อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 5 วันที่ 7 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 5 วันที่ 7 ม.ค. 56

“บ่าวเป็นบ่าวอยู่ที่เรือนท่านเจ้าคุณสมานเจ้าค่ะ” นางด้วงแนะนำตัว
แอนนาพยักหน้ารับรู้ แล้วนางดวงก็นึกอะไรได้ คิดจะหลอกถามแอนนาหาข้อมูล
“แหมๆๆๆ ความจริงเราสองบ้านก็เกือบจะได้ดองกันอยู่แล้วนะเจ้าคะ ถ้าหากว่าคุณฉัตรเธอจะไม่เปลี่ยนใจ แล้วนี่ตกลงคุณฉัตรเธอไปรักใคร่ชอบพออยู่กับลูกสาวเรือนไหนหรือเจ้าคะคุณแหม่ม เธอถึงมายกเลิกการสู่ขอคุณพิศของบ่าวน่ะเจ้าค่ะ”
แอนนางง “ไม่นี่..ฉันไม่เห็นคุณฉัตรไปชอบพอกับผู้หญิงที่ไหนเลย”
นางด้วงฉงน สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด

ทางด้านพิศยังนั่งนิ่งเคียดขึ้งอยู่ที่เดิม นางด้วงค่อยๆ ประคองถาดใส่ผลไม้ต่างประเทศเข้ามา
“คุณพิศเจ้าขา บ่าวไปซื้อลูกพลับมาจากตลาดมาให้คุณพิศเจ้าค่ะ ของเพิ่งส่งมาจากเมืองจีนได้ไม่นาน ยังสดๆ หน้าตาน่ากินจังเลยเจ้าค่ะ คุณพิศกินสักหน่อยนะเจ้าคะ”



พิศยังนั่งนิ่ง นางด้วงลอบถอนใจแล้วพูดต่อ
“คุณพิศเจ้าขา..ที่บ่าวไปตลาดนี่ ไม่ได้แค่จะไปซื้อผลไม้มาให้คุณพิศอย่างเดียวนะเจ้าคะ แต่บ่าวมีข่าวเรื่องคุณฉัตรจะมาบอกด้วยเจ้าค่ะ”
พิศสนใจหันขวับมาทันที
“ข่าวว่ายังไง ตกลงคุณฉัตรไปรักใคร่ชอบพอกับไอ้อีเรือนไหน”
นางด้วง ส่ายหน้า “ไม่มีเลยเจ้าค่ะคุณพิศ บ่าวเดินถามไปทั่วตลาดเลยนะเจ้าคะ แล้วยังได้พบเมียแหม่มของคุณฉายอีกด้วย แหม่มยังบอกว่าไม่เห็นคุณฉัตรไปเรือนไหนเลยเจ้าค่ะ เธอมาที่เรือนเรานี้เรือนเดียวจริงๆ”
“เป็นไปได้ยังไง”

พิศครุ่นคิด ด้วยสีหน้างุนงง
ขณะที่แอนนาเดินเข้ามาในครัว เห็นบ่าวที่ไปตลาดกำลังรื้อข้าวของที่ซื้อมาจากตลาดออกมาวางเรียง

“กลับมากันแล้วหรือ ตกลงซื้ออะไรมาได้บ้าง” แหม่มฝรั่งถาม
“หลายอย่างเจ้าค่ะ” บ่าวบอก
แอนนาเดินไปหยิบข้องเล็กๆ ขึ้นมาดู
“ในนี้มีอะไร”
“ปลาไหลเจ้าค่ะ เย็นนี้บ่าวจะทำผัดเผ็ด”
แอนนางวยงง “ปลาไหล” ไม่รู้จักเลยพยายามจะเปิดข้องออกมาดู

บ่าวพยายามจะห้าม “บ่าวว่าคุณแหม่มอย่าเปิดเลยเจ้าค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
แอนนาไม่สนใจ ทรุดลงนั่งพยายามจะเปิดข้องออกให้จงได้ และในที่สุดก็เปิดออก
เห็นปลาไหลจำนวนหนึ่งหลุดผัวะ..ออกมาจากข้อง หล่นลงกระโปรงของแอนนาพอดี
แอนนา เห็นปลาไหลหล่นอยู่เต็มกระโปรง ดูน่าเกลียด และน่าขยะแขยงมาก แอนนาร้องกรี๊ดสุดเสียง “งู งู”
แอนนาลุกขึ้นสะบัดปลาไหลออกจากตัว แล้ววิ่งเตลิดออกจากครัวไป บ่าวคนอื่นๆ ต้องรีบช่วยกันช่วยตะครุบปลาไหลที่หล่นเกลื่อนพื้นกันอย่างโกลาหล

ระหว่างนั้นฉายเพิ่งกลับจากที่ทำงานเดินเข้ามาที่บ้าน บ่าวชายคนหนึ่งเข้ามารับฉาย
“คุณแอนนาล่ะ”
“เห็นลงไปที่ครัวเมื่อสักครู่ขอรับ”
ขาดคำแอนนาก็วิ่งเข้ามาในบ้าน พอฉายเห็นหน้าตาท่าทางของภรรยาแหม่มก็ตกใจ รีบจับตัวแอนนาไว้
“แอนนา..เป็นอะไร ใครทำอะไรหล่อน”
“คนไทยนี่ป่าเถื่อนจริงๆ กินกระทั่งงู แอนนารับไม่ได้” แอนนาโวย
ฉายงง “งู”
“ก็ใช่น่ะสิ” แอนนาก้มลงดมที่ตัวเอง เหม็นกลิ่นปลาไหลมาก และเสื้อผ้าก็สกปรกด้วย “อี๊ ถ้าฉายรักแอนนาจริง กลับรุสเซียกับแอนนาเถอะนะ”
ฉายมีสีหน้าเบื่อหน่ายทันที “แอนนา เราพูดเรื่องนี้กันมาหลายครั้งแล้วนะ ฉันเป็นคนไทย ฉันเกิดที่นี่ และฉันก็จะตายที่นี่ด้วย”
แอนนามองฉายอย่างผิดหวังมาก ทำเสียงอย่างขัดอกขัดใจเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นจึงวิ่งไปที่ห้องแล้วปิดประตูดังปึงปัง พระยาโกสินทร์เดินออกมาดูด้วยสีหน้าตกใจกับเสียงปิดประตูที่ดังนั้น
“แอนนาเป็นอะไร”
“เราทะเลาะกันนิดหน่อยน่ะขอรับเจ้าคุณพ่อ อย่าไปสนใจเลยขอรับ ว่าแต่..พี่ฉัตรกลับมารึยังขอรับ”
พระยาโกสินทร์มองไปข้างหลังฉาย เห็นฉัตรกับนายสนเดินเข้ามา
“มาโน่นแล้ว”
ฉัตรกับนายสนก็เดินขึ้นเรือนมา สีหน้าเหนื่อยล้าอ่อนแรงจากการเดินทางไกล ฉายกับ
พระยาโกสินทร์รีบเข้าไปถามฉัตรด้วยความอยากรู้ทันที
“เป็นอย่างไรบ้างพี่ฉัตร”
พระยาโกสินทร์ซักด้วย “เจอตัวนายชดรึเปล่า”
ฉัตรพยักหน้าพลางยิ้ม แล้วหันไปมองฉาย

ฉายมีสีหน้าตกใจพอรู้เรื่อง
“พี่ฉัตรจะไปหาแม่บัวคืนนี้”
“ใช่”
“จะดีรึขอรับ ถ้าเกิดใครรู้เข้า เรื่องของพี่กับคุณพิศคงไม่จบง่ายๆ แน่”
“แต่พี่ต้องไปฉาย ถ้าฉายไม่สบายใจ จะไม่ไปกับพี่..พี่ก็ไม่ว่าอะไรนะ”
ฉายใคร่ครวญครุ่นคิด

บัวกับน้อยนอนหลับอยู่ แล้วทั้งคู่ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อมีเสียงก้อนหินเล็กๆ ถูกเขวี้ยงมากระทบที่หน้าต่างเรือน บัวหน้าตื่น มองหน้ากับน้อย น้อยทำมือให้สัญญาณว่าบัวอย่าเพิ่งพูดอะไรออกมา จากนั้นน้อยก็ค่อยๆ ย่องไปที่หน้าต่าง ชะเง้อหน้าดูภายนอก
กวาดตามองภายนอกไปรอบๆ ไม่เห็นอะไรนอกจากความมืด
น้อยเปิดหน้าต่างให้กว้างออกไปอีก แล้วชะโงกหน้าออกไปมากขึ้น แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อใครคนหนึ่งโผล่พรวดขึ้นมาจากความมืด น้อยจะหวีดร้อง แต่ใครคนนั้นเอามือปิดปากน้อยหมับ ทำให้น้อยหวีดร้องไม่ได้
“อย่าร้องน้อย ฉันเอง”

น้อยเพ่งมองชัดๆ เห็นเป็นฉาย ก็ตาโต เหลือบมองไปข้างๆ เห็นฉัตรยืนอยู่ข้างฉาย น้อยยิ่งตาโตขึ้นไปอีก
ในเวลาต่อมาฉัตรคว้าตัวบัวมากอดด้วยความคิดคิดถึงและเป็นห่วง

“คิดถึงเจ้าที่สุด เจ้าล่ะ..คิดถึงฉันบ้างไหม”
บัวซุกหน้ากับอกฉัตรนิ่ง ไม่ยอมตอบ
“ท่านไม่ควรมาที่นี่อีก มันอันตรายมาก..รู้มั้ยเจ้าคะ”
“เจ้ายังไม่ตอบคำถามฉันเลย คิดถึงฉันบ้างรึเปล่า”
ฉัตรเชยคางบัวให้บัวเงยหน้าสบตาเขา บัวมีสีหน้าขวยเขินอายจัด
“ว่าไงล่ะ”
บัวอ้อมแอ้มตอบ “เจ้าค่ะ”
ฉัตรรวบตัวบัวมากอดอีก
“ชื่นใจจริง รู้มั้ย..ที่ฉันต้องดั้นด้นมาที่นี่โดยไม่กลัวอันตราย..ก็เพราะว่าฉันมีเรื่องสำคัญที่จะต้องมาบอกเจ้าด้วยตัวเอง”
“เรื่องอะไรรึเจ้าคะ”
“ฉันจะให้พ่อของเจ้า..มาไถ่ตัวเจ้า”
“จริงรึเจ้าคะ”

ทางด้านน้อยที่รู้เรื่องไถ่ตัวบัวจากฉาย ก็ตาโตด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
“บัวช่างโชคดีจริง” น้อยหน้าสลดลง “ไม่เหมือนบ่าว..เกิดมาเป็นทาสในเรือนเบี้ยเขา ก็ต้องเป็นทาสเขาไปจนวันตาย จะถูกเขาเฆี่ยนตี จะฆ่าจะแกงอย่างไรก็ได้ เพราะไม่มีวันเป็นไทแก่ตัว” น้อยน้ำตาปริ่ม
ฉายมองน้อยแล้วสงสาร ใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาให้น้อยอย่างเบามือ น้อยชะงัก รู้สึกซาบซึ้งกับสิ่งที่ฉายทำ มองฉายอย่างปลาบปลื้ม ฉายชะงักมองน้อยอย่างอ่อนโยน
สองคนมองตากัน เหมือนตกอยู่ในภวังค์

บัวร้องไห้ด้วยความดีใจ
“ฉันดีใจเหลือเกินที่จะได้กลับไปเป็นไทแล้ว” พลางพนมมือกราบฉัตรที่อก “ขอบพระคุณท่านจริงๆ ฉันกับพ่อเป็นหนี้บุญคุณท่านมากมายเสียจนไม่รู้จะชดใช้ให้ได้อย่างไรจึงจะหมด”
“เรื่องเป็นหนี้บุญคุณอะไรนั่น..อย่าเพิ่งพูดถึงเลย เวลานี้ฉันต้องการเอาตัวเจ้าออกจากที่นี่ให้สำเร็จเสียก่อน แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากัน ฉันต้องไปแล้ว ประเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า...จะยุ่ง”
บัวพยักหน้ารับ ฉัตรคว้าตัวบัวมากอดอีกครั้ง แล้วอดใจไม่ไหวเลยจูบแก้มไปอีกหนึ่งที
“ครั้งหน้าที่เราจะได้พบกัน เจ้าจะไม่ใช่ทาสของใครอีกต่อไป”
พูดจบฉัตรก็ลุกขึ้นเดินไปที่ประตู เปิดประตูออกไปดูลาดเลาก่อนทีหนึ่ง

ส่วนฉายกับน้อยยังคงมองหน้ากันอยู่ แต่พอได้ยินเสียงประตูเรือนเปิดออกต่างก็ได้สติ ฉายชะโงกหน้าดู เห็นฉัตรผลุบออกมาจากในเรือน โดยมีบัวแอบโผล่หน้าตามาดู
“ฉันต้องไปแล้ว...” ฉายมองหน้าน้อยอีกครั้ง
น้อยพูดอะไรไม่ออก ยกมือไหว้ฉายและฉัตร แล้วมองตามสองหนุ่มที่วิ่งหายไปในความมืด พอสองหนุ่มลับไปแล้ว น้อยก็รีบวิ่งไปหาบัว แล้วลากมือบัวกลับเข้าไปในเรือน

น้อยลากมือบัวกลับเข้ามาในเรือน
“บัว..เอ็งจะได้เป็นไทแล้ว”
บัวพยักหน้า แล้วสองสาวก็กอดกัน น้ำตาปริ่มด้วยความดีใจจนพูดอะไรไม่ออกอีกเลย

ด้านสองหนุ่มกลับเข้าบ้านมาอย่างเงียบเชียบ สีหน้าเบิกบานมีความสุข
“รีบแยกย้ายกันเข้าห้องก่อนที่เจ้าคุณพ่อหรือใครจะมาเห็นเถอะ”
ฉายพยักหน้า แล้วเดินตรงไปที่ห้อง

ฉายเดินมาที่หน้าห้องนอน จะเข้าห้อง แต่ประตูล็อค ฉายเคาะประตูเบาๆ
“แอนนา..นี่ฉันเองนะ..เปิดประตูหน่อย”
ภายในห้องเงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบ ฉายเคาะประตูอีก
“แอนนา..เปิดประตูให้ฉันที”
ภายในห้องยังคงเงียบอยู่ ฉายมีสีหน้าแปลกใจ
“ทำไมวันนี้แอนนาขี้เซาจริง”
ฉายส่ายหัว

ฉัตรเดินเข้ามาในห้อง ท่าทางสบายใจเป็นอย่างยิ่ง เชื่อว่าหลังจากนายชดมาไถ่ตัวบัวเป็นอิสระจากการเป็นทาสขัดดอกแล้ว เส้นทางรักคงจะราบรื่นดี

ฉัตรยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ทางด้านบัวกับน้อยเตรียมจะนอน บัวเอากล่องดนตรีออกมาแล้วไขเบาๆ พอเสียงดนตรีดังขึ้น น้อยก็หันมาดู พอเห็นว่าเป็นเสียงจากกล่องดนตรี น้อยก็เขยิบเข้ามานั่งฟังด้วย

สีหน้าสองสาวดูมีความสุข ตอนนี้บัวมีความหวังในชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม

ในขณะเดียวกันนั้นพิศยังคงนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด ในขณะที่นางด้วงหลับสนิทอยู่ที่หน้าเตียง ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พิศแค้นใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน

เช้ามืดวันต่อมา ฉายนอนหลับอยู่ที่เก้าอี้ยาวในบ้านนั่นเอง ไม่ได้เข้าไปนอนในห้อง สักครู่ก็เห็นแอนนาเดินลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากในห้อง แอนนาหยุดยืนมองดูฉายเป็นครั้งสุดท้าย
แอนนาเห็นฉายยังหลับสนิทจึงวางกระเป๋า แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ ทรุดลงนั่งข้างๆ ฉายยังไม่รู้สึกตัว แอนนาก็ใช้ปลายนิ้วแตะริมฝีปากตัวเอง แล้วเอาไปแตะที่แก้มฉายอย่างแผ่วเบาคล้ายเป็นการจูบลา นาทีนั้นแอนนาก็น้ำตาปริ่ม ฉายพลิกตัวนิดหน่อยแต่ยังไม่ตื่น แอนนาน้ำตาร่วง แต่แล้วก็ตัดสินใจหันหลังเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทาง เดินออกไปอย่างเงียบเชียบ
ฉายยังหลับอยู่ ไม่รู้เรื่องเลย

รุ่งเช้าฉัตรเดินออกมาจากห้อง แล้วชะงัก เมื่อเห็นฉายนอนอยู่ที่เก้าอี้ยาว ฉัตรสีหน้าแปลกใจ เดินเข้าไปเขย่าตัวน้องชายเบาๆ
“ฉาย..ฉาย..ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้”
ฉายลุกขึ้น มองไปรอบๆ ตัว อย่างงงๆ อยู่ สักครู่ก็ตั้งสติได้
“ก็เมื่อคืนตอนที่เรากลับมา แอนนาหลับไปแล้วน่ะสิขอรับพี่ฉัตร แล้วหล่อนลงกลอนประตูห้องเสียอีกด้วย กระผมก็เลยเข้าห้องไม่ได้”
“ป่านนี้แอนนาตื่นแล้วมั้ง ไปดูสิฉาย อย่ามัวมานอนอยู่ตรงนี้เลย ประเดี๋ยวเจ้าคุณพ่อออกมาเห็นเข้า แล้วซักไซ้ไล่เรียง จะเป็นเรื่องไปเสียเปล่าๆ”
ฉายพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แล้วเดินไปที่ห้อง

ฉายเดินมาที่ห้อง เคาะประตูเบาๆ แต่ไม่มีเสียงตอบ ฉายลองเปิดประตูดู แล้วต้องนึกแปลกใจเมื่อประตูไม่ได้ล็อคอย่างเช่นเมื่อคืน ฉายเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้อง

ฉายเดินเข้ามาในห้อง แล้วแปลกใจเมื่อไม่เห็นแอนนาในห้อง ฉายกวาดตามองไปรอบๆห้อง
ฉายไม่เห็นแอนนา เห็นแต่ซองจดหมายฉบับหนึ่งวางทิ้งไว้บนเตียง
ฉายเดินเข้าไปหยิบจดหมายนั้นขึ้นมาเปิดอ่านดู แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเครียดจัดขึ้นมาทันที

ฉัตรกำลังเตรียมตัวจะไปทำงาน ฉายวิ่งเข้ามาหา
“พี่ฉัตร แอนนาไปแล้ว”
ฉัตรงง “ไปไหน”
พระยาโกสินทร์เดินเข้ามาทันได้ยินพอดี
“แอนนาหนีกลับรุสเซียไปแล้ว” ฉายว่า
“อะไรนะ” ท่านเจ้าคุณตกใจ
ฉายชูจดหมายในมือให้ฉัตรกับพระยาโกสินทร์ดู
“แอนนาไปแล้วขอรับเจ้าคุณพ่อ หล่อนทิ้งจดหมายฉบับนี้ไว้เพียงฉบับเดียว”
ฉัตรรับจดหมายมาดู ฉายระเบิดอารมณ์
“หล่อนว่าหล่อนทนชีวิตที่นี่ไม่ได้ขอรับ หล่อนบอกว่าหล่อนเข้ากับใครที่นี่ไม่ได้เลย กินอาหารไทยก็ไม่ได้ เหม็นกะปิ เหม็นน้ำปลา เหม็นไปทุกสิ่ง และที่สำคัญที่สุด..หล่อนบอกว่าหล่อนทนกระผมต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว ขอจบกันแต่เพียงเท่านี้”
ฉายพูดจบก็ทรุดลงนั่งเอามือปิดหน้า
“แล้วฉายจะไปตามตัวหล่อนกลับมามั้ย เพิ่งไป คงยังไปไหนได้ไม่ไกลหรอก” ท่านเจ้าคุณบอก
ฉายเงยหน้าขึ้นตอบบิดา “คงไม่ละขอรับ มาถึงขั้นนี้แล้ว หล่อนก็คงตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว กระผมไปตาม..ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เมื่อหล่อนตัดสินใจจะไปจากที่นี่แล้ว กระผมก็คงต้องปล่อยให้หล่อนไป”

ฉายพูดด้วยสีหน้าปลงๆ ในขณะที่ฉัตรกับท่านเจ้าคุณหันมามองหน้ากันแล้วถอนใจด้วยความเครียดไปตามๆ กัน
เช้านั้นบัวกับน้อยกำลังจะเดินไปโรงครัว สองคนคุยกันไประหว่างทาง น้อยหน้ายิ้มแต่แววตาเศร้า

“พอเอ็งไม่ได้เป็นทาสแล้ว เอ็งกลับมาเยี่ยมข้าบ้างนะบัว กลับมาเล่าให้ข้าฟังบ้างว่าที่บ้านเอ็งเป็นยังไงบ้าง” น้อยทำท่าคิดฝัน “ข้าอยากเห็นท้องทุ่ง เห็นต้นข้าวสีเขียวๆ ชีวิตคนเป็นอิสระนี่มันคงมีความสุขดีแท้น้อ”
บัวมองน้อยอย่างสงสาร เพราะรู้ดีว่าน้อยไม่มีวันเป็นอิสระจนวันตาย
“ข้าจะกลับมาเยี่ยมเอ็งแน่ๆ น้อย ข้าไม่มีวันจะลืมเอ็ง เพราะถ้าข้าไม่ได้เอ็งช่วย ป่านนี้ข้าอาจจะโดนเฆี่ยนจนตายคาหวายไปแล้วก็ได้”
“แล้วพ่อเอ็งจะมาไถ่ตัวเอ็งเมื่อไหร่”
“น่าจะวันนี้ละ”
“ดีจัง”
ทั้งสองคนยิ้มให้แก่กัน แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเพียรโผล่พรวดเข้ามา
“อารมณ์ดีกันจริงนะ”
น้อยทำหน้าเซ็งขึ้นมาทันที
“พวกข้าสองคนอารมณ์ดีแล้วไปหนักหัวเอ็งเหรอ”
เพียรฉุนกึก “อ้าวๆๆๆๆ พูดกับข้าให้มันดีๆหน่อยสินังน้อย อย่าลืมสิว่าเราสองคนมีข้อตกลงอะไรกัน”
เจอเพียรขู่น้อยอึ้งไปทันที
“ข้อตกลงอะไรเหรอน้อย” บัวงง
“ไม่มีอะไรหรอกบัว เอ็งอย่าไปสนใจเลย”
น้อยรีบดึงมือบัวแล้วทำท่าว่าจะเดินผ่านเพียรไปอย่างไม่สนใจ เพียรโมโห เลยคว้าแขนน้อยไว้
“เอ็งอย่ามาทำท่าทางอย่างนี้ใส่ข้านะ”
น้อยฮึดฮัดสะบัดใส่เพียร จนเพียรโมโห จะลากตัวน้อยออกไป บัวจะตาม แต่เพียรหันมาทำสัญญาณว่าห้ามตามมา บัวจึงได้แต่ยืนกลุ้มอยู่ที่เดิม
เพียรลากแขนน้อยเข้ามาตรงมุมหนึ่ง
“เอ็งลืมไปแล้วรึ..เรื่องข้อตกลงของเรา”
“ไม่ลืม”
“ถ้าเช่นนั้น..ทำไมเอ็งถึงได้ทำท่ารังเกียจรังงอนข้านัก ฮึ”
น้อยไม่อยากตอบ เพราะถ้าบอกว่ารังเกียจมัน ก็กลัวว่าเดี๋ยวเพียรจะเอาเรื่องกล่องดนตรีไปฟ้องพิศ จึงนิ่งอยู่ เพียรโมโห ซักไซ้อีก
จังหวะนั้นนางด้วงเดินผ่านมาเห็นเพียรทะเลาะอยู่กับน้อย ก็เข้ามาแอบฟังด้วยความสอดรู้สอดเห็น
“ก็เราตกลงกันแล้วไงว่า..ถ้าเอ็งดีกับข้า รักข้าเหมือนอย่างที่ข้ารักเอ็ง ข้าก็จะไม่เอาเรื่องกล่องดนตรีที่เอ็งได้จากคุณฉัตรไปบอกใคร”
คำพูดตอนท้ายกระแทกเข้าที่หน้านางด้วงจังๆ บ่าวจอมสอพลอหูผึ่งตาโตเมื่อได้ยินความลับระหว่างเพียรกับน้อย
นางด้วงอุทานกับตัวเอง “กล่องดนตรี คุณฉัตร”
ส่วนเพียรดึงตัวน้อยมาจะกอด น้อยขืนตัวไว้ แต่พอมองหน้าเพียร ความลับที่ค้ำคออยู่ก็ทำให้ต้องฝืนใจยอม เพียรกอดน้อย พลางหอมแก้ม
“กลิ่นตัวเจ้านี่มันช่างหอมชื่นใจนัก”
น้อยแอบทำหน้าขยะแขยงไม่ให้เพียรเห็น ยอมให้เพียรกอดอยู่อย่างนั้น นางด้วงแอบมองเงียบอยู่ สีหน้าครุ่นคิด แล้วก็ตัดสินใจวิ่งออกไปอย่างเงียบๆ โดยที่เพียรกับน้อยไม่รู้ตัวเลย

ขณะที่พิศนั่งถอนใจเครียดอยู่ นางด้วงวิ่งถลันเข้ามาหา
“คุณพิศเจ้าขา”
พิศอารมณ์เสียอยู่ “อะไร ทำไมวิ่งตึงตังเข้ามาอย่างนี้ ถ้าเอ็งยังไม่อยากถูกหวายลงหลังละก็ ออกไปให้พ้นหูพ้นตาข้าเลยไป๊”
นางด้วง หอบด้วยความเหนื่อย “คุณพิศฟังเรื่องที่บ่าวจะเล่าก่อนเถอะเจ้าค่ะ ฟังจบแล้ว นอกจากคุณพิศจะไม่เฆี่ยนบ่าวแล้ว คุณพิศจะต้องตกรางวัลให้บ่าวอีกด้วย คือว่า...”

ขณะที่บัวกำลังทำงานกลางแจ้งอยู่ น้อยเดินเอามือเช็ดที่แก้ม สลับกับปาดเนื้อตัวด้วยท่าทางขยะแขยงเข้ามาหา
“อึ๊ย”
บัวตกใจ “น้อย เพียรมันทำอะไรเอ็ง”
น้อยพูดด้วยน้ำเสียงชิงชัง “ผู้ชายทุเรศๆ อย่างมัน...จะทำอะไร...นอกจากหาเศษหาเลยกับข้า นี่ถ้าข้าไม่ติดว่ามันกำความลับเรื่องกล่องดนตรีของเอ็งอยู่ละก็ ข้าไม่มีวันยอมให้มันแตะเนื้อต้องตัวข้าได้หรอก”

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 5 วันที่ 7 ม.ค. 56

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ที่มา manager