อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 10/3 วันที่ 22 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 10/3 วันที่ 22 ม.ค. 56

บุษบันกำลังฟังเพลงจากกล่องดนตรี สายลมพัดเบาๆ ผมบุษบันปลิวสยายไปตามสายลม บุษบันปล่อยใจไปตามเสียงเพลง ห่างออกไปทางด้านหลัง ภีร์ภูมิเดินเข้ามา มองบุษบันด้วยความรู้สึกรักหมดใจ
ภีร์ภูมิยิ้มอย่างมีความสุข บุษบันรู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่จากด้านหลัง พอหันไปมองก็เห็นเป็นภีร์ภูมิ บุษบันตกใจปิดกล่องดนตรีลง
“คุณ”
“ผมขอโทษที่เข้ามาโดยไม่บอกคุณ”
“คุณมาทำไม”

“ผม...ผมมาขอโทษที่เมื่อกลางวันผม...”
“คุณไม่ต้องพูด เรื่องมันแล้วก็ให้มันแล้วไป ฉันไม่เก็บเอามาใส่ใจ”
บุษบันพูดสวนคำ และจะเดินหนี



“แค่นี้ใช่ไหม คุณกลับไปได้แล้ว”
ภีร์ภูมิมองกล่องดนตรี
“เพลงที่คุณเปิดเมื่อกี๊เพราะดีนะครับ ผมรู้สึกเหมือนเคยได้ยินเพลงนี้มาจากที่ไหนสักที่ ผมขอฟังอีกรอบได้ไหม”
“คุณก็คงได้ยินตอนที่แย่งซื้อกับฉันนะสิ”
ภีร์ภูมิอ้อนเสียงอ่อนโยน “นะครับ ผมอยากฟังอีกรอบ”
บุษบันเดินไปหยิบกล่องดนตรี และยื่นส่งให้ ภีร์ภูมินั่งลงที่เก้าอี้แล้วเปิดกล่องดนตรี เสียงเพลงจากกล่องดนตรีหวานแว่วทำให้ภีร์ภูมิหลับตาฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม บุษบันมองภีร์ภูมิแล้วรู้สึกเคลิ้มเหมือนกัน
เพลงจากกล่องดนตรีเล่นจบ บุษบันจะเอาคืน
“คุณ...คุณ”
ภีร์ภูมิลืมตาขึ้นมองมา บุษบันดึงกล่องดนตรีจากมือภีร์ภูมิ แต่ภีร์ภูมิยังไม่ยอมปล่อย
“คุณฟังแล้วรู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึกไหม”
บุษบันดึงกล่องดนตรีคืนมา แต่ภีร์ภูมิยังไม่ปล่อย
“ฉันไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น” บุษบันปากแข็ง
“คุณอย่าปฏิเสธเลย คุณลองฟังอีกครั้งสิแล้วรู้สึกอย่างไงก็พูดออกมา”
พูดจบภีร์ภูมิดึงกล่องดนตรีกลับมาอีกครั้ง บุษบันมานั่งเก้าอี้ข้างภีร์ภูมิ ภีร์ภูมิไขลานเปิดเพลง
เสียงเพลงกรุ๋งกริ๋งทำให้ทั้งคู่ตกอยู่ในภวังค์อย่างประหลาด ภีร์ภูมิมองตาบุษบัน ขณะที่บุษบันมองตากลับ จะขยับตัวหนีแต่เหมือนขยับไม่ได้
จังหวะนั้นภีร์ภูมิค่อยๆ โน้มหน้าลงจูบบุษบันอย่างทะนุถนอม บุษบันไม่ขัดขืนใดๆ
จนสักครู่หนึ่งบุษบันรู้สึกตัว ถอนปากออกจากปากภีร์ภูมิ บุษบันไม่กล้ามองหน้าภีร์ภูมิ เพราะกลัวใจตัวเอง
“ฉันทำอะไรลงไป คุณกลับไปได้แล้ว”
บุษบันลุกเดินหนีไป ภีร์ภูมิเดินตามประกบ
“เดี๋ยวก่อนสิคุณ”
พร้อมกันนั้นภีร์ภูมิดึงมือบุษบันมากุมไว้
“คุณอย่าโกหกตัวเองอีกเลย บอกผมมาเถอะว่าความรู้สึกของคุณก็เหมือนกับผม”
บุษบันหันหน้าไปหาภีร์ภูมิอีก ทั้งคู่มองสบตากัน ภีร์ภูมิบรรจงจูบบุษบันอีกครั้ง และเปลี่ยนเป็นกอดกันด้วยความรักหมดหัวใจ เสียงเพลงจากล่องดนตรียังบรรเลงแว่วหวานขับคลอยิ่งทำให้บรรยากาศแสนโรแมนติก

สองคนไม่รู้ว่า ที่หน้าบ้านบุษบันยามนั้น พิมพิลาสยืนอยู่มุมหนึ่งเห็นทั้งคู่กอดกันอย่างหวานชื่น

พิมพิลาสเสียใจจนน้ำตาหยดรินอาบแก้ม จ้องภาพตรงหน้า แววตาวามวามด้วยความโกรธแค้น

เช้าวันนี้กนิษฐาขับรถมาตามทาง จุดหมายคือบ้านยายสร้อย ทายาทที่ยังเหลืออยู่ของพระยาโกสินทร์ โดยระหว่างนั้นกนิษฐาซึ่งอยู่ในรถกำลังจดจ่อรอสายจากบ้านยายสร้อย

ขณะเดียวกันที่บ้านยายสร้อย เห็นชื่อที่ป้ายตรงหน้าบ้านเด่นหราว่า “โกสินทร์พิทักษ์”
เสียงโทรศัพท์ตรงห้องโถงดังขึ้น โทรศัพท์เครื่องเป็นแบบรุ่นโบราณ ข้างๆ โทรศัพท์มีกรอบรูปพระยาโกสินทร์ตอนแก่อุ้มยายสร้อยตอนเป็นทารกวางโชว์ประดับอยู่
สักครู่หนึ่งมีคนรับใช้หญิงเดินมารับสาย
“สวัสดีค่ะ บ้านโกสินทร์พิทักษ์ค่ะ”
กนิษฐาอยู่ในรถ ใช้หูฟังคุยตอบกลับ
“ฉันกนิษฐานะ คนที่นัดคุณยายสร้อยไว้ จะเข้าไปคุยเรื่องตรวน อีก ๑๕ นาทีฉันจะเข้าไปถึง”
“ค่ะ เดี๋ยวจะไปเรียนให้ท่านทราบค่ะ”
สาวใช้วางสายไป

อีกมุมหนึ่งภายในบ้านโกสินทร์พิทักษ์ ยายสร้อยหญิงชรา อายุประมาณ ๘๐ ปี นั่งอยู่ที่ริมระเบียง ในมือถือรูปพระยาโกสินทร์อยู่ สักครู่หนึ่ง สาวใช้เดินเข้ามาหา
“คุณยายคะ คนที่นัดไว้กำลังจะมาถึงอีก ๑๕ นาทีค่ะ”
ยายสร้อยพยักหน้าช้าๆ
“ฉันกำลังรอเขาอยู่”
สาวใช้เดินออกไปทางหนึ่ง

หญิงชรามองรูปพระยาโกสินทร์ แล้วยกมือลูบไล้อย่างแผ่วเบา
เวลาต่อมายายสร้อยยังนั่งอยู่ที่เดิม และกนิษฐานั่งอยู่ในบ้านแล้ว

“ขอบพระคุณคุณยายมากนะคะที่ยอมให้นิดมาหา คุณยายพอจะเล่าประวัติของตรวนทองคำให้นิดฟังได้ไหมคะ”
“ไหนละตรวน ฉันขอดูหน่อยสิ”
กนิษฐายื่นรูปตรวนทองคำให้ยายสร้อยดู

“นี่ค่ะ อันนี้ใช่ไหมคะในประวัติศาสตร์บอกว่าเป็นของพระยาโกสินทร์”
ยายสร้อยมองรูปตรวน ค่อย ๆ ยกมือขึ้นมาลูบที่รูปตรวนเบาๆ
“หน้าตาเป็นอย่างนี้นี่เอง ตั้งแต่ฉันเกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นเลย รู้แต่ว่ามันหายสาบสูญไปแล้ว”
“ทำไมเหรอคะ”
“เพราะมันจมลงไปในน้ำนะสิ”
กนิษฐางวยงง “ของมีค่าขนาดนี้ทำไมถึงปล่อยให้จมลงไปในน้ำละคะ”
ยายสร้อยมองรูปตรวน ค่อยๆ พูด
“พระยาโกสินทร์คือทวดของฉัน ท่านมีลูกสองคนคือปู่ใหญ่ชื่อฉัตรและปู่ของฉันชื่อฉาย ปู่เคยเล่าให้ฉันฟังว่าทวดได้รับพระราชทานตรวนทองคำนี้มา แต่ตรวนอันนี้ทำให้ปู่ใหญ่ต้องตายไปพร้อมกับคนรัก”
กนิษฐาอึกอัก “แล้ว...พอ...ทราบหรือเปล่าคะว่าท่านเสียชีวิตยังไง”
“ฉันรู้แต่ว่า ปู่ใหญ่เคยรักกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นบ่าวในเรือน แต่ถูกกีดกัน ก็เลยถูกถ่วงน้ำให้ตายไปด้วยกัน”
กนิษฐาตกใจ ถามต่อ
“แล้วใครทำเหรอคะ”
ยายสร้อยส่ายหน้า
“ไม่รู้เหมือนกัน ไม่มีใครอยากจะรื้อฟื้น”
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณยายเล่ามา นิดมั่นใจว่าตรวนทองคำอันนี้ต้องเป็นของพระยาโกสินทร์แน่ ๆ เพราะว่าตอนที่นิดเจอตรวนอันนี้มีกระดูกมือของผู้ชายกับผู้หญิงติดมาด้วย”
ยายสร้อยได้ยินกนิษฐาพูดถึงกระดูก ก็ตกใจ จึงหันมามองหน้า
“เดี๋ยวหนู…แล้วกระดูกนั่นยังอยู่หรือเปล่า”

สองคนพากันเดินทางมาที่แกลเลอรี่อย่างรีบเร่ง เวลานี้กนิษฐาเอาตรวนทองคำพร้อมกระดูกข้อมือมาวางไว้บนโต๊ะ
“นี่ค่ะตรวนทองคำกับกระดูกข้อมือที่พูดถึง”
ยายสร้อยเห็นกระดูกข้อมือ เอื้อมมือสั่นๆ ไปสัมผัสกระดูก
“นี่น่ะหรือกระดูกมือของปู่ฉัตรกับคนรัก”
ยายสร้อยมองกระดูกมือสองข้าง ด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ
“ฉันขอกระดูกมือปู่ฉัตรกับคนรักของท่าน กลับไปบำเพ็ญกุศลได้ไหม”
กนิษฐาอึกอัก ไม่กล้าตัดสินใจ “ต้องขอเจ้านายนิดก่อนค่ะ เพราะนิดไม่ใช่เจ้าของ”
จังหวะนั้นกนิษฐาหันไปเห็นตะวันฉายเดินเข้ามาพอดี
“เจ้านายนิดมาพอดีเลยค่ะ” กนิษฐาหันไปแนะนำยายสร้อยกับตะวันฉาย “นี่ ยายสร้อยที่ฉันพูดถึง”
“สวัสดีครับยาย” ตะวันฉายยกมือไหว้ทักทาย
ยายสร้อยหันมาเห็นตะวันฉาย ก็จ้องอย่างตื่นตะลึงและตกใจ ทันใดนั้นก็เป็นลมล้มฟุบไป
กนิษฐากับตะวันฉายพากันตกใจ ร้องขึ้นพร้อมกัน “คุณยาย”
สองคนรีบเข้ามาช่วยประคองไปนั่งที่โซฟา

ขณะเดียวกันพิมพิลาสอยู่ในห้องรับแขก พยายามทำท่าทางให้เป็นปกติ
“พิมนัดผมมามีธุระอะไรเหรอครับ”
พิมพิลาสยิงตรงประเด็น “ภูมิคะ พิมคิดว่าถึงเวลาแล้วล่ะค่ะที่เราจะต้องแต่งงานกัน”
ภีร์ภูมิชะงัก! มองพิมพิลาสว่าจะมาไม้ไหน
“เราก็คบกันมานานแล้ว ภูมิก็รู้ว่าพิมรักภูมิมาก พิมพร้อมแล้วที่จะใช้ชีวิตคู่กับภูมิ”
ภีร์ภูมิลำบากใจมาก แต่ต้องตัดสินใจพูดออกไป
“ผมขอโทษด้วยครับพิม…ผมว่าเราเคยพูดเรื่องนี้กันไปแล้ว”
พิมพิลาสนิ่งงันไป เป็นอย่างที่เธอคาดคิดเอาไว้
“ที่ผ่านมาถ้าผมทำให้พิมเข้าใจผิดผมก็ขอโทษด้วย ผมรักพิมไม่ได้ ผมเคยพยายามรักพิมแบบที่พิมต้องการแล้ว แต่ผมก็ทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไม”
พิมพิลาสถามต่อ “ภูมิเจอคนที่ภูมิรักแล้วใช่ไหมคะ”
ภีร์ภูมิอึ้งที่พิมพิลาสรู้
“ใช่ครับ ผมเจอคนที่รักแล้ว และผมก็รักเขามาก”
“ใครคะ”
“เธอชื่อ บุษบัน ครับ”
พิมพิลาสร้องไห้ออกมา
“เราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะครับ…พิมเข้าใจผมนะครับ”
พิมพิลาสฝืนยิ้ม กดข่มความรู้สึกเสียใจ แค้นใจ ลงไปจนลึกสุด

“พิมเข้าใจค่ะ ความรักมันเป็นเรื่องของหัวใจ ถ้าภูมิเจอคนที่ใช่แล้ว พิมก็ไม่ขอรั้งตัวภูมิไว้”
“ขอบคุณครับพิมที่เข้าใจ…แต่พิมไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไม่มีวันทิ้งพิมไปไหน ผมจะดูแลพิมเหมือนเดิมตลอดไป”
“ขอบคุณค่ะภูมิ”

ภีร์ภูมิดึงรั้งตัวพิมพิลาสมากอดขอบคุณ โดยไม่รู้ว่าพิมพิลาสร้องไห้เสียใจ ระคนโกรธแค้นเขาและบุษบัน
เวลาผ่านไป ระหว่างนั้นยินเสียงโหวกเหวกดังลั่นออกมาจากบ้านของเดือน

“มึงออกจากบ้านกูไปเลย! กูไม่ดูให้มึง”
พิมพิลาสอ้อนวอน “นะคะ แม่หมอฉันขอร้อง ฉันอยากรู้ว่าคนรักฉันจะต้องไปจากฉัน จริงๆ เหรอคะ”
แม่หมอเดือนจะเดินหนี
ป้าทิพย์ ช่วยอีกแรง “ช่วยหลานฉันด้วยนะคะ หลานฉันต้องทนทุกข์มานานแล้ว ฉันอยากให้หลานฉันสมหวังในความรักเสียที”
“อย่าเสียเวลาเลย มึงสองคนกลับไปซะเถอะ” เดือนบอก
“แม่หมอจะเอาอะไร ฉันจะหามาให้หมดทุกอย่าง จะเรียกเงินฉันเท่าไหร่ก็ได้ ฉันยอมจ่าย” พิมพิลาสบอก
“มึงอย่ามาดูถูกกู กูไม่ต้องการเงินของมึง คนอย่างมึงไม่มีทางสมหวังเรื่องความรักในชาตินี้หรอก คนรักของมึงมันเจอเนื้อคู่แล้ว ชาติที่แล้วมึงพรากคู่เขา ชาตินี้มึงก็ต้องเจ็บช้ำแบบนี้แหละ”
พิมพิลาสอึ้ง ตกใจ สักครู่ก็น้ำตาคลอ “เป็นไปไม่ได้ ฉันรักเขา ฉันขาดเขาไม่ได้ แม่หมอช่วยบอกฉันที ฉันอยากรู้ว่าชาติที่แล้วฉันทำอะไรไว้ ทำไมฉันต้องสูญเสียคนรักไปด้วย”
ป้าทิพย์มองพิมพิลาสอย่างสงสาร
เดือนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “มึงแน่ใจนะว่าอยากรู้” พิมพิลาสพยักหน้า “ถ้าเกิดอะไรขึ้นมึงจะมาโทษกูไม่ได้”
ป้าทิพย์ตกใจ “ทำไมเหรอคะ หลานฉันจะเป็นอะไร”
“สิ่งที่นังนี่มันอยากรู้ มันเป็นการฝืนกฎแห่งกรรม” เดือนหันไปจ้องหน้าพิมพิลาส “มึงอาจจะเป็นบ้าไปเลยก็ได้”
ป้าทิพย์มีสีหน้าหวาดหวั่น คิดหนัก ชักไม่อยากให้พิมพิลาสทำ
แต่พิมพิลาสตั้งใจฟังเดือน สีหน้ายังคงมุ่งมั่น เดือนพูดต่อ
“หรือไม่ มึงอาจจะกลับมาไม่ได้”
ป้าทิพย์ตกใจ มองหน้าพิมพิลาสแล้วส่ายหัวไม่ให้ทำเพราะเป็นห่วง
“หมายความว่ายังไงคะแม่หมอ”
“กลับมาไม่ได้ ก็ตายไง”
ป้าทิพย์ยิ่งตกใจ พิมพิลาสอึ้งๆ
“หนูพิมอย่าเสี่ยงเลยนะลูก”
พิมพิลาสครุ่นคิด

“คุณยายฟื้นแล้ว”
เสียงกนิษฐาร้องขึ้นขณะประคองยายสร้อยลุกนั่ง สามคนยังอยู่ที่แกลเลอรี่ชั้น ๓
“คุณยายเป็นอะไรไปคะ”
ยายสร้อยไม่ตอบได้แต่จ้องหน้าตะวันฉายไม่วางตา
จนกนิษฐากับตะวันฉาย รู้สึกแปลกใจที่ยายสร้อยเอาแต่จ้องมองตะวันฉาย
“เหมือนมาก! คุณหน้าเหมือนปู่ฉายเมื่อตอนหนุ่มๆ มาก” หญิงชราบอก
ตะวันฉายตกใจที่ได้ยินแบบนั้น แต่ก็พูดติดตลกไปตามนิสัย
“หน้าผมโหลครับ เหมือนชาวบ้านเขาไปทั่ว” ตะวันฉายว่า
“ฉันอยากเห็นรูปคุณปู่ฉายกับคุณปู่ฉัตรจังของคุณยายจัง คุณยายพอจะมีรูปบ้างไม๊คะ” กนิษฐาเอ่ยขึ้น
“เคยมี แต่ปีก่อนน้ำท่วมหนัก รูปเก่าแก่ของตระกูลฉันเสียหายไปจนหมด”
กนิษฐามีสีหน้าผิดหวัง
“ฉันขอกระดูกมือนั่นได้ไม๊ ฉันคิดว่ากระดูกมือนั่นน่าจะเป็นของปู่ฉัตรกับคนรัก ฉันจะเอาไปบำเพ็ญกุศล”
“ยินดีครับ” ตะวันฉายบอกหญิงชรา
“ขอบใจนะ”
ยายสร้อยยังคงมองหน้าตะวันฉายอย่างไม่ละสายตา

ภีร์ภูมิเดินเข้ามาในบ้าน บุษบันเดินออกมาเห็นภีร์ภูมิพอดี
“คุณภูมิ”
บุษบันเห็นสีหน้าภีร์ภูมิดูไม่ดีก็สงสัย
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

เวลาต่อมาภีร์ภูมิมีสีหน้าหน้าจริงจัง จ้องมองบุษบันแน่วนิ่ง
“ผมกับพิมเลิกกันแล้ว”
บุษบันตกใจ รู้สึกผิดคิดว่าตนเป็นต้นเหตุ
“คุณจะยอมเปิดใจรับผมได้หรือยัง”
บุษบันนิ่งงันไป ลำบากใจเหลือแสน
“แล้วคุณเอาคุณพิมไปไว้ที่ไหน”
“เราตกลงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน พิมเขาเข้าใจหมดทุกอย่าง”
บุษบันยังรู้สึกผิดอยู่ดี
“ต่อไปใครจะดูแลคุณพิม แล้วเขาจะอยู่ยังไง”
“ผมไม่ได้ทอดทิ้งเขา ผมก็ยังดูแลพิมเขาเหมือนเดิม…ผมไม่เคยรักพิมเกินไปกว่าเพื่อน…เพราะคนที่ผมรักและคิดว่าจะร่วมชีวิตไปกับผมอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้”

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 10/3 วันที่ 22 ม.ค. 56

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ที่มา manager