อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 5/2 วันที่ 8 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 5/2 วันที่ 8 ม.ค. 56

น้อยพูดด้วยน้ำเสียงชิงชัง “ผู้ชายทุเรศๆ อย่างมัน...จะทำอะไร...นอกจากหาเศษหาเลยกับข้า นี่ถ้าข้าไม่ติดว่ามันกำความลับเรื่องกล่องดนตรีของเอ็งอยู่ละก็ ข้าไม่มีวันยอมให้มันแตะเนื้อต้องตัวข้าได้หรอก”
บัวรู้สึกผิดมาก “เป็นเพราะข้าคนเดียว..เอ็งถึงต้องทนรับกรรมแทนข้า”
“ช่างเหอะ อย่าพูดถึงมันเลย ทำงานดีกว่า ประเดี๋ยวพี่ด้วงมาเห็นเรายืนคุยกันอย่างนี้ จะหาว่าเราอู้งาน แล้วเอ็งกับข้าคงได้หลังลายกันอีกละ”

ทั้งสองรีบกลับไปทำงาน โดยไม่สำเหนียกเลยว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว
พิศเดินเปิดประตูเรือนน้อยเข้ามาปัง นางด้วงรีบตามเข้ามาด้วย พิศกวาดตามอง แล้วเดินตรงเข้าไปรื้อที่นอน ทีแรกรื้อที่นอนฟากที่เป็นที่นอนของน้อยก่อน แต่ไม่พบอะไร จึงเดินไปรื้อที่นอนฟากที่เป็นที่นอนของบัวบ้าง



แล้วในที่สุดก็พบกล่องดนตรีซุกอยู่ใต้ที่นอน พิศหยิบกล่องดนตรีขึ้นมาดู
กล่องดนตรีที่อยู่ในมือ ทำให้พิศนึกถึงตอนไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับที่เรือนพระยาโกสินทร์ แล้วฉัตรเอากล่องดนตรีนี้มาไขโชว์แขกที่มาร่วมงานที่บ้าน ซึ่งพิศก็ได้ดูด้วย

“คุณฉัตรมีสิ่งอื่นที่นำติดตัวกลับมาจากประเทศรุสเซียอีกมั้ยคะ ขอพิศชมเป็นบุญตาหน่อยได้มั้ยคะ”
ฉัตรนิ่งคิด ฉายเข้ามา
“กล่องดนตรีไงขอรับพี่ฉัตร”
ฉัตรยิ้มแล้วบอกกับพิศ “รอสักประเดี๋ยวนะคุณพิศ”
“ค่ะ”
ฉัตรเดินไปหยิบกล่องดนตรี ๒ อันมา แล้วเอากลับมา ผู้คนเข้ามากลุ้มรุมดูด้วยความสนใจ
“ฝรั่งเรียกว่า ‘กล่องดนตรี’ ขอรับ เวลาต้องการจะฟังเพลง ก็จะต้องไขลานตรงนี้ก่อน”
ฉัตรไขลานกล่องดนตรีโชว์แขก สักพักเสียงดนตรีก็ดังออกมา แขกเงียบกริบตั้งใจฟังเสียงเพลงจากกล่องดนตรีกันใหญ่

นึกถึงตรงนี้พิศมีสีหน้าโกรธจัด
“ข้าหลงเข้าใจผิดคิดว่าคุณฉัตรไปชอบพอกับลูกสาวขุนน้ำขุนนางเรือนไหน ที่แท้..มันก็คือหอกข้างแคร่ในเรือนข้านี่เอง นังด้วง เอ็งให้คนไปลากตัวนังน้อยมาพบข้าด่วน ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน ไปจิกตัวมันมา”
“เจ้าค่ะ” นางด้วงจะไป
“เดี๋ยว” พิศเรียกไว้
นางด้วงชะงัก
“ไม่ต้องเอาตัวมันขึ้นไปบนเรือนนะ แต่ลากตัวมันไปพบข้าที่ลานเฆี่ยน”
“เจ้าค่ะ”
นางด้วงรับคำแล้วรีบวิ่งออกไป ขณะที่พิศก้มลงมองกล่องดนตรีในมือด้วยสีหน้าแค้นใจสุดๆ

บัวกับน้อยกำลังนั่งทำงานอยู่กลางแจ้ง เห็นเพียรมายืนแอบดูน้อยอยู่ไกลๆ สีหน้ามีความสุขที่ได้กอดจูบน้อยสมใจ สักครู่นางด้วงก็วิ่งเข้ามา
“อีน้อย คุณพิศเรียกพบด่วน”
น้อยมีสีหน้าแปลกใจ “คุณพิศเธอจะใช้อะไรข้าเหรอจ๊ะพี่ด้วง”
นางด้วง มีสีหน้าสะใจ “เดี๋ยวเอ็งก็รู้ ไปเร็วสิ”
บัวกับน้อยหันมามองหน้าอย่างแปลกใจ แล้วนางด้วงก็เดินคุมตัวน้อยออกไป บัวตามไปด้วยติดๆ เพียรที่ยืนแอบดูอยู่ไกลๆ รีบวิ่งตามมาดูด้วย

นางด้วงเดินคุมตัวน้อยเข้ามาที่ลาน บัวกับเพียรตามมาติดๆ พิศยืนรออยู่ก่อนแล้ว บ่าวอื่นๆเริ่มตามเข้ามาดูเหตุการณ์ และทันทีที่น้อยเข้ามาที่ลาน ทั้งบัวและน้อยก็หน้าตาตื่น เพราะรู้ดีว่านี่คือลานลงโทษ พอเดินเข้ามาใกล้ พิศก็ให้สัญญาณบ่าวผู้ชายจับตัวน้อยเอาไปมัดโยงกับเสาทันที
บัวตกใจสุดขีด รีบถลาเข้าไปทรุดลงนั่งแทบเท้าพิศทันที
“นี่มันเรื่องอะไรกันเจ้าคะ คุณพิศให้คนจับตัวน้อยมัดทำไมเจ้าคะ”
พิศไม่ตอบ แต่จ้องมองน้อยอย่างชิงชังเป็นที่สุด น้อยถูกจับมัดโยงกับเสา บ่าวชายคนหนึ่งชื่อ ไอ้แนบถือเหล็กเผาไฟแดงฉานเข้ามา
ที่ปลายเหล็กแหลม ถูกเผาไฟจนปลายเหล็กเป็นสีแดงฉาน น่ากลัวมาก
บัวกับน้อยพอเห็นเหล็กเผาไฟก็หน้าซีดเผือดทันที
บัวพนมมือไหว้พิศ “คุณพิศเจ้าขา...น้อยมันทำอะไรผิดหรือเจ้าคะ คุณพิศถึงจะต้องลงโทษมัน”
พิศไม่ตอบ แต่หยิบกล่องดนตรีเอาขึ้นมาให้บัวดู บัวเห็นกล่องดนตรีในมือพิศ ก็มีสีหน้าตกใจมาก หันไปมองน้อย ปะติดปะต่อได้ทันทีว่าน้อยจะโดนลงโทษเพราะอะไร น้อยหันไปมองหน้าเพียร ที่ยืนหน้าตาตื่นอยู่ไม่ไกล เพียรรีบถลาเข้าไปหาพิศ
“คุณพิศไปเอาของสิ่งนี้มาจากที่ไหนหรือขอรับ”
“ก็จากเรือนนังน้อยมันน่ะสิ”
เพียรหันไปมองหน้าน้อย ส่งสายตาเป็นเชิงอธิบายน้อยว่า..มันไม่ได้เป็นคนเอาเรื่องกล่องดนตรีนี้ไปบอกพิศนะ แต่น้อยทำหน้าไม่เชื่อ
“อีน้อย เอ็งบอกข้ามา ใครให้สิ่งนี้เอ็ง” พิศถามเสียงดัง
น้อยนิ่งไม่ยอมตอบ สบตากับบัว พิศเหลือบมองบัว นึกสงสัย แต่ยังไม่พูดอะไรออกมานอกจากหันไปเรียกบ่าวผู้ชายที่ถือเหล็กเผาไฟอยู่
“ไอ้แนบ”
ไอ้แนบเดินเข้ามาใกล้ พิศพยักหน้าให้สัญญาณว่าให้เอาเหล็กนาบหลังน้อยได้
ไอ้แนบขยับตัวทำตามคำสั่งพิศ จะเอาเหล็กเผาไฟนาบหลังน้อย

บัวร้องสุดเสียง “อย่า”
ว่าแล้วบัวก็ตัดสินใจกระโดดเข้ากอดร่างน้อยเอาไว้ ทำให้ไอ้แนบนาบเหล็กเผาไฟโดนเข้าที่หลังบัวแทน แผ่นหลังบัวถูกเหล็กเผาไฟนาบลงไป จนเป็นแผลไหม้ขึ้นมาต่อหน้าต่อตาทันที บัวเจ็บเจียนตายจนตาเหลือกโพลง

“บัว” น้อยร้องลั่น
ไอ้แนบตกใจที่นาบเหล็กเผาไฟผิดคน ผงะถอยออกไป นางด้วงขัดใจ เดินเข้าไปจิกหัวบัว
“นังนี่ สาระแนจริง” นางด้วงจิกหัวบัวลากออกจากน้อยเหวี่ยงออกไปฟุบที่พื้น
บัว เจ็บจนตาพร่าพราย

เวลาเดียวกันฉัตรอยู่ที่กระทรวง กำลังเดินมาหาฉาย
“พี่จะกลับบ้านละนะฉาย จะไปรอฟังข่าวดีเรื่องแม่บัวจากนายชดที่บ้าน”

ฉายมองพี่ชายขำๆ ฉัตรรีบเดินออกไป สีหน้าตื่นเต้นและมีความหวัง

ทางด้านบัวนอนฟุบหน้าอยู่กับพื้น

“บัว บัว เป็นยังไงบ้าง”
บัวเจ็บจนน้ำตาไหลพราก ยังพูดอะไรไม่ออก พิศมองด้วยสีหน้าสะใจ แล้วหันไปพยักหน้าให้สัญญาณไอ้แนบอีกครั้ง ไอ้แนบเดินกลับเข้ามาใหม่ เพียรเห็นท่าไม่ดีตัดสินใจโดดเข้าผลักไอ้แนบเต็มแรง จนไอ้แนบหงายหลังกระเด็นไป เหล็กเผาไฟกระเด็นหลุดจากมือ เสร็จแล้วเพียรก็ถลามาคุกเข่าตรงหน้าพิศ พนมมือไหว้ขอร้อง
“คุณพิศอย่าทำอะไรนังน้อยมันเลยขอรับ กล่องดนตรีนั่น..คุณฉัตรให้นังน้อยมาขอรับ”
“เอ็งรู้ได้ยังไง”
“นังน้อยมันบอกขอรับ มันว่า..คุณฉัตรให้มันเป็นรางวัลที่มันไปปรุงยาให้คนป่วยที่เรือนโน้นขอรับ”
พิศหยัน “แล้วเอ็งก็เชื่อมัน”
“ขอรับ” เพียรว่า
“ไอ้โง่ กะอีแค่ไปปรุงยาให้คนป่วย ใครที่ไหนเขาจะเอาของจากเมืองฝรั่งมังค่าราคาแพงอย่างนี้ตกรางวัลให้อีทาสในเรือนเบี้ยอย่างอีน้อยกันเล่า อย่างดีก็ตกรางวัลให้มันสักเฟื้อง สักสลึง มันก็ดีใจจนน้ำตาไหลแล้ว ของสิ่งนี้..มันมีความหมายกว่านั้น...ไอ้แนบ”
ขาดคำของพิศ ไอ้แนบเดินถือเหล็กเผาไฟเข้าไปหาน้อยอีกครั้ง
เพียรตกใจพยายามห้าม “ไม่ ไม่”
พิศตวาด “ไอ้เพียร เอ็งหลีกไป หรือว่าเอ็งอยากจะถูกนาบไฟด้วยอีกคน หา”
เพียรมองน้อย เห็นน้อยน้ำตาไหลพรากด้วยความกลัวสุดชีวิต เพียรตัดสินใจโผเข้ากอดร่างของน้อยไว้ จะไม่ยอมให้ไอ้แนบทำร้ายน้อยได้ พิศโมโห
“ไอ้เพียร เดี๋ยวนี้เอ็งคิดกำเริบเสิบสาน กล้าหือคำสั่งข้ารึ”
“กระผมมิได้คิดกำเริบเสิบสานขอรับ แต่กระผมจะไม่ยอมให้นังน้อยมันต้องเจ็บตัว”
พิศยิ่งโกรธ “หึ นอกจากนังน้อยมันจะต้องเจ็บตัวแล้ว เอ็งก็ไม่พ้นเหมือนกันละไอ้เพียร เพราะเอ็งก็มีความผิดไม่แพ้มัน เอ็งรู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่เอ็งก็ปิดบังไม่บอกข้า ใครมาลากตัวไอ้เพียรออกไปทีสิ แล้วเอามันไปมัดที่เสาท่าน้ำโน่น ไป๊”
บ่าวผู้ชาย ๒ คน เข้ามาลากตัวเพียรออกไป เพียรดิ้นสู้ แต่ในที่สุดก็สู้แรงคนหลายคนไม่ไหว ถูกลากตัวออกไปจนได้ ไอ้แนบเดินตรงกลับไปที่น้อยอีกครั้ง น้อยตัวเกร็งด้วยความกลัว
นางแดง นางพุ่ม และบ่าวอื่นๆ ที่ยืนดูกันอยู่ สีหน้าหวาดกลัวกันทุกคน ไอ้แนบเดินไปจะถึงตัวน้อยอยู่แล้ว บัวกัดฟันคลานไปกอดเท้าพิศไว้
“อย่าทำน้อยมันเลยเจ้าค่ะคุณพิศเจ้าขา...กล่องดนตรีนั่น...คุณฉัตรให้บ่าวมาเองเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ” พิศก้มตัวลงไปจิกหัวบัวให้แหงนหน้าขึ้น “เอ็งพูดให้ข้าฟังชัดๆ อีกทีสิอีบัว”
“กล่องดนตรีนั่น..คุณฉัตรให้บ่าวมาเจ้าค่ะ บ่าวกับคุณฉัตร..เรารักกันเจ้าค่ะ”

คำพูดประโยคนั้นของบัวกระแทกเข้าที่หน้าพิศจังๆ ธิดาพระยาสมานโกรธสุดๆ
เวลาเดียวกัน ตรงบริเวณทางเข้าเรือน นายชดค่อยๆ เดินมาที่เรือนพระยาสมาน ในมือถือห่อผ้าที่ใส่อัฐไถ่ตัวบัวมาด้วย ท่าทางกระตือรือร้นมาก นายชดเจอบ่าวรับใช้คนหนึ่งจึงถาม

“พ่อเอ๊ย..ข้าชื่อชด เป็นพ่อของนังบัวที่มาเป็นทาสขัดดอกอยู่เรือนนี้น่ะ ข้าจะมาขอพบท่านเจ้าคุณสมานหน่อย..ท่านเจ้าคุณอยู่มั้ย”
“ท่านเจ้าคุณยังไม่กลับหรอกน้า แต่อีกสักประเดี๋ยวก็คงจะกลับ น้าจะรอมั้ยล่ะ” บ่าวคนนั้นบอก
“รอสิ ข้ามีธุระสำคัญจะมาพูดกับท่านเจ้าคุณ เอ้อ ถ้าเช่นนั้นระหว่างรอท่านเจ้าคุณกลับมา ข้ารบกวนเอ็งช่วยไปตามนังบัวมาพบข้าทีได้มั้ย”

ทางด้านบัวถูกพิศจิกหัวแล้วตะคอกถามอย่างเยาะหยัน
“เอ็งไปรักกับคุณฉัตรกันตอนไหน”
“บ่าวรู้จักกันมาก่อนจะมาเป็นทาสที่เรือนนี้เจ้าค่ะ”
พิศคิดตาม และเริ่มจะปะติดปะต่อเรื่องได้ “ผู้ชายที่ลักลอบเข้ามาพบเอ็งเมื่อคืนก่อนโน้น...มันไม่ใช่พ่อเอ็ง แต่เป็นคุณฉัตรใช่มั้ย”
“เจ้าค่ะ” บัวยอมรับ
ขาดคำพิศก็สะบัดหลังมือตบหน้าบัวอย่างสุดแรงจนบัวฟุบไปกับพื้น แล้วพิศก็เดินตรงเข้าไปหาน้อยที่ยังถูกมัดอยู่ แล้วตบหน้าน้อยดังผัวะ!
“เอ็งริโกหกข้าเรอะอีน้อย”
พิศจะตบน้อยอีก แต่บัวรีบถลาเข้ามากอดเท้าพิศเอาไว้ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ปากคอแตกเลือดไหลซึม
“คุณพิศอย่าทำอะไรน้อยมันเลยเจ้าค่ะ ทุกอย่างเป็นความผิดของบ่าวคนเดียวเจ้าค่ะ..คุณพิศปล่อยน้อยมันไปเถอะนะเจ้าคะ แล้วจะลงโทษอะไรบ่าว บ่าวก็ยอมแล้ว”
พิศเงื้อมือจะตบบัวอีกเพื่อระบายความแค้น แต่บ่าวผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาคุกเข่าบอก
“นายชด..พ่อนังบัว..มาขอพบนังบัวขอรับ”
บัวได้ยินก็หน้าตาตื่น “พ่อ”
พิศหลียวขวับไปหา “มันมาขอพบทำไม”
“นายชดไม่ได้บอกขอรับ แล้วก็จะรอพบท่านเจ้าคุณด้วย ขอรับ”
บัวรู้ทันทีว่าพ่อจะมาไถ่ตัวแล้ว บัวมีสีหน้าดีใจมาก พิศหันมามองบัว สีหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วตัดสินใจสั่งไอ้แนบ
“ไอ้แนบ เอ็งลากตัวอีบัว อีน้อย ไปขังไว้ก่อน พรุ่งนี้ข้าจะมาชำระความมันให้สาสม”
พิศจะเดินไปแล้ว นางด้วงร้องถาม “คุณพิศจะไปไหนเจ้าคะ”
“กลับเรือน” พิศเดินไปเลย
นางด้วงผิดหวังแกมขัดใจนัก นึกว่าจะได้ดูพิศลงโทษบัวกับน้อยแรงๆ แต่ไม่กล้าพูดอะไรมาก
รีบวิ่งตามพิศไป ไอ้แนบกับบ่าวชายคนอื่นช่วยกันลากตัวบัวกับน้อยเอาไปขังตามคำสั่งของพิศ

ขณะที่พระยาสมานนั่งรถลากกลับจากทำงานมาที่เรือน บ่าวคนหนึ่งคลานเข้ามารายงาน
“นายชดมาขอพบขอรับ”
พระยาสมาน ขมวดคิ้วนึกสงสัยทันที “มันบอกรึเปล่าว่ามันจะมาขอพบข้า ด้วยเรื่องอะไร”
“ไม่ได้บอกขอรับ”
พระยาสมานมีสีหน้าครุ่นคิด

นายชดนั่งรอบัวและพระยาสมานอยู่ที่ศาลา ท่าทางอารมณ์ดีมาก เพราะมีความหวังเต็มเปี่ยมที่จะได้ไถ่ตัวลูกสาวกลับบ้าน บ่าวคนเดิมเดินเข้ามา บอกนายชดสีหน้าเรียบเฉย
“ประเดี๋ยวท่านเจ้าคุณจะมา”
“ขอบใจพ่อ เอ้อ แล้วนังบัวลูกสาวข้าที่ฝากให้ไปตามตัวมาน่ะ...อยู่ไหนล่ะ”
บ่าวคนนั้นไม่ตอบ และไม่ยอมสบตากับนายชด เดินออกไปเลย นายชดมองตามหน้าเหวอ สักครู่พระยาสมานก็เดินเข้ามานั่ง มีบ่าวเดินตามมารับใช้ด้วย นายชดรีบกระวีกระวาดไหว้พระยาสมานพลางยิ้มร่า
“เอ้า มีอะไรรึไอ้ชด”
นายชดยิ้ม รีบคลานเอาห่อผ้าที่เอามาด้วยมาตั้งตรงหน้าพระยาสมาน แล้วค่อยๆ เปิดห่อผ้าออกซึ่งภายในห่อผ้านั้น เห็นอัฐจำนวนมาก พระยาสมานตาโต
“กระผมจะมาขอไถ่ตัวนังบัวคืนขอรับ”
“ยังไม่ถึงหน้านาสักหน่อย แล้วเอ็งไปเอาอัฐตั้งมากมายอย่างนี้มาจากไหน” ท่านเจ้าคุณมองอัฐในห่อตาลุกวาวด้วยความโลภ
“กระผมไปจับปลาที่บึงใกล้บ้านขอรับ ปลาน่ะ...จับไม่ได้ แต่กลับได้พระพุทธรูปติดแหขึ้นมาองค์หนึ่ง กระผมก็เลยเอาไปขาย ได้อัฐมาก็เอามาไถ่ตัวนังบัวนี่ละขอรับ”
พระยาสมานแกล้งหรี่ตามอง “ครบแน่รึไอ้ชด”
“กระผมนับมาอย่างถี่ถ้วนดีแล้วขอรับ แต่ถ้าท่านเจ้าคุณอยากจะนับเพื่อความแน่ใจอีก กระผมก็ไม่ขัดข้องขอรับ”
พระยาสมานอยากได้แต่ยังวางท่า หันไปพยักหน้าให้บ่าวที่อยู่แถวนั้นไปนับเงินแทน
“เอ็งไปนับสิ”
บ่าวเข้าไปนับอัฐในห่อผ้าของนายชด แล้วหันกลับมาบอกพระยาสมาน
“ครบถ้วนเจ้าค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นกระผมขอไถ่ตัวนังบัวกลับไปวันนี้เลยนะขอรับท่านเจ้าคุณ”
จังหวะนั้นเสียงทรงอำนาจของพิศก็ขัดขึ้น “ไม่ได้”
พระยาสมานกับนายชดหันไปมอง เห็นพิศเดินเข้ามา นางด้วงตามติด

“ข้าไม่ให้ไถ่ตัวนังบัวกลับไป”
ทางด้านไอ้แนบกับบ่าวชายอีกคนลากตัวบัวกับน้อยมายัดใส่คุก โดยแยกกันอยู่คนละกรง แล้วปิดประตูคุกล็อคอย่างแน่นหนา พอไอ้แนบกับบ่าวชายเดินออกไป น้อยก็ถลาไปหาบัวทันที

“บัว..เป็นไงมั่ง”
บัวที่ฟุบหน้าอยู่ค่อยๆ โงหัวขึ้นหันมามองน้อย บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“ข้า..ไม่เป็นไร”
“จะไม่เป็นไรได้ยังไง ถูกเหล็กเผาไฟนาบหลังมาอย่างนั้น เจ็บตายเลย”
“ข้าเจ็บก็ดีกว่าเอ็งเจ็บละ เพราะเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันเป็นเพราะข้าไม่เจียมตัว...” ขณะพูดบัวน้ำตาไหลริน
“เอ็งน่ะเจียม แต่ข้าต่างหากล่ะที่ไม่ยอมให้เอ็งตัดใจจากคุณฉัตร เฮ้อ เอ็งเขยิบมานี่แน่ะ ข้าจะดูแผลให้”
บัวค่อยๆ ขยับตัวไปชิดกรงฝั่งเดียวกับน้อย แล้วหันหลังให้น้อยดูแผล น้อยเห็นรอยแผลที่หลังบัว เป็นรอยไหม้น่ากลัว น้อยทำหน้ากลุ้ม แต่พอบัวเหลียวมา น้อยก็รีบทำหน้าปกติกลบเกลื่อนอาการทันที
“ก็เป็นรอยไหม้น่ะนะ แต่ถ้าได้โปะสมุนไพรสักหน่อย คงก็จะดีขึ้นล่ะ”
“เวลานี้ข้าไม่สนใจแผลของข้าหรอก เพราะพ่อข้ากำลังมาไถ่ตัวข้าแล้ว ข้าจะได้เป็นไทเสียที” บัวพูด สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง

ส่วนพิศย้ำคำพูดเดิมต่อบิดาและนายชด
“ข้าไม่ให้ไถ่ตัวนังบัวกลับไป”
พระยาสมานงง “อ้าว..ทำไมล่ะลูกพิศ”
“พิศบอกว่า..ไม่ให้ไถ่ ก็ไม่ให้ไถ่ซิคะ”
พูดจบพิศก็เดินเข้าห้องไปเลย พระยาสมานละล้าละลัง นายชดทนไม่ไหว หันมาทางท่านเจ้าคุณ
“ว่าอย่างไรเล่าขอรับท่านเจ้าคุณ”
พระยาสมานทำอะไรไม่ถูก พูดส่งๆ
“ในเมื่อข้ายกลูกสาวเอ็งให้เป็นบ่าวรับใช้ลูกสาวข้า แล้วเมื่อลูกสาวข้าไม่ยอมให้ไถ่ ก็หมายความว่า..ไม่ให้ไถ่น่ะสิวะ ไปๆๆๆ เอ็งกลับไป ไป๊”
นายชดงงหนัก “แต่กระผมนำอัฐมาครบถ้วนเลยนะขอรับ ไม่มีขาดตกบกพร่องแม้แต่เฟื้องเดียว”
พระยาสมานโมโหที่ถูกเซ้าซี้ “เอ๊ ไอ้ชดนี่ เอ็งพูดไม่รู้เรื่องเรอะ ข้าบอกให้กลับไป ก็กลับไปสิ ไป๊”
พระยาสมานเห็นนายชดยังหน้าตาเหลอหลา งงอยู่ว่าทำไมพิศถึงไม่ยอมให้ไถ่ตัวบัวกลับไป พระยาสมานรำคาญเลยหันไปพยักหน้าให้บ่าวแถวนั้นลากตัวนายชดออกไป บ่าวแถวนั้นช่วยกันลากตัวนายชดออกไป นายชดร้องโวยวาย
“ทำไมไถ่ตัวนังบัวไม่ได้ละขอรับ ทำไม”
บ่าวผู้ชายช่วยกันลากตัวนายชดออกไป พระยาสมานพึมพำกับตัวเอง
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” ท่านเจ้าคุณหันไปหานางด้วง “เอ็งรู้มั้ย...ทำไมลูกข้าถึงไม่ยอมให้พ่อนังบัวมันไถ่ตัวนังบัวกลับไป”
นางด้วงตั้งท่าจะเล่าแต่พระยาสมานเปลี่ยนใจ ยกมือห้ามไม่ให้นางด้วงพูด นางด้วงเลยต้องชะงักค้างไป
“ข้าไปถามลูกพิศเองดีกว่า”
จากนั้นพระยาสมานก็ลุกเดินตรงไปที่ห้องพิศทันที นางด้วงทำหน้าเซ็ง อดเล่าข่าวใหญ่

ครู่ต่อมาพระยาสมานเคาะประตูห้องพิศเบาๆ อย่างเกรงใจลูกเต็มที่
“ลูกพิศ..ขอพ่อคุยด้วยหน่อย..ได้มั้ยลูก” เงียบกริบ พระยาสมานเคาะอีก “ลูกพิศ”
ประตูห้องเปิดผัวะออกมา พิศยืนหน้าถมึงทึงอยู่ พระยาสมานยกมือค้างไปเลย

ทางด้านฉัตรเดินกลับไปกลับมาอยู่บนเรือน สลับกับชะเง้อมองไปที่หน้าประตูบ้าน รอนายชดกับบัวด้วยความกระวนกระวายใจ

พระยาสมานสีหน้าตกใจ ไม่อยากเชื่อหลังฟังความจบ
“อะไรนะ นังบัวมันรักกับพ่อฉัตรรึ โอย..มันเป็นไปได้ยังไง มันไปรักกันตอนไหน”
“มันรู้จักกับคุณฉัตรก่อนมาเป็นทาสขัดดอกที่นี่ค่ะ” พิศบอกสีหน้าแค้นไม่หาย
“ก็ในเมื่อมันสองคนรักกัน ถ้าเช่นนั้นลูกก็ปล่อยนังบัวไปเป็นไทเสียดีไหมเล่า เพราะนอกจากเราจะได้อัฐค่าไถ่ตัวนังบัวจากไอ้ชดแล้ว เรายังจะได้อัฐจากเจ้าคุณโกสินทร์อีกถึง 10 หีบ สาเหตุที่มันยกเลิกการแต่งงาน” ท่านเจ้าคุณผู้เห็นแก่อามิสสินจ้างว่าเป็นคุ้งเป็นแคว
พิศสวนทันที “ไม่ค่ะ พิศจะต้องแต่งงานกับคุณฉัตรให้ได้”
พระยาสมานส่ายหน้า “พ่อไม่เข้าใจเลย ลูกพิศยังจะดึงดันแต่งงานกับพ่อฉัตรอีกทำไมเล่า ในเมื่อเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากท่านชายทัด ลูกชายหม่อมจรัส ที่ใฝ่ต่ำ ไม่สนใจลูก แต่กลับไปสนใจทาสในเรือนเบี้ยน่ะ ลูกรักเขามากถึงขนาดนี้เชียวหรือ”
“มาถึงตอนนี้..มันไม่ใช่เรื่องความรักแล้วล่ะค่ะเจ้าคุณพ่อ แต่มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี และชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเรา เวลานี้ใครๆ ก็รู้กันทั่วพระนครแล้วว่าพิศจะแต่งงานกับคุณฉัตร ถ้าหากว่าพิศต้องมีอันเป็นหม้ายขันหมากไป แล้วพิศจะมองหน้าใครได้” พิศพูดอย่างจริงจรัง
พระยาสมานถอนใจเฮือก ขณะถาม

“เอาละ..พ่อเข้าใจแล้ว ถ้ายังงั้น..นังบัวล่ะ ลูกพิศจะเอายังไงกับมันต่อไป”
เวลาเดียวกันนั้น บัวนอนสลบไสลไปเพราะเจ็บแผล หน้าตาแดงก่ำเพราะพิษไข้ ครางฮือๆๆ เป็นระยะ จนน้อยต้องชะโงกหน้ามาดูอย่างห่วงใย

“บัว...เป็นไงมั่ง”
น้อยยื่นมือไปแตะตัวบัว ก็รู้ว่าตัวร้อนเป็นไข้ไปเสียแล้ว น้อยสีหน้ากังวล
ระหว่างนั้นนางแดงเดินเหลียวซ้าย แลขวา เข้ามา แอบมาเยี่ยมด้วยความเป็นห่วง
“นังน้อย นังบัวมันเป็นยังไงมั่ง”
“ไข้ขึ้นเสียแล้วจ้ะน้าแดง”
นางแดงยื่นน้ำมาให้น้อย
“เอ้า ข้าเอาน้ำมาให้ กับยาพอกแผลที่หลังให้นังบัวน่ะ เอ็งดูเอาเองนะว่าต้องใช้อะไรบ้าง ข้าไม่รู้หรอก รวบๆ ตัวยามาจากบนเรือนเอ็งน่ะ รีบๆ รับไปเร็ว”
น้อยรับของมาจากนางแดง “ขอบใจจ้ะน้า ถ้าข้ากับบัวรอดคราวนี้ไปได้ละก็ ข้าจะไม่ลืมบุญคุณน้าแดงเลย”
นางแดงบ่นงึมงำ “คุณพิศเธอก็ใจร้ายจริง สั่งไม่ให้ใครเอาข้าวเอาน้ำมาให้เอ็งสองคน แต่ข้าก็อดสงสารไม่ได้ ยังไงๆ มันก็ทาสด้วยกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน จะทำใจจืดใจดำไปได้ยังไง”
น้อยนึกอะไรได้ “เอ้อ..น้า แล้วไอ้เพียรล่ะ มันเป็นยังไงบ้าง”

ฟากไอ้เพียรถูกจับมัดกับเสาที่ท่าน้ำ นางพุ่มเดินเหลียวซ้ายแลขวาเข้ามา แล้วตรงไปที่เพียรถูกมัดอยู่ พอเห็นสภาพลูกก็ร้องไห้
“ไอ้เพียร..เอ็งเป็นยังไงมั่ง”
“แม่..ข้าไม่เป็นอะไรหรอก นังน้อยล่ะ มันเป็นยังไงมั่ง”

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 5/2 วันที่ 8 ม.ค. 56

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ที่มา manager