อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนอวสาน/2 วันที่ 31 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนอวสาน/2 วันที่ 31 ม.ค. 56

“ฉันเจ็บข้อเท้า ฉันเดินต่อไปไม่ไหว”
พิมพิลาสพยายามกระชากให้บุษบันลุกขึ้น บุษบันพยามมองที่ปืนพิมพิลาสเพื่อหาจังหวะแย่งปืน
ระหว่างนั้น กระเป๋าที่พิมพิลาสสะพายมาค่อนข้างหนัก สายสะพายตกจากไหล่มาที่ข้อพับแขน นั่นทำให้พิมเสียหลัก! บุษบันได้โอกาสพยายามขยับข้อมือให้เทปพันสายไฟหลุดออก แล้วเข้าไปแย่งปืน
กระเป๋าที่พิมพิลาสสะพายมาตกไปที่พื้น ทั้งคู่แย่งปืนกันไปมา พิมพิลาสเหวี่ยงบุษบันไปโดนกระจกบริเวรนั้นตกมาแตก ปืนกระเด็นตกลงพื้น ทั้งคู่รีบวิ่งไปคว้าปืน ลุ้นๆ ว่าใครจะได้ปืน ในที่สุดพิมพิลาสก็คว้าปืนได้! พิมพิลาสเอาปืนจ่อบุษบันไว้

แต่ในมือบุษบัน ถือเศษกระจกแหลมจ่อไว้ที่คอพิมพิลาส พอพิมพิลาสเห็นเศษกระจกแหลมก็ตกใจ กลัวจนมือสั่น บุษบันได้จังหวะรีบคว้าปืนจากพิมพิลาสไว้


เวลาเดียวกันนั้น รถภีร์ภูมิกับรถพิชยะขับเลี้ยวเข้ามาทางท่าเรือแล้ว

ส่วนในโกดัง บุษบันเอาปืนจ่อพิมพิลาสไว้ พิมพิลาสจ้องบุษบันด้วยสายตาแข็งกร้าว พูดอย่างเจ็บแค้น
“นี่นะเหรอที่เธอบอกว่าจะไม่ทำอะไรฉัน!”
“ฉันไม่มีวันทำร้ายคุณ ไม่ว่าคุณเคยทำอะไรฉันไว้ในชาติที่แล้ว ฉันไม่เคยติดใจ ฉันอโหสิกรรมให้คุณทุกอย่าง ขอให้คุณหยุดทำในสิ่งที่ผิดแล้วทุกอย่างมันจะจบลง”
พิมพิลาสตีหน้าเศร้า เหมือนจะยอมรับ บุษบันลดปืนลง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากำลังจะโทร.ขอความช่วยเหลือ ชั่วพริบตานั้นเอง พิมพิลาสเข้าแย่งปืนจากบุษบัน แล้วแย่งมาได้
พิมพิลาสเอาปืนจ่อบุษบัน!
“อย่ามาทำตัวเป็นแม่พระ! คิดเหรอว่าฉันจะปล่อยแกไปง่ายๆ ชาติที่แล้วแกแย่งภูมิไปจากฉัน ชาตินี้ฉันไม่ยอมให้แกแย่งภูมิไปจากฉันได้อีก”
“ชะตากรรมตัวเรากำหนด ถ้าคุณยังเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนี้ ถึงแม้ไม่มีฉันเป็นอุปสรรค คุณก็ไม่มีวันจะสมหวังความรักกับภูมิหรอก”
พิมพิลาสโมโห เอาปืนตบไปที่หน้าบุษบันอย่างแรง บุษบันล้มไปกองที่พื้น
“ในเมื่อเธอพูดเองว่าเราเป็นคนกำหนดชะตากรรม ฉันก็จะขอกำหนดให้เธอแยกจากภูมิตลอดไป ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน”
พิมพิลาสกำลังจะเหนี่ยวไก
“ลาก่อน…”
บุษบันสีตกใจ
พิมพิลาสเหนี่ยวไกยิงบุษบัน แต่ปรากฏว่ากระสุนหมด ทั้งสองคนชะงัก
ทันใดนั้น พิมพิลาสได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจึงหันไปมอง บุษบันได้จังหวะ ลุกขึ้นกระแทกพิมพิลาสล้มลง บุษบันกำลังจะลุกขึ้นหนี พิมพิลาสกระชากแขนไว้ แล้วเอาปืนตบหน้าเต็มแรง บุษบันล้มตึงไปที่พื้น มึนงง

ภีร์ภูมิกับพิชยะขับรถเข้ามาจอดที่ท่าเรือ ทุกคนลงมาจากรถ เห็นรถพิมพิลาสจอดอยู่ ทุกคนช่วยหันมองหา ภีร์ภูมิมองไปที่เรือเห็นพิมพิลาสกำลังพาบุษบันไปที่แม่น้ำ ก็ร้องขึ้น
“อยู่ที่แม่น้ำ!”
ทุกคนรีบวิ่งไปทางแม่น้ำ

บุษบันยังมึนงง แต่ก็ตะเกียกตะกายจะลุกหนี ทันใดนั้นที่ข้อมือของบุษบันก็ถูกตรวนทองคำล็อคไว้! บุษบันตกใจ!แล้วพิมพิลาสเอาตรวนอีกข้างล็อคกับแขนตัวเองไว้
“เธอไม่มีวันหนีฉันได้บุษบัน”
พิมพิลาสกระชากบุษบันออกไป ก่อนจะพยุงบุษบันขึ้นเรือไป บุษบันสะลึมสะลือยังมึนกับการถูกตี พิมพิลาสพยายามสตาร์ทเรือ ในที่สุดก็สตาร์ทเรือติดพอดี!

ภีร์ภูมิรีบวิ่งมาที่ท่าเรือเร็วรี่ ตะวันฉาย กนิษฐา พิชยะ วิ่งตามมา
“พิม..หยุดนะ!”
พิมพิลาสเห็นภีร์ภูมิวิ่งมาก็จะออกเรือ ภีร์ภูมิกระโดดขึ้นเรือได้ทัน แล้วรีบเข้าไปจะไขกุญแจปิดเรือ แต่พิมพิลาสขวางไว้
พิมพิลาสแย่งกุญแจกับภีร์ภูมิจนกุญแจตกน้ำไป พิมพิลาสฉวยจังหวะนั้น ผลักภีร์ภูมิออกไป แล้วลากตัวบุษบันไว้ขอบเรือ
“พิม…ใจเย็นๆ” ภีร์ภูมิพยายามกล่อม
“ไม่!…ภูมิอย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันพานังนี่กระโดดลงน้ำแน่!”
“อย่าทำแบบนั้นนะพิม”
พิมพิลาสเยาะหยัน “ทำไมคะ..กลัวนังนี่จะตายเหรอ ไหนบอกว่ารักพิม ไหนบอกว่าไม่ทิ้งกันตลอดไป แล้วนี่มันอะไร”
“ผมสัญญาว่าผมจะดูและไม่ทอดทิ้งพิมไปตลอดชีวิต แต่สำหรับความรักผมมีให้บุษได้คนเดียว”
ฟังภีร์ภูมิพูด พิมพิลาสน้ำตาคลอเสียใจ
“ถ้าภูมิพูดอย่างงั้นพิมก็ไม่มีทางเลือกอื่น!”
พิมพิลาสกระชากบุษบันออกไปขอบเรืออีก บุษบันกลัวพยายามเกาะเหล็กขอบเรือไว้
“คุณพิมอย่าทำแบบนี้นะคะ”
ภีร์ภูมิใจไม่ดี “อย่าทำแบบนั้นนะพิม! ใจเย็นๆ นะ”
“ถ้าคุณทำแบบนี้ไม่ใช่ฉันนะที่จะตาย คุณก็จะตายด้วย เราจะตายกันทั้งสองคนนะคุณพิม”
พิมพิลาสร้องไห้สีหน้าโกรธแค้น!

ตะวันฉาย กนิษฐา และพิชยะ มองดูเหตุการณ์จากท่าเรืออย่างเป็นห่วง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้
“จะทำยังกันดี! เหมือนคุณพิมจะพาคุณบุษกระโดดลงน้ำแล้ว!” ตะวันฉายกระวนกระวายใจ
“ยัยบุษว่ายน้ำไม่เป็นด้วยขืนตกลงไปต้องอันตรายแน่!”
พิชยะมองดูเหตุการณ์อยู่ พิชยะเห็นตรวนทองคำที่ข้อมือบุษบันและพิมพิลาส
พิชยะถามกนิษฐา “ที่ข้อมือของคุณทั้งสองคนนั่นตรวนทองคำใช่ไม๊”
“นั่นแหละคือตรวนทองคำที่คุณอยากเห็นนักหนา”
พิชยะพยักหน้า และคลำกุญแจทองคำที่คอ สีหน้าคิดอะไรบางอย่าง พิชยะจ้องไปที่ตรวนอย่างไม่คลาดสายตา

ฝ่ายภีร์ภูมิพยายามก้าวเข้าไปหาพิมพิลาส
“ส่งมือมาให้ผมนะพิม อย่าทำแบบนี้เลย ผมไม่อยากเห็นใครต้องเป็นอะไรไป”
พิมพิลาสร้องไห้ขณะถาม “ภูมิรักพิมไม๊”
ภีร์ภูมิไม่ตอบ “พิมส่งมือมาก่อน ตรงนั้นมันอันตราย เดี๋ยวตกลงไป”
พิมพิลาสโมโห ขึ้นเสียงใส่ “พูดมาก่อนภูมิรักพิมไม๊?”
ภีร์ภูมิพยายามพูดโน้มน้าวให้พิมพิลาสส่งมือมา
“ผมเป็นห่วงพิมนะ”
“ห่วงใครกันแน่ ห่วงพิมหรือห่วงนังนี่” พิมพิลาสคาดคั้น
ภีร์ภูมินิ่งไม่ตอบ
“ห่วงมันใช่ไม๊…บอกมาสิภูมิ! ห่วงมันใช่ไม๊! ในที่สุดมาถึงวันนี้ พิมก็รู้ว่าภูมิไม่เคยรักพิมเลย”
พิมพิลาสหันขวับมามองบุษบัน บอกด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ภูมิรักแต่นังนี่”
ภีร์ภูมิเห็นท่าไม่ดี พยายามกล่อมอีก
“พิมเข้ามาเถอะนะ”
“วันนี้ภูมิจะได้รู้ว่าการสูญเสียคนรักจะเป็นยังไง”
ขาดคำพิมพิลาสก็กระชากบุษบันลงน้ำไป
ร่างบุษบันตกน้ำไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
“บุษ! พิม!” ภีร์ภูมิร้องลั่น
ตะวันฉายและกนิษฐา ดูเหตุการณ์อยู่ที่ท่าเรือก็ตกใจ

“ยัยบุษ” / “คุณบุษ!”
ภีร์ภูมิตัดสินใจกระโดดลงมาช่วยพิมพิลาสกับบุษบัน พิมพิลาสพยายามดันตัวเองออกจากภีร์ภูมิ บุษบันตะเกียกตะกายช่วยเหลือตัวเอง แต่พิมพิลาสกอดให้บุษบันจมลงไปในน้ำ ทั้งคู่จมลงน้ำอีก

ภีร์ภูมิดำลงไปใต้น้ำพยายามจะปลดล็อคตรวนจากข้อมือพิมพิลาสและบุษบัน แต่พิมพิลาสไม่ยอมสะบัดตัวหนีเพื่อที่จะให้ตัวเองจมลงทะเล
“คนสองคนถูกผูกติดไว้กับตรวนทองคำหนักตั้งเป็นสิบกิโล คุณภูมิคนเดียวไม่มีทางช่วยขึ้นมาได้แน่ๆ”
ได้ฟังที่กนิษฐาว่า พิชยะเอามือจับกุญแจทองคำแล้วคิดอะไรบางอย่าง
ภีร์ภูมิพยายามช่วยเต็มที่แต่ก็ไม่สามารถปลดล็อคได้ บุษบันกับพิมพิลาสเริ่มหมดสติ ภีร์ภูมิก็ยิ่งพยายามช่วยแกะแต่ทำยังไงก็ไม่สำเร็จ

เวลาเดียวกันนั้น พิชยะกระชากกุญแจทองคำที่คอออก พึมพำกับตัวเอง
“ฉันรู้แล้วว่าทำไมฉันถึงต้องมาที่นี่ แล้วกุญแจดอกนี้มีไว้เพื่ออะไร”
พิชยะจูบกุญแจทองคำที่ติดตัวมานานคล้ายกับสั่งลาก่อนที่จะปาสุดแรงไปที่ทั้งสามคนนั้น

ภีร์ภูมิยังคงพยายามช่วยแกะตรวนออกจากบุษบันกับพิมพิลาส
ทันใดนั้น กุญแจทองคำพุ่งมาทางภีร์ภูมิ ภีร์ภูมิเห็นก็ชะงักแล้วรีบคว้าไว้ ภีร์ภูมิมองกุญแจทองคำอย่างพินิจ แล้วรีบเอากุญแจทองคำไปไขตรวนออกจากข้อมือบุษบันได้สำเร็จ ข้อมือบุษบันหลุดจากตรวนแล้ว ตรวนทั้งเส้นจึงติดอยู่ที่ข้อมือพิมพิลาสเพียงคนเดียว ทำให้ตรวนถ่วงร่างพิมพิลาสลงสู่ใต้ทะเล ภีร์ภูมิพยายามจะคว้าร่างพิพิลาสไว้แต่คว้าไม่ทัน ร่างพิมพิลาสค่อยๆ จมลงใต้น้ำ
ภีร์ภูมิตกใจ มองตามด้วยความเสียใจ ที่ช่วยพิมพิลาสไว้ไม่ได้
ตะวันฉายเอาแผ่นโฟมเก่าบริเวณนั้น กระโดดลงน้ำไปช่วยภีร์ภูมิกับบุษบันขึ้นมา

ภีร์ภูมิกำลังผายปอดช่วยบุษบัน ทุกคนมองบุษบันด้วยความเป็นห่วง สักครู่หนึ่งบุษบันสำลักน้ำออกมา ร่างขยับเริ่มได้สติ ทุกคนดีใจ
“ยัยบุษฟื้นแล้ว” ตะวันฉายร้องลั่น
ภีร์ภูมิดีใจ “บุษ”
“ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เห็นหน้าคุณอีกแล้ว” บุษบันมองหน้าภีร์ภูมิ
“ผมไม่มีวันเสียคุณไป”
ภีร์ภูมิโอบกอดบุษบันไว้อย่างแสนรัก

ครู่ต่อมาภีร์ภูมิพยุงบุษบันไปที่รถจะพาไปโรงพยาบาล กนิษฐาหันมองซ้าย-ขวา หาใครบางคน ในที่สุดจึงถามขึ้น
“คุณพิชยะหายไปไหน”
“เออ..ใช่ คุณพิชยะหายไปไหน” ตะวันฉายถามตาม
“ยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย ถ้าไม่ได้เขาเราแย่แน่” ภีร์ภูมิก็งง
กนิษฐาแปลกใจและรู้สึกผิดหวังที่พิชยะกลับไปไม่บอกไม่กล่าว

ด้านพิชยะนั่งอยู่ในรถ สีหน้าผ่อนคลาย สิ่งที่ค้างอยู่ในใจเขามาตลอด บัดนี้ได้สะสางจนสำเร็จลงแล้ว รถพิชยะกำลังมุ่งสู่สนามบินสุวรรณภูมิ

1 อาทิตย์ผ่านไป
ป้าทิพย์ยืนถือดอกไม้ จ้องรูปพิมพิลาสที่ติดอยู่กับโกศใส่กระดูก บริเวณข้างโบสถ์ หญิงชราร้องไห้อยู่ ภีร์ภูมิกับบุษบันอยู่ข้างๆ
“ป้าไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้มันจะมีอยู่จริงและเกิดขึ้นกับหลานของป้า หมดทุกข์หมดโศกกันเสียทีนะคะคุณหนู เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้ป้ากับหนูได้มาพบกันอีกนะ”
ป้าทิพย์เอาดอกไม้ไปวางหน้าโกศ ภีร์ภูมิ และบุษบัน เดินมาที่หน้ารูปพิมพิลาส
บุษบันหน้าเศร้าขณะขออโหสิกรรม “เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ว่าในอดีตชาติหรือชาตินี้ ฉันขออโหสิกรรมให้คุณนะคะ ขอให้บ่วงกรรมทุกอย่างจบลงแค่ชาตินี้”
“สิ่งที่ผมทำกับคุณไว้ให้เจ็บปวดทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ อโหสิกรรมให้ผมด้วยนะครับ หลับให้สบายนะพิม” ภีร์ภูมิขออโหสิกรรม
หลวงพ่อกสินมองมาที่โกศพิมพิลาส
“เวรกรรมที่ทำไว้ไม่สนองในชาตินี้ ก็ต้องสนองในชาติหน้า ถ้าไม่ก่อกรรมทำชั่ว ถ้าชาตินี้คิดดีทำดีก็ไม่มีบ่วงเวรบ่วงกรรมไปชดใช้ในวันหน้า”

เย็นนั้น ที่พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งดูเก่าแก่มาก กนิษฐาถือหนังสือเต็มมือ เดินเข้ามาในลิฟต์ เห็นสภาพลิฟต์ดูเก่าน่ากลัวมาก
“จะถึงไม๊เนี่ย?”
ทันใดนั้น ลิฟต์ก็หยุดกะทันหัน กนิษฐาตกใจ สีหน้าไม่ดี
“โอ๊ยย!…ไม่น่าพูดเล๊ยย! ปากนะปาก”
กนิษฐากดกริ่งเรียก กริ่งก็ไม่ดัง กนิษฐาเซ็ง พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอแบตเตอรี่อ่อนและหมดคาตา
“เฮ้ย! จะซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรขนาดนี้!!”
ระหว่างนั้น ไฟในลิฟต์ก็กระพริบๆเหมือนจะดับ กนิษฐาสีหน้าไม่ดี)
“อย่าดับนะ…อย่าดับนะ…ขอร้อง”
พูดไม่ทันขาดคำไฟก็ดับพรึบ!
“ช่วยด้วยค่ะ…มีใครอยู่ข้างนอกไม๊คะ…ช่วยด้วยค่ะ”
เสียงกนิษฐาหายไป
ครู่หนึ่งก็มีแสงแง้มประตูจากข้างนอกเข้ามาในลิฟต์ กนิษฐานั่งหวาดกลัวอยู่ในลิฟต์ พอเห็นแสงก็ดีใจ กนิษฐาลุกขึ้นเห็นเป็นเงาผู้ชายคนหนึ่งแต่ยังไม่รู้เป็นใคร พอไฟเปิดสว่างจึงเห็นเป็นพิชยะยืนอยู่!
กนิษฐาดีใจ “คุณพิชยะ!...คุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ”
“มีอะไรบางอย่างบอกให้ผมมาที่นี่” พิชยะว่า
กนิษฐาได้ยินก็รู้สึกเขิน
“บางอย่างที่ว่าคืออะไรเหรอคะ”
พิชยะจ้องตาขณะบอก “ก็คุณไง”
กนิษฐานิ่ง เขิน ทั้งคู่ยิ้มให้กัน

หลายวันต่อมา สองคนอยู่ภายในห้องแสดงวัตถุโบราณพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
เห็นตรวนทองคำพร้อมกุญแจทองคำอยู่ด้วยกันในตู้โชว์ มีป้ายเขียนไว้เป็นข้อมูล ตรวนทองคำสมัยรัชกาลที่ ๕ ค้นพบเมื่อ พ.ศ. 2556 จากแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นของพระราชทานให้แก่พระยาโกสินทร์ ต้นตระกูลโกสินทร์พิทักษ์ในปัจจุบัน
ภีร์ภูมิกับบุษบันยืนดูอย่างปลื้มใจ
“ในที่สุดตรวนทองคำก็อยู่ในสถานที่ที่สมควรจะอยู่แล้ว ฉันมีความสุขจังเลย”
ภีร์ภูมิเอ่ยขึ้น “ตรวนทองคำพระราชทานเป็นสัญลักษณ์ของความดีงาม ไม่ควรจะถูกใช้ในทางที่ไม่ดี ต่อจากนี้ไปตรวนทองคำจะอยู่ที่นี่จะเป็นสัญลักษณ์ของความดีของตระกูลโกสินทร์พิทักษ์ ไม่ใช่สัญลักษณ์ของความเจ็บปวดและสูญเสียอีกต่อไปทั้งสองกุมมือกัน”
ค่ำคืนนั้นเสียงเพลงแว่วหวานจากกล่องดนตรี ภีร์ภูมิกับบุษบันนอนดูดาวกอดกันอยู่บนดาดฟ้าบ้านบุษบัน
“ได้ยินเสียงเพลงจากกล่องดนตรีทีไร มันทำให้ฉันอบอุ่นหัวใจ มีความสุขทุกครั้งที่ได้ฟัง” บุษบันว่า
“ผมก็เหมือนกัน นับจากนี้ต่อไปจะมีแต่เรื่องดีๆเกิดขึ้นกับเราสองคน ผมสัญญาว่าผมจะรักและดูแลคุณตลอดไป”
“ฉันก็สัญญาค่ะ”

ภีร์ภูมิบรรจงจูบที่หน้าผากบุษบันอย่างนุ่มนวลละมุนละไม ทั้งคู่สบตากันอย่างมีความสุข

***** อวสาน *****

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนอวสาน/2 วันที่ 31 ม.ค. 56

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ที่มา manager