อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 4/2 วันที่ 5 ม.ค. 56

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 4/2 วันที่ 5 ม.ค. 56

ส่งเสียงฮือฮากันด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นตรวนทองคำนั้น
ฉัตรมองตรวนทองคำอย่างแปลกใจ “ตรวนทองคำ”
พระยาโกสินทร์พยักหน้า แอนนาเข้ามาดูใกล้ๆ แล้วขมวดคิ้ว
“โอ้..แปลกจริง ทำไมถึงได้เอาของมีค่ามาทำเป็นโซ่อย่างนี้”
“เขาเรียก ‘ตรวน’ แอนนา ไม่ใช่โซ่” ฉายบอก
“นั่นแหละ..นั่นแหละ แต่มันมีไว้ใช้กับนักโทษคนคุกไม่ใช่รึฉาย”
“ก็เจ้าคุณพ่อท่านเป็นพัศดีนี่แอนนา”

แอนนาขมวดคิ้วสงสัย “พัศดี คืออะไร”
“พัศดีคือคนควบคุมดูแลนักโทษไง” ฉายอธิบาย
“อ๋อ..เข้าใจละ” แอนนามองตรวนทองคำอีกครั้ง “ทองขนาดนี้...ราคาคงจะไม่ใช่น้อยๆ เลย”



พระยาโกสินทร์แทรกขึ้น “ของพระราชทานน่ะ ตีเป็นราคาไม่ได้หรอกแอนนา”
แอนนาพยักหน้าหงึกๆ
“วันนี้พ่อมีแต่เรื่องน่าปลื้มใจจริง ทั้งได้รับพระราชทานตรวนทองคำมาเป็นรางวัล ทั้งกำลังจะได้สะใภ้เข้าบ้าน พ่อมีความสุขจริง” ท่านเจ้าคุณยิ้มแย้ม
ฉัตรชะงัก “สะใภ้”
พระยาโกสินทร์พยักหน้า “พ่อไปทาบทามแม่พิศกับท่านเจ้าคุณโกสินทร์ให้เจ้าแล้ว”

คราวนี้ฉัตรถึงกับตกตะลึง
ตรงมุมหนึ่งบนเรือน ฉัตรเดินไปมาสีหน้าดูร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง ฉายอยู่ด้วย เอ่ยถามพี่ชายขึ้น

“เจ้าคุณพ่อไปทาบทามแม่พิศกับท่านเจ้าคุณสมานอย่างนี้แล้ว พี่ฉัตรจะทำอย่างไรขอรับ”
“ฉายก็รู้ พี่ไม่ได้รักใคร่ชอบพอแม่พิศ ใจพี่อยู่กับแม่บัวแต่เพียงผู้เดียว”
“แต่ในเมื่อเจ้าคุณพ่อได้เอ่ยปากทาบทามแม่พิศไปแล้ว ถ้าพี่ฉัตรไม่ยอมแต่งด้วย มันก็เท่ากับเป็นการหักหน้าท่านเจ้าคุณสมานไม่เหลือดีเลยนะขอรับ ทีนี้ละ..บ้านเรากับบ้านโน้นคงแตกหักไม่เผาผีกันละ พี่ฉัตร..โบราณว่าไว้ว่า...น้ำเชี่ยว อย่าขวางเรือ กระผมว่า..พี่ฉัตรค่อยๆ คิด ค่อยๆ อ่าน แก้ไขปัญหานี้ให้รอบคอบดีกว่านะขอรับ”
ฉัตรอึ้งไป แล้วถอนใจยาว “แต่พี่เกรงว่าถ้าข่าวนี้ไปถึงหูแม่บัว แม่บัวจะว่ายังไง”
ฉัตรกลุ้มใจมาก

เวลาเดียวกันบัวนั่งกอดเข่าเจ่าจุกอยู่ที่หน้าเรือนทาส มีน้อยนั่งมองอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี สักครู่เพียรก็เดินเข้ามาเยี่ยมสองสาวที่เรือนพร้อมผลไม้
“ข้าเห็นเอ็งสองคนไม่ได้ไปกินข้าวที่โรงครัว ข้าเลยเอานี่มาฝาก” เพียรยื่นผลไม้ให้น้อย
น้อยไม่รับ “เอาวางไว้ที่หน้าเรือนนั่นแหละ”
เพียรมองสองสาวอย่างสงสัย “พวกเอ็งเป็นอะไรกันรึเปล่า ถึงไม่ไปกินข้าวที่โรงครัว หรือว่าไม่สบาย”
น้อยรำคาญ พยายามตัดบท “เออๆๆๆ พวกข้าไม่ค่อยสบาย ทำงานกลางแจ้งกันมาทั้งวันนี่ เอ็งจะไปไหนก็ไป ไป๊ไอ้เพียร อย่ามายุ่งกับพวกข้าเลย”

เพียรกลุ้มใจที่น้อยไม่เคยญาติดีด้วย เดินเซ็งๆออกไป
“น้อย..ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะไม่พบหน้าคุณฉัตรอีก ชีวิตนี้..สิ้นบุญต่อกันเพียงเท่านี้”
น้อยพยักหน้าเข้าใจ มองหน้าบัวที่น้ำตาไหลออกมาอีก ด้วยความสงสาร

ทางด้านฉัตรยืนคิดหาทางออกอยู่ด้วยความกลุ้มใจเป็นอย่างยิ่ง คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก
เวลาผ่านไปจวบจนรุ่งเช้าฉัตรยังยืนอยู่ที่เดิม คิดหาทางออกอยู่จนเช้าเลย แล้วมีท่าทางว่าตัดสินใจอะไรบางอย่างได้

พอพระยาโกสินทร์เปิดประตูห้องนอนออกมาในตอนเช้า แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นฉัตรยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว

ครู่ต่อมาสองพ่อลูกอยู่ในห้องหนึ่งบนเรือน เสียงพระยาโกสินทร์ โวยวายลั่น
“อะไรนะ ! เจ้าจะไม่แต่งกับแม่พิศ”
“เพราะกระผมไม่ได้รักใคร่ชอบพอกับแม่พิศนี่ขอรับเจ้าคุณพ่อ”
พระยาโกสินทร์โมโหมาก “เฮ้ย ไม่ได้รักใคร่ชอบพอ แล้วเจ้าลักลอบเข้าหาเขาในยามวิกาลทำไม”
“เจ้าคุณพ่อเข้าใจผิดแล้วขอรับ คืนนั้นกระผมไม่ได้ไปหาแม่พิศ”
พระยาโกสินทร์ฉงน “แล้วเจ้าไปหาใคร เรือนนั้นเขาก็มีลูกสาวอยู่แค่คนเดียวนี่”
“กระผมไปหาแม่บัวขอรับ”
พระยาโกสินทร์งวยงง “ใคร..แม่บัว”
“ทาสขัดดอกที่เรือนท่านเจ้าคุณสมานขอรับ” ฉัตรบอกบิดา
“ทาสขัดดอก นี่เจ้าชอบพออยู่กับทาสขัดดอกรึเนี่ย”
พระยาโกสินทร์สีหน้าตกตะลึง

นายสนกำลังยืนแอบฟังอยู่ด้านนอก บ่าว ๒ คน ค่อยๆ ตามเข้ามาแล้วสะกิดถามนายสน
“เกิดอะไรขึ้นรึ” บ่าวคนหนึ่งถาม
นายสนจุ๊ปาก “ชู่วว คุณฉัตรแอบไปชอบพอกับทาสขัดดอกเรือนท่านเจ้าคุณสมาน”
บ่าวอีกคนร้อง “ฮ้า”
นายสนจุ๊ปากอีก “ชู่วว”

“แล้วท่านเจ้าคุณของเราว่ายังไงบ้าง”
นายสนทำสัญญาณให้บ่าว ๒ คนเงียบ แล้วแอบฟังเหตุการณ์บนเรือนเสียด้วยกัน

ด้านพระยาโกสินทร์โวยวายเสียงดัง “นี่เจ้าล้อพ่อเล่นรึ”
“มิได้ขอรับเจ้าคุณพ่อ กระผมไม่ได้ล้อเล่น มันเป็นเรื่องจริง” ฉัตรบอกน้ำเสียงจริงจัง
“แล้วเจ้าไปรู้จักทาสขัดดอกคนนี้ได้ยังไง”
“กระผมได้พบและชอบพอกับแม่บัวตั้งแต่เมื่อครั้งที่ไปเยี่ยมเยือนญาติผู้ใหญ่ของเราที่หัวเมือง กระผมได้ช่วยแม่บัวกับพ่อของหล่อนจากโจรจนบาดเจ็บ แล้วก็ได้แม่บัวนี่แหละขอรับที่ช่วยดูแลรักษากระผมจนอาการทุเลา แต่พอได้มาพบกันอีกที หล่อนก็มาเป็นทาสขัดดอกเสียแล้ว ด้วยเหตุนี้กระผมจึงต้องเทียวไปเทียวมาที่เรือนโน้นเพื่อจะพบหล่อน”
พระยาโกสินทร์เครียดจัด “โอยๆๆๆๆ พ่อกับท่านเจ้าคุณสมานคงมองหน้ากันไม่ติดแน่ถ้าท่านเจ้าคุณรู้เรื่องนี้ เขาได้มาถอนหงอกพ่อเข้าปะไร ไม่ได้ พ่อทาบทามแม่พิศให้กับเจ้าแล้ว พ่อคืนคำไม่ได้ ยังไงๆ เสีย เจ้าก็ต้องแต่งกับแม่พิศ”
ฉัตรทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า
“แต่เจ้าคุณพ่อไม่คิดบ้างหรือขอรับว่า...ถ้ากระผมตกแต่งไปเสียกับแม่พิศโดยไม่ได้รักใคร่ชอบพอ ชีวิตของกระผมคงหาความสุขไม่ได้เลยจนวันตาย” นายทหารหนุ่มพนมมือไหว้ท่านเจ้าคุณ “กระผมขอความกรุณาเจ้าคุณพ่อ...ได้โปรดเห็นใจกระผมด้วย” ว่าแล้วก็ก้มลงกราบแทบเท้าบิดา

พระยาโกสินทร์มองกิริยาของลูกด้วยสีหน้าหนักใจสุดๆ
วันต่อมารถของพระยาโกสินทร์แล่นไปตามถนนอย่างรวดเร็ว ภายในรถคันนั้นพระยาโกสินทร์สีหน้าเคร่งเครียดมาก รถกำลังแล่นตรงไปที่เรือนพระยาสมาน ท่านเจ้าคุณร้อนใจเป็นอย่างมาก

ขณะเดียวกันฉัตรยืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน สีหน้ากระวนกระวายใจ ฉายเข้ามาหา
“พี่ฉัตรใจเย็นๆ ก่อนนะขอรับ เจ้าคุณพ่อรับปากแล้ว คงจะเรียบร้อย”
ฉัตรพยักหน้ารับ แต่สีหน้าไม่ได้สบายใจขึ้นเลย

พระยาโกสินทร์ยืนอยู่ที่ทางขึ้นเรือนพระยาสมาน มีเพียรนั่งคุกเข่าพูดด้วย
“ท่านเจ้าคุณสมานไม่อยู่เรือนขอรับ ออกไปข้างนอกกับคุณพิศ ไม่ได้สั่งไว้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ขอรับ”

พระยาโกสินทร์ถอนใจอย่างหนักใจ “ข้าจะรอ”
ท่านเจ้าคุณลงนั่งปักหลักรออยู่ตรงนั้นเอง มีเพียรนั่งเฝ้า

ขณะเดียวกันที่ตำหนักหม่อมจรัส พิศก้มลงกราบหม่อมจรัสอย่างชดช้อยอ่อนหวาน หม่อมจรัสยิ้มแย้มทักทาย
“ฉันยินดีด้วยที่หล่อนจะได้ออกเรือนกับลูกชายคนโตของท่านเจ้าคุณโกสินทร์ เพราะพ่อฉัตรน่ะดูจะมีอนาคตไกล อีกทั้งยังรูปงาม และมีชาติตระกูล เหมาะสมกับหล่อนทุกประการ”
พิศเยื้อนยิ้มปลื้มอกปลื้มใจ
“เห็นท่านเจ้าคุณสมานแจ้งมาว่าหล่อนอยากจะเรียนการเรือนเพิ่มเติมรึ”
“เจ้าค่ะ”
หม่อมจรัสสัพยอก “จะเอาไว้ปรนนิบัติผัวล่ะสิ”
พิศยิ้มเขินๆ
“ถ้าเช่นนั้นวันนี้ฉันจะให้หล่อนไปเรียนที่ห้องเครื่อง”
พิศก้มกราบหม่อมจรัสอีกครั้ง

ครูผู้ใหญ่ประจำห้องเรือนยากำลังสอนพิศทำข้าวแช่ตำหรับชาววังอยู่ โดยมีชื่นนั่งหัดทำอยู่ก่อนแล้วในบริเวณนั้นด้วย
“วันนี้ฉันจะให้หล่อนหัดทำข้าวแช่ แต่ก่อนอื่นหล่อนควรจะรู้เสียก่อนว่าข้าวแช่นี้ชาวมอญเป็นเจ้าของตำหรับดั้งเดิม แล้วเราเอามาปรุงแต่งเพิ่มเติมให้เป็นตำหรับไทยๆ ซึ่งกว่าจะทำเครื่องเคียงได้ครบทุกอย่างก็จะใช้เวลาถึง 3 วัน สำหรับเป็นอาหารเพียงมื้อเดียว” ครูท่านนั้นว่า
พิศฉงน “มื้อเดียวเองหรือเจ้าคะ”
“งั้นสิ...เพราะไหนข้าวเราก็ต้องคัดเม็ดทีละเม็ด เลือกเอาเฉพาะข้าวที่เม็ดสวยเท่านั้น ข้าวหักเราไม่ใช้ แล้วก็ต้องทำน้ำดอกไม้สำหรับแช่ข้าวด้วย ส่วนเครื่องเคียงก็มีหลายอย่างตั้งแต่ลูกกะปิ พริกหยวกยัดไส้ หัวหอมยัดไส้ เนื้อเค็มทอดผัดหวาน แต่ละอยากต้องใช้ของชั้นเลิศปรุงทั้งนั้น แต่วันนี้ฉันจะให้หล่อนลองทำหัวหอมยัดไส้ปลายี่สกเป็นอย่างแรกเสียก่อน”
ครูผู้ใหญ่หยิบปลายี่สกที่สุกแล้วมา พลางอธิบาย
“เริ่มแรกหล่อนก็ต้องยีเอาแต่เนื้อปลาเพื่อเอามาปรุงรสเสียก่อนจะใช้ยัดไส้หัวหอม เอ้า..หล่อนยีเนื้อปลาก่อน เอาแต่เนื้อขาวๆนะ หนังไม่เอา ก้างต้องไม่มี ทำได้มั้ย”
พิศรับคำ “ได้เจ้าค่ะ”
จากนั้นพิศเริ่มต้นลงมือทำ ท่าทางไปได้ดี ครูผู้ใหญ่มองพิศฝึกหัดทำอย่างพอใจ

“หล่อนทำไปนะ ประเดี๋ยวฉันจะกลับมาสอนวิธีปรุงรส กับวิธียัดไส้หัวหอมให้” ครูผู้ใหญ่ท่านนั้นเดินออกไป
จากนั้นพิศค่อยๆ บรรจงทำอย่างตั้งใจ ก่อนจะปรายตามองชื่น แล้วพูดเปรยๆ กับนางด้วงที่ตามมารับใช้
“แปลกนะ..นางด้วง คนบางคน..ไม่ได้มีโอกาสจะออกเรือนกับใครเขา ก็อุตส่าห์มาขอร่ำขอเรียนการเรือนหน้าดำคร่ำเคร่ง แต่ก็ไม่รู้จะเรียนไปปรนนิบัติใคร” พิศหัวเราะชอบใจ
ชื่นหันขวับมาทันที “หล่อนพูดถึงใคร”
“ฉันไม่ได้พูดถึงใคร แต่ถ้าหล่อนอยากจะกินปูนร้อนท้อง เอง..ก็ตามใจ” พิศเยาะ
“มาว่าฉันกินปูนร้อนท้องรึ นี่ฉันจะบอกอะไรให้นะ หล่อนอย่าเพิ่งทะนงตัวไปนักเลยว่าจะได้ออกเรือน ตราบใดที่หล่อนยังไม่ได้เห็นขบวนแห่ขันหมากละก็ หล่อนอย่าเพิ่งแน่ใจไปนักเลย ไม่เคยได้ยินคำว่า ‘หม้ายขันหมาก’ รึ” ชื่นเย้ยเอาคืน
“คนอย่างฉัน ไม่มีวันหม้ายขันหมากหรอก แต่คนบางคนน่ะ..มีลางว่าจะเป็น ‘สาวเทื้อ’ ละไม่ว่า”
ชื่นโกรธจัด “อ๊าย...” แล้วเอาหัวหอมที่กำลังหัดยัดไส้ด้วยปลาในมือเขวี้ยงใส่พิศ
ทว่าหัวหอมพลาดไปโดนนางด้วงที่นั่งข้างหลังพิศ นางด้วงปรี๊ด ผุดลุกขึ้นคว้าหัวหอมจะเขวี้ยงกลับบ้างแต่ก็ไม่กล้าจึงเงื้อค้างอยู่ บ่าวของชื่นออกรับแทนนายทันที ชี้หน้านางด้วง
“เอ็งคิดจะเขวี้ยงใส่นายข้าเรอะ” แล้วเอาหัวหอมเขวี้ยงใส่นางด้วงอีก
นางด้วงร้องกรี๊ดด้วยความโมโหสุดขีด กระโดดเข้าตบบ่าวของชื่น บ่าวคนนั้นร้องกรี๊ดแล้วพุ่งเข้าตบนางด้วงตอบ นางด้วงไม่มียอม ตบกลับ บรรยากาศเริ่มชุลมุนวุ่นวาย พิศเห็นท่าไม่ดีจึงตวาดเสียงดัง
“พอทีนังด้วง”
ทั้งนางด้วงกับบ่าวคุณชื่นต่างชะงักค้าง หันมามอง พิศพยักหน้าเรียกให้นางด้วงกลับมานั่งข้างๆ นางด้วงจึงยอมรามือเดินกลับไปหาพิศ แต่ไม่วายหันมาถีบลูกหลังใส่บ่าวของชื่นจนล้มหงายไป แล้วนางด้วงก็หัวเราะสะใจก่อนจะกลับไปนั่งข้างหลังพิศ บ่าวของชื่นขยับตัวจะตามไปราวีนางด้วงอีก แต่ชื่นคว้าแขนไว้เพราะไม่อยากให้เรื่องราวบานปลายไปกว่านี้ บ่าวจึงยอมถอยกลับไปนั่งข้างหลังชื่น

พิศกับชื่นมองหน้าสู้สายตากันอย่างเคียดแค้นชิงชัง
เวลาบ่ายคล้อย พระยาโกสินทร์ยังคงนั่งรอพระยาสมานอยู่บนเรือนด้วยความกลัดกลุ้ม สักครู่พระยาสมานก็กลับมาถึง ซึ่งพอเห็นพระยาโกสินทร์ก็ยิ้มร่า ตรงมาหา

“ท่านเจ้าคุณมารอพบกระผมนานแล้วรึขอรับ กระผมได้ข่าวเรื่องที่ท่านเจ้าคุณได้รับพระราชทาน ‘ตรวนทองคำ’ แล้ว อยากเห็นเป็นบุญตาสักครั้ง ผู้คนเขาเล่าลือกันว่า..มันงามแปลกตานัก”
“เอาเรื่องตรวนทองคำยกไว้ก่อนเถิดท่านเจ้าคุณสมาน กระผมมีธุระสำคัญกว่านั้นมาก...ถึงได้มาถึงเรือนวันนี้”
พระยาโกสินทร์มีสีหน้าลำบากใจสุดๆ พลางกวาดตามองบ่าวไพร่รวมทั้งเพียรที่อยู่แถวนั้นพระยาสมานมองตามอย่างสงสัย ก่อนจะตัดสินใจโบกมือไล่เพียรและบ่าวทุกคนให้ออกไป
เพียรมองดูท่าทางอึกอักๆ ของพระยาโกสินทร์อย่างสงสัย แล้วเดินออกไปกับบ่าวอื่นๆ
“กระผมไม่อ้อมค้อมละ เพราะร้อนใจเหลือเกิน คือ...กระผมต้องการจะยกเลิกการทาบทามแม่พิศให้กับพ่อฉัตร ลูกชายคนโตของกระผมน่ะขอรับ”
พระยาสมานงง “อะไรนะ”
พระยาโกสินทร์พูดต่อ “มันเป็นความเข้าใจผิดของกระผมเอง ที่คิดว่าพ่อฉัตรมีใจชอบพออยู่กับแม่พิศ จึงได้ผลีผลามมาทาบทามแม่พิศไว้ โดยไม่รู้ว่าพ่อฉัตรรักใคร่ชอบพออยู่กับคนอื่น”
พระยาสมานโมโห ถีบกระโถนตรงหน้าดังเปรี้ยง พระยาโกสินทร์ถึงกับสะดุ้ง
“ท่านเจ้าคุณทำอย่างนี้ได้ยังไง ไม่คิดหรือว่าลูกสาวของกระผมจะเสียหายขนาดไหน”
พระยาโกสินทร์พยายามประนีประนอมสุดฤทธิ์
“กระผมก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องเสียหาย จึงรีบเร่งมาบอกท่านเจ้าคุณวันนี้ไง”
“กระผมมีลูกกับเขาคนเดียว อุตส่าห์ถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมาด้วยความเหนื่อยยาก ริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม งามทั้งรูปสมบัติคุณสมบัติ ใครได้ไปเป็นศรีเรือนก็เป็นบุญโขทีเดียว แล้วท่านเจ้าคุณกับลูกชายจะมาทำอย่างนี้กับแม่พิศของกระผมได้อย่างไร กระผมยอมรับไม่ได้”
พระยาโกสินทร์ท้วง “แต่...”
ถูกพระยาสมานตัดบทเลย “ท่านเจ้าคุณกลับไปเสียเถอะ แล้วถ้าจะมาเหยียบเรือนนี้อีก ท่านเจ้าคุณก็จะต้องมาพร้อมขบวนขันหมากสู่ขอแม่พิศ ไม่เช่นนั้นเราสองคน...ชาตินี้ก็ไม่ต้องเผาผีกัน”
สีหน้าพระยาโกสินทร์เครียดเคร่ง กลุ้มใจสุดๆ

ขณะเดียวกันไอ้เพียรและบ่าวคนอื่นๆ ที่ถูกไล่ลงจากเรือนมาพร้อมกัน ต่างแอบฟังเรื่องบนเรือนอยู่ที่ใต้ถุนนั่นเอง แต่ละคนหน้าตาตื่นตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินไม่ต่างกัน แล้วพวกบ่าวก็พากันวิ่งออกไปจากใต้ถุนเรือนอย่างเงียบที่สุดเพื่อจะไปถกกันต่อไอ้เพียรตามไปด้วย เป้าหมายคือโรงครัว

บัวกับน้อยเพิ่งเลิกงานมาถึงโรงครัว หน้าตาเหนื่อยล้าอ่อนแรงมาก สองคนเดินไปที่ตุ่มน้ำ ตักน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างเหงื่ออกจากตัว นางพุ่มมองอย่างเห็นใจ

“เอ็งสองคนอดทนหน่อยก็แล้วกันนะ เจอโทษทัณฑ์แค่นี้ถือว่าสถานเบาแล้ว ดีกว่าถูกเฆี่ยนเป็นไหนๆ”
“ฉันทนไหวจ้ะน้าพุ่ม” บัวบอก
ระหว่างนั้นพวกบ่าวที่แอบฟังเรื่องจากใต้ถุนเรือนวิ่งเข้ามา เพียรรั้งท้าย
“นี่ๆๆๆๆ ข้ามีเรื่องร้อนจะมาเล่าให้ทุกคนฟัง” บ่าวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงดัง
“เรื่องอะไรวะ ทำไมถึงต้องหน้าตาตื่นกันขนาดนี้ด้วย” นางพุ่มสงสัย
“ไม่ตื่นยังไหวล่ะป้า นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายเชียวนะ” บ่าวคนเดิมบอก
“เรื่องอะไรก็เล่ามาเร็วๆ เถอะ โยกโย้อยู่นั่นแหละ” นางพุ่มด่า
“ก็เรื่องที่ท่านเจ้าคุณโกสินทร์มาทาบทามคุณพิศให้กับคุณชายลูกชายคนโตของท่านน่ะสิ”
บัวได้ยินก็หน้าเศร้า เดินไปนั่งห่างออกไปจากกลุ่มคนเหมือนไม่อยากฟัง น้อยเดาอารมณ์บัวได้ จึงเดินตามไปนั่งเป็นเพื่อน
“เรื่องนี้ก็รู้กันถ้วนทั่วทุกตัวคนแล้วนี่ แล้วมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายตรงไหน”
เพียรตามเข้ามาเล่าต่อ “มันกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ก็เพราะวันนี้ท่านเจ้าคุณโกสินทร์มาขอยกเลิกการทาบทามคุณพิศน่ะสิ”
ทุกคนร้อง “หา” พร้อมๆกัน
บัวหันขวับมาทันที
นางพุ่มตกใจ “ตายๆๆ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณฉัตรเธอถึงเปลี่ยนใจ”
“ท่านเจ้าคุณโกสินทร์บอกว่า...คุณฉัตรไม่ได้มีใจชอบพออยู่กับคุณพิศ แต่ชอบพออยู่กับคนอื่น ท่านเจ้าคุณโกสินทร์เข้าใจผิด ไม่ทันได้ถามไถ่ความกันให้ดีก่อน ก็รีบแล่นมาทาบทามไว้ พอได้คุยกันทีหลัง จึงต้องรีบมาขอยกเลิกอย่างนี้แหละ” เพียรสาธยาย
นางแดงเอ่ยขึ้น “แล้วนี่คุณพิศเธอรู้เรื่องรึยัง”
“ยังจ้ะน้าแดง” เพียรว่า
นางแดง ครวญครางสงสารคุณพิศของหล่อน “โอยๆๆๆ มีอย่างรึ...มาทาบทามเอ่ยปากสู่ขอกันอยู่เมื่อวาน แค่ข้ามคืนมาขอยกเลิก ทำให้คุณพิศเธอต้องเป็นหม้ายขันหมากตั้งแต่ยังสาว นี่ถ้าคุณพิศรู้เรื่อง เธอต้อง อับอายขายหน้าคนทั่วทั้งพระนครจนแทบจะต้องแทรกแผ่นดินหนีกันเลยทีเดียว...แล้วคุณพิศเธอจะว่ายังไงกันล่ะเนี่ย”

บัวกับน้อยมองหน้ากันอย่างไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
เย็นนั้นพระยาสมานเดินเป็นหนูติดจั่น ด้วยความร้อนใจเหลือแสน สักครู่พิศกับนางด้วงก็เดินขึ้นเรือนมา นางด้วงนั้นมุมปากมีรอยช้ำเพราะตบกับบ่าวของชื่น ส่วนพิศยิ้มแย้มอารมณ์ดี

พระยาสมานเห็นพิศก็ชะงักกึก หงุดเดิน แล้วพยายามฝืนยิ้มให้พิศ
“ลูกพิศ...พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”
พิศแย้มยิ้มอารมณ์ดีอยู่ “เจ้าคุณพ่อฟังเรื่องของลูกก่อนเถอะค่ะ วันนี้พิศเข้าไปเรียนทำข้าวแช่ที่ตำหนักหม่อมจรัสมา ครูชมว่าพิศมีฝีมือมากเชียวค่ะ”
พิศหันไปพยักหน้าให้นางด้วง เอาหัวหอมยัดไส้เข้ามาให้พระยาสมานดูผลงาน
“กว่าจะถึงวันที่พิศจะออกเรือนไปกับคุณฉัตรแล้ว พิศคงจะฝีมือดีขึ้นกว่านี้อีกมาก” พิศเล่ายิ้มๆ
พระยาสมานจ้องหน้าบุตรี พูดจริงจัง
“พิศ..ฟังพ่อ วันนี้ท่านเจ้าคุณโกสินทร์มาหาพ่อเรื่องลูกกับพ่อฉัตร”
พิศยังยิ้มแย้มอย่างเดิม “ท่านเจ้าคุณโกสินทร์มาบอกฤกษ์แต่งงานรึคะ”
พระยาสมานพูดชัดๆ ช้าๆ “ท่านเจ้าคุณโกสินทร์มาขอยกเลิกการสู่ขอลูกให้พ่อฉัตร เพราะว่าพ่อฉัตรนั้นรักใคร่ชอบพออยู่กับคนอื่น..ไม่ใช่ลูก”
คำพูดของบิดากระแทกเข้าที่หน้าพิศเต็มๆ พิศตกใจสุดขีด
“อะไรนะคะ เจ้าคุณพ่อล้อพิศเล่นใช่ไหมคะ”
พระยาสมานไม่ตอบ แต่มองพิศอย่างจริงจัง
“เป็นไปไม่ได้ พิศไม่เชื่อ”
“แต่มันก็เป็นไปแล้วลูก ท่านเจ้าคุณโกสินทร์เพิ่งกลับไปก่อนลูกพิศมาประเดี๋ยวเดียว”
พิศส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ รับไม่ได้ ก่อนที่หน้าตาจะเปลี่ยนเป็นโกรธจัด
“แล้วเจ้าคุณพ่อว่าอย่างไรคะ”
พระยาสมานเห็นท่าทางพิศแล้ว จึงพยายามปลอบเต็มที่
“พ่อก็ไม่ยอมน่ะสิ พ่อมีลูกคนเดียว พ่อจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเสียหายอย่างนี้กับลูกพิศของพ่อเป็นอันขาด พ่อบอกท่านเจ้าคุณโกสินทร์ไปว่า..หากไม่ยกขันหมากมาสู่ขอเจ้าตามที่ตกปากไว้ เราสองบ้านเป็นอันขาดกัน”
สีหน้าพิศเครียดเคร่ง นัยน์ตาวาววามโกรธสุดๆ

ทางด้านฉัตรเดินรอคอยฟังข่าวจากบิดาอยู่ในบ้านด้วยความกระวนกระวายใจ สักครู่พระยาโกสินทร์ก็เดินเข้ามา มีนายสนเดินตามมาด้วย
ท่านเจ้าคุณหันไปโบกมือไล่นายสนให้ออกไปก่อน นายสนออกไป ฉัตรปราดเข้ามาหาบิดาทันที

“ท่านเจ้าคุณสมานว่าอย่างไรบ้างขอรับเจ้าคุณพ่อ”
พระยาโกสินทร์ส่ายหน้าอย่างกลุ้มใจสุดๆ
“ท่านเจ้าคุณสมานไม่ยอม ถึงกับประกาศตัดเป็นตัดตายกับบ้านเรา หากไม่ยกขันหมากไปสู่ขอแม่พิศตามที่ตกลงกันไว้”
“แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีล่ะขอรับเจ้าคุณพ่อ” ฉัตรกังวล
“พ่อยังคิดอะไรไม่ออก” ท่านเจ้าคุณส่ายหน้ากลุ้มใจแล้วเลยเอ็ดลูก “นี่เพราะเจ้าทีเดียวที่ริอ่านบุกเรือนท่านเจ้าคุณสมานในยามวิกาลจนเกิดเรื่องร้อนใจอย่างนี้ นี่ถ้าพ่อเป็นท่านเจ้าคุณสมาน พ่อเองก็คงไม่ยอมยกเลิกขันหมากง่ายๆ เหมือนกัน มันเป็นเรื่องเสียหายอย่างที่สุด รู้ถึงไหน อายเขาถึงนั่น ถ้าต้องหม้ายขันหมากอย่างนี้ แม่พิศก็คงไม่มีหน้าไปพบใครได้อีกหรอก”
ฉัตรยกมือไหว้ขอโทษบิดาด้วยความเสียใจอย่างสุดๆ
“กระผมเสียใจขอรับเจ้าคุณพ่อ แต่กระผมแต่งงานกับแม่พิศไม่ได้จริงๆ”
พระยาโกสินทร์ขึ้นเสียง “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว พ่อเสียผู้ใหญ่ก็เพราะเจ้าจริงๆ”
ฉัตรไหว้ขอโทษอีกครั้ง
“เอาเถอะๆๆ ขอเวลาพ่อคิดสักหน่อยว่าจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไรดี”
จากนั้นพระยาโกสินทร์ก็เดินเข้าห้องไปเลย ฉัตรมองตามสีหน้ากลัดกลุ้ม ฉายเข้ามายืนข้างๆ ตบแขนฉัตรเบาๆ เพื่อปลอบใจพี่ชาย
“แล้วนี่พี่ฉัตรจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ”

ฉัตรไม่ตอบ สีหน้าครุ่นคิดเป็นกังวล
วันต่อมาบัวกับน้อยยังทำงานอยู่ตรงลานกลางแจ้ง ในอาณาบริเวณเรือนพระยาสมาน สองคนคุยกันเรื่องพิศ

“น้อย..ข้าเป็นห่วงคุณพิศจริง” บัวเอ่ยขึ้น
“จะไปห่วงเขาทำไม”

อ่านละคร บ่วงวันวาร ตอนที่ 4/2 วันที่ 5 ม.ค. 56

ละคร บ่วงวันวาร บทประพันธ์-บทโทรทัศน์โดย : ฐา-นวดี สถิตยุทธการ
บ่วงวันวาร กำกับการแสดง : จาริวัฒน์ อุปการไชยพัฒน์
บ่วงวันวาร แนวละคร : ดราม่า
บ่วงวันวาร ผลิต : บ.เอ็กแซ็กท์ - บ. ซีเนริโอ
บ่วงวันวารอำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร และ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บ่วงวันวารออกอากาศ : พุธ - พฤหัส เวลา 20.15 - 21.45 น. (เพิ่มเวลาออกอากาศ เป็น 90 นาที)
ติดตามชม ละครเรื่อง บ่วงวันวารได้ทาง ททบ.5 เริ่มออกอากาศวันแรกเดือนมกราคม 2556
ที่มา manager