล่อนหยุดจ้องมองเงาสะท้อนในกระจกแล้วยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อคิดถึงฉัตร สักครู่นางด้วงก็เปิดประตูห้องเข้ามา แล้วจัดแจงกางมุ้งเตรียมที่นอนให้พิศ

“อีกหน่อย..บ่าวก็ไม่มีโอกาสได้นอนเฝ้าหน้าเตียงคุณพิศแล้วนะเจ้าคะ” นางด้วงเอ่ยขึ้น
“ข้าไม่นึกเลยว่าคุณฉัตรจะใจร้อนอย่างนี้” พิศว่า
“ก็คุณพิศออกจะงามขนาดนี้ คุณฉัตรจะอดใจไหวได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ ออกเรือนไปไม่นาน คงจะมีลูกหลานให้บ่าวเลี้ยงเพลินไปเลย” นางด้วงประจบ
พิศยิ้ม “ข้าเป็นลูกคนเดียว พี่น้องไม่มี บางทีมันก็เหงา ข้าก็เลยคิดว่าข้าจะมีลูกกับคุณฉัตรเขาหลายๆคน มีเด็กเล็กๆวิ่งอยู่ในบ้าน บ้านคงจะครึกครื้นขึ้นมากทีเดียวนะนังด้วงนะ”
“เจ้าค่ะ”
สีหน้าพิศอิ่มเอิบ แววตาเป็นประกายเพ้อฝัน

ขณะเดียวกันพระยาโกสินทร์เดินออกมาจากที่ทำงานในกระทรวงเตรียมจะกลับบ้าน นายสนวิ่งเข้ามารับเอกสารไปช่วยถือ
“ต่อไปถ้าพ่อฉัตรเป็นฝั่งเป็นฝาไปกับแม่พิศ ข้าก็คงจะตายตาหลับเสียทีละ” ท่านเจ้าคุณเอ่ยขึ้น
“ขอรับ”
ระหว่างนั้นมีชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามา

“ท่านเจ้าคุณโกสินทร์ มีรับสั่งให้เข้าเฝ้าขอรับ”
พระยาโกสินทร์แปลกใจ “รู้มั้ยเรื่องอะไร”

ครู่ต่อมาพระยาโกสินทร์เดินเร็วๆ เข้ามาที่หน้าท้องพระโรง เห็นข้าราชบริพารจำนวนหนึ่งยืนออกันอยู่ด้านหน้า เตรียมจะเข้าเฝ้า
พระยาโกสินทร์เอ่ยถามกับข้าหลวงชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง “ทรงมีรับสั่งให้กระผมเข้าเฝ้า เรื่องอะไรรึขอรับ”
ข้าหลวงท่านนั้นยิ้มๆ “ประเดี๋ยวก็รู้”
พระยาโกสินทร์มีสีหน้าตื่นเต้นมาก ทันใดนั้นก็มีเสียงขานชื่อพระยาโกสินทร์ออกมาด้านในของท้องพระโรง
“เบิกตัวพระยาโกสินทร์เข้าเฝ้า”
พระยาโกสินทร์เดินเข้าไปด้านในท้องพระโรงทันที

พระยาโกสินทร์คลานเข้าเฝ้า ถวายบังคมหมอบกราบ เห็นพระพุทธเจ้าหลวงแต่เฉพาะด้านหลัง ขณะทรงรับสั่ง
“เรามีอะไรจะให้เจ้า เนื่องในวาระที่ท่านเจ้าคุณโกสินทร์รับใช้แผ่นดินมานานถึง 30 ปี”
พระยาโกสินทร์กราบลงอีกครั้ง น้ำตารื้นด้วยความตื้นตันปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่ง
พระพุทธเจ้าหลวงรับสั่งต่อ “สิ่งนี้น่าจะเหมาะกับพัศดีอย่างเจ้านะ”
แล้วข้าราชบริพารคนหนึ่งก็นำหีบแข็งแรงใบหนึ่งออกมาวางลงตรงหน้าพระยาโกสินทร์ แล้วเปิดฝาออก

ที่แท้ภายในหีบเป็น ‘ตรวนทองคำ’ ส่องประกายวาววับจับตา พระยาโกสินทร์เอื้อมมือลงไปหยิบ ตรวนทองคำ นั้นขึ้นมาดู สีหน้าปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก ท่านเจ้าคุณอยู่ที่บ้านแล้ว ผู้คนรอบข้างพระยาโกสินทร์ส่งเสียงฮือฮากันด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นตรวนทองคำนั้น
ฉัตรมองตรวนทองคำอย่างแปลกใจ “ตรวนทองคำ”

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 4 วันที่ 4 ม.ค. 56

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ที่มา manager