อ่านละคร มารกามเทพ ตอนที่ 10 วันที่ 1 พ.ค. 56


อ่านละคร มารกามเทพ ตอนที่ 10 วันที่ 1 พ.ค. 56

“ฝนตกหนัก...ยิ่งหนักเท่าไหร่ ดินก็ยิ่งแน่น...ขุดหลุมฝังแล้วกัน ดินมันแน่นดี”
“นาย” ลูกน้องตะลึง
“ทำไม? หรือจะให้ฉันขุดหลุมฝังแกแทน”
นักปราชญ์จ้องมองเขม็ง ลูกน้องหลบตาวูบ เพชรเงยหน้าขึ้นมองอย่างโกรธแค้น แม้สู้ไม่ได้
“คนตายเท่านั้นที่จะพูดความจริงไม่ได้...แกเข้าใจใช่มั้ย...ไอ้เพชร” นักปราชญ์เย้ย

ลูกน้องนักปราชญ์ ลากตัวเพชรเข้าไปด้านใน ก่อนที่หนึ่งในนั้น จะวิ่งไปที่รถ ลากจอบลงมา ฟันดินฉับๆ เสียงจอบกระแทกดินดังฉึกๆ ช่างฟังดูน่ากลัวนัก


ขณะเดียวกันที่ด้านนอกบ้านเชิงเขาฝนตกหนัก น้ำหนึ่งมองฝ่าสายฝนออกไปเป็นห่วงเพชรมาก พลอยเลื่อนรถเข็นเข้ามาหา น้ำหนึ่งสะดุ้งเมื่อหันไปเห็น พลอยแสร้งถามด้วยน้ำเสียงอาทร
“ห่วงเพชรเหรอ”
“ค่ะ...พี่เพชรไม่ได้โทร.กลับมาเลย”
“พี่ก็ห่วงเพชร....น้ำหนึ่งว่า....คุณพ่อของน้ำหนึ่งจะทำอะไรเพชรมั้ย”
น้ำหนึ่งอึ้ง พลอยใส่ไฟต่อ
“พี่กลัว...ยิ่งท่านรู้ว่า เพชรเป็นน้องชายพี่...แล้วท่านจะ” พลอยน้ำตาคลอ
“พี่พลอยคะ...น้ำหนึ่ง...” น้ำหนึ่งนึกกลัวพลอยขณะบอก “อยากกลับบ้าน”
พลอยลอบยิ้มพอใจ แต่แสร้งทำหน้าซื่อเนียนๆ
“กลับบ้าน?”
น้ำหนึ่งหาทางเลี่ยง ไม่อยากอยู่กับพลอย “น้ำหนึ่งจะกลับไปคุยกับคุณพ่อ น้ำหนึ่งจะไม่ยอมให้คุณพ่อ
ทำร้ายใครอีกแล้วค่ะ น้ำหนึ่งกลับบ้านนะคะ”
“พี่เคยห้ามน้ำหนึ่งเหรอ” พลอยว่า
“ขอบคุณค่ะ....พอเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย น้ำหนึ่งจะกลับมาดูแลพี่พลอยตามสัญญา”
น้ำหนึ่งพูดจบก็ผลุบเข้าด้านใน พลอยยิ้ม ตะโกนก้องในใจ
“เธอคงได้กลับไปบอกพ่อหรอกน้ำหนึ่ง...” ก่อนจะพลอยพูดออกมาเสียงเย้ยหยัน “ท่านขา...ท่านรู้ตอนมารับศพแล้วกันนะคะว่าคุณน้ำหนึ่งลูกสาวสุดที่รักของท่าน...เป็นเมียน้อย....เมียน้อยน้องชายของพลอย ฮะๆๆๆ”

พลอยตะเบ็งเสียงหัวเราะแข่งกับสายฝนอย่างบ้าคลั่ง และกิริยาแลดูน่ากลัว
เวลาเดียวกันนั้นที่บริเวณด้านนอกบ้านเชิงเขา ฝนยังเทสายตกกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา น้ำหนึ่งผลุบเข้ามาในห้อง ครุ่นคิดถึงคำพูดที่ตนรับปากกับเพชร ว่าจะดูแลพลอย

“ฝากพี่พลอยด้วยนะน้ำหนึ่ง” ถึงตอนนี้น้ำหนึ่งชักลังเล ภาพเหตุการณ์ตอนที่พลอยพุ่งตัวออกจากรถเข็นเข้าไปขย้ำรจนาต่อหน้ายังติดตา น้ำหนึ่งเริ่มสับสนจะทำยังไงดี
เวลาผ่านไปเสียงนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน น้ำหนึ่งสะดุ้งเฮือกตกใจตื่น หอบหายใจหอบ คิดหนัก ส่วนที่ด้านนอก พลอยนั่งอยู่บนรถเข็น สายตาที่มองมายังประตูห้องยิ้มมีเลศนัย

ฝนยังตกหนัก ดินที่ถูกขุดกระเด็นมาถูกร่างของเพชรที่นอนหมดสติอยู่ แลเห็นลูกน้องของนักปราชญ์ขุดดิน อยู่อย่างเซ็งๆ โดยมีนักปราชญ์ยืนคุมอยู่ ท่าทางของลูกน้องไม่อยากขุด ขณะที่อาการของนักปราชญ์ดูเหี้ยมเกรียมมาก ยืนมองหลุมที่ถูกขุดอย่างสะใจ หลุมนั้นทั้งกว้างและลึกลงไปทุกที

ฝ่ายเกรียงศักดิ์และดาราณีนอนหันหลังให้กันอยู่ด้านในห้อง สองคนมึนตึงใส่กันอยู่ สีหน้าของสองคนกลุ้มใจ กังวล คล้ายคิดอะไร
ดาราณีหันมาถามแบบอดใจไม่ได้ “คุณว่า...รปภ.จะโกหกเรามั้ยคะ”
เกรียงศักดิ์หันมาหา ดาราณีว่าต่อ
“ฉันคิดว่า..มันน่าจะมีอะไรมากไปกว่านั้น ท่าทางรปภ.แปลกๆ”
“ผมก็...คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
“พูดตรงๆ นะคะ...ฉันไม่อยากให้มีเรื่องอะไรรุนแรงอีก....อะไรคุยกันได้...ฉันก็อยากจะทำ...ฉัน
อยากจะให้น้ำหนึ่งกลับมา”
เห็นสีหน้าของดาราณีมีแต่ความกังวลใจ เกรียงศักดิ์สงสาร ค่อยๆ เอื้อมมือมากุมมือภรรยาเอาไว้ บีบเบาๆ เป็นการปลอบประโลม

น้ำหนึ่งอยู่ในห้อง เก็บข้าวของส่วนตัวใส่กระเป๋า ทันใดนั้น ไฟทั้งบ้านก็ดับลง น้ำหนึ่งสะดุ้งโหยงขึ้นอีกพึมพำ “อะไรกันเนี่ย? ฝนตก ไฟดับ”
น้ำหนึ่งค้นหาไฟฉายในห้อง แต่ไม่เจอ ท่ามกลางมืดและความเงียบสงัด น้ำหนึ่งได้ยินเสียงคล้ายรถลากเอี๊ยดๆ อยู่ในบ้าน ก่อนจะเงียบหายไปเมื่อมาถึงหน้าห้องตัวเอง น้ำหนึ่งเดินไปที่ประตู เอาหูแนบฟัง
เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้น เหมือนคนลุกขึ้นจากรถเข็น น้ำหนึ่งใจเต้นไม่เป็นส่ำ ขณะค่อยๆ เปิดประตูออกไป
พลอยที่เดินอยู่ในบ้าน ไม่ห่างจากห้องของน้ำหนึ่ง ยืนยิ้ม
ด้านนอกห้อง ท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงเลือนรางของแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา น้ำหนึ่งเห็นรถเข็น
ของพลอยวางตั้งอยู่ โดยปราศจากร่างของพลอย น้ำหนึ่งจ้องตาไม่กระพริบ ความอยากรู้อยากเห็นพุ่งเข้ามา รับเสียงฝีเท้าคน ลากเสียงหนักๆ อยู่ไม่ไกล น้ำหนึ่งมองตามเสียง ตัดรับภาพพลอย ลากเท้าอย่างแรง จงใจให้รองเท้าที่ใส่อยู่ในบ้าน สัมผัสกับพื้นให้มากที่สุด น้ำหนึ่ง สายตาหวาดหวั่นทั้งกลัวทั้งอยากรู้ แต่ความอยากรู้มีมากว่า น้ำหนึ่งตัดสินใจเดินตามเสียงนั้นไป

ฝนหยุดตกแล้ว เพชรยังคงนอนแน่นิ่งไม่ได้สติ ขณะที่หลุมถูกขุดกว้างและลึกพอที่จะใส่ร่างคนลงไป นักปราชญ์สั่ง
“โยนมันลงไป”
ลูกน้องคนหนึ่งลังเล “แต่...ไอ้เพชรมันยังไม่ตายนะครับ
“ไอ้เบื๊อกนี่” นักปราชญ์ยันโครม ลูกน้องล้มตึง “หลุมก็ขุดจนเสร็จแล้ว จะพูดหานรกอะไร”
“ผมแค่อยากให้นายเปลี่ยนใจ”
“ได้...ฉันจะเปลี่ยนใจ งั้นแกก็ลงไปนอนแทนไอ้เพชร”
ขาดคำนักปราชญ์ยกเท้าจะถีบอีก ลูกน้องรีบหลบ นักปราชญ์สั่งเหี้ยม
“โยนมันลงไป”
“ครับ!”
ลูกน้องรับคำ แล้วเดินไปแบกร่างไร้สติของเพชรโยนลงหลุม ลูกน้องมองเพชร อย่างเวทนา แต่ต้องตัดใจ โกยดินลงกลบร่างของเพชร ทีละน้อย ทีละน้อย

ส่วนที่บ้านเชิงเขา น้ำหนึ่งจรดฝีเท้าแผ่วเบา ตามเสียงฝีเท้าพลอย จนผ่านพ้นประตูบ้านออกไป แล้วน้ำหนึ่งก็สะดุ้งเฮือกเมื่อมองออกไป ท่ามกลางความมืดมิด มีเพียงแสงลางเลือนจากดวงจันทร์ ร่างของพลอยยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เมื่อรับกับความทะมึนของขุนเขา ร่างพลอยดูเด่นเป็นสง่า แต่ทว่า มันช่างดูน่ากลัว

ขณะเดียวกันพจนีย์นอนไม่หลับ ครุ่นคิดบอกตัวเอง
“ใช่..มันต้องเป็นแผนของยัยน้ำหนึ่งเรียกร้องความสนใจจากพี่เพชรแน่ๆ...” พจนีย์ลุกขึ้นนั่ง “คอยดูนะ...ถ้าฉันเห็น แกออเซาะพี่เพชรในห้องนอน...”
พจนีย์ลุกพรวดเดินออกไปจากห้องทันที

ด้านน้ำหนึ่งยืนอึ้ง ตะลึงงัน ถึงจะเคยเห็นมาบ้างแล้ว แต่คราวนี้คือพลอยเดินอยู่ตรงหน้า ไม่ได้พิการ
“พี่พลอย”
พลอยหันมายิ้มบางๆ แต่รอยยิ้มนั้นช่างน่าสยดสยองนัก พลอยถามเบาๆ “ไง...ตกใจมากนักเหรอ”
น้ำหนึ่งปากคอสั่น ไม่ทันได้ตอบ พลอยก็ว่าต่ออีก
“โอ๋ๆๆๆ ตัวสั่น มามะพี่จะปลอบ”
พลอยเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ น้ำหนึ่งมองจังหวะการก้าวเดินของพลอย เหมือนคนปกติไม่มีผิด
พลอยดึงตัวน้ำหนึ่งเข้ามากอด น้ำหนึ่งตัวแข็งทื่อ ค่อยๆ เงยหน้ามองดูพลอย ท่าทีหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“ไหนบอกจะไม่กลัวพี่” พลอยหัวเราะเบาๆ จับหน้าของน้ำหนึ่งเบนออก “ไม่ต้องกลัว น้ำหนึ่ง...เป็นลูกของคนที่พี่รัก....ยังไง..พี่ก็ไม่มีทางทำอะไรน้ำหนึ่ง”
ปากพูดแต่มือของพลอยที่จับวงหน้าของน้ำหนึ่งกลับออกแรงกดแรงขึ้นจนน้ำหนึ่งร้อง
“โอ๊ย พี่พลอย...น้ำหนึ่งเจ็บ”
พลอยกัดฟันกรอด ตาลุกวาว “เจ็บเหรอ...แค่นี้มันยังน้อยไป กับสิ่งที่พ่อแม่เธอทำกับฉัน”
พลอยผลักหน้าน้ำหนึ่งออกเต็มแรง จนน้ำหนึ่งล้มลงไป พลอยตามไปกระชากตัวน้ำหนึ่งเอาไว้
“รู้เอาไว้..ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่แก ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้” พลอยคุกคามหนัก
น้ำหนึ่งปัดป้อง “อย่าพี่พลอย..น้ำหนึ่งเจ็บ เจ็บ”
“ความเจ็บของแกมันไม่ได้เสี้ยวของฉัน...” พลอยบีบคอยน้ำหนึ่งแน่น “พ่อแม่แกมันเลว ได้ยินมั้ยน้ำหนึ่ง พ่อแม่แกมันเลว” พลอยด่าทั้งน้ำตา เจ็บปวดใจเพรารู้ดีว่าเกรียงศักดิ์รักดาราณีมากกว่าตัวเอง
พลอยกดมือแรงเข้า จนน้ำหนึ่ง เริ่มหายใจไม่ออก
ขณะเดียวกันร่างของเพชรนอนแน่นิ่ง ขณะที่ดินเริ่มกลบร่างมากขึ้นไปทุกที จังหวะนี้เพชรค่อยๆ กระพริบตา เพิ่งจะได้สติ เพชรหันหน้ามามอง ลูกน้องนักปราชญ์เห็นร้องลั่น
“มันฟื้นแล้ว”
นักปราชญ์เหลียวขวับมองมามองอย่างโกรธแค้น
“ไอ้เพชร”
นักปราชญ์คว้าจอบจากมือของลูกน้องเงื้อขึ้นหมายจะฟาดลงยังร่างเพชร ทว่าเพชรรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายกระโดดขึ้นมาจากหลุม ยันโครมเข้าที่ท้องของนักปราชญ์สุดแรง จนนักปราชญ์ล้มลง เพชรกระชากจอบที่หล่นอยู่ข้างๆ ขึ้นมา ฟาดเข้าที่ร่างของนักปราชญ์ไม่ยั้ง
“โอ๊ย!”
นักปราชญ์ร้องด้วยความเจ็บปวด เพชรฟาดและกระทืบๆ ด้วยความแค้น ลูกน้องนักปราชญ์ตะโกนก้อง
“ไอ้เพชร!”
เพชรเหลียวขวับไปมองเห็นลูกน้องนักปราชญ์ เล็งปืนมายังตน ตั้งท่าจะยิง เพชรเหวี่ยงจอบเข้าที่ร่างของลูกน้อง ลูกน้องหลบ ล้มระนาว เพชรกระเสือกกระสนวิ่งหนีออกไป หายไปในความมืด
“ไอ้เพชร!”

นักปราชญ์มองตาม คำรามออกมาอย่างโกรธแค้น
ด้านพลอยบีบคอน้ำหนึ่งแรงขึ้นๆ น้ำหนึ่งเริ่มหมดแรง พลอยมองสภาพน้ำหนึ่งตรงหน้าอย่างสะใจ ขณะที่น้ำหนึ่งพูดอ้อนวอน แทบไม่มีเสียง

“น้ำหนึ่ง...ขอโทษ....อย่า...ทำน้ำหนึ่ง”
พลอยมองน้ำหนึ่งด้วยความสับสน สำนึกชั่วดีตีกันในหัว “เธอไม่น่าเกิดมาเป็นลูกของท่านเลย”
“คุณพ่อ...ไม่...ตั้งใจ” น้ำหนึ่งใจจะขาดอยู่รอมร่อ
พลอยโกรธขึ้นมาอีก “ไม่ตั้งใจ...สิ่งที่ทำกับฉัน ไม่ได้ตั้งใจ” พลอยค่อยๆ ปล่อยมือจากคอน้ำหนึ่ง ร้องไห้โฮ “การที่ท่านมีอะไรกับพลอยไม่ตั้งใจ....พลอยมันไร้ค่า...ไร้ราคาขนาดนั้นเลยหรือคะ? พลอยไม่มีอะไรเทียบเท่าคุณหญิงได้เลยใช่มั้ยคะ”
น้ำหนึ่งตกใจระคนสงสาร “พี่พลอย”
พลอยกรีดร้องอย่างคนบ้าคลั่ง “พลอยไม่มีอะไรเทียบเท่าคุณหญิงได้เลยใช่มั้ย? ท่านถึงได้ทำกับพลอยอย่างนี้ โอ๊ย” พลอยเอามือกุมหัว ร่างชักกระตุก ค่อยๆ ชักมากขึ้นอย่างรุนแรงจนตัวงอก่องอขิง
“พี่พลอยๆๆ” น้ำหนึ่งตกใจมากปราดเข้าไปหาประคองร่างพลอยไว้
จังหวะนี้พจนีย์เดินเข้ามาจากด้านหลัง เห็นพลอยนอนบิดร่างไปมา ท่าทางเจ็บปวด โดยมีน้ำหนึ่งคร่อมเอาไว้
พจนีย์ตกตะลึง แผดเสียงดังลั่น “นังน้ำหนึ่ง..แกทำอะไรพี่พลอย”
น้ำหนึ่งหันมามองอย่างตกใจ “คุณพจนีย์”
พจนีย์ปราดข้ามาหาพลอย ประคองกอดเอาไว้ “แกทำอะไรพี่พลอย” พจนีย์เอามือตบหน้าเบาๆ เรียกสติ “พี่พลอยๆ”
พลอยเริ่มได้สติคืนมา เห็นพจนีย์และน้ำหนึ่ง “พจน์”
“นังน้ำหนึ่งมันจะฆ่าพี่พลอย”
“เปล่านะ”
“ไม่ต้องปฏิเสธ” พจนีย์กอดพลอยแน่น “โถ พี่พลอย”
พลอยมองพจนีย์รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร “พจน์...ช่วยพี่ด้วย ช่วยพี่ด้วย” พลอยกอดพจนีย์แน่นเหมือนคนเสียขวัญ
พจนีย์มองจ้องน้ำหนึ่งตาขวาง “แก...” พจนีย์มองกวาดสายตาหาเพชร “พี่เพชร...” ก่อนจะหันมามองน้ำหนึ่งเขม็ง “พอพี่เพชรไม่อยู่ แกก็จะฆ่าพี่พลอย แกเลวมาก”
พจนีย์บันดาลโทสะ ปราดเข้ามาหาและผลักร่างน้ำหนึ่งเต็มแรงจนล้มลงไป น้ำหนึ่งร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย”
“ถ้าพี่เพชรกลับมา...ฉันจะฟ้องพี่เพชร เธอทำร้ายพี่พลอย” พจนีย์หันมากอดประคองพลอย
น้ำหนึ่งหน้าซีดเผือด ไม่คาดคิดว่าจะเจออะไรอย่างนี้ “ฉันเปล่า”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว....ไสหัวไปจากที่นี่เลย ไป๊”
น้ำหนึ่งมองพลอย ขณะที่พลอยไม่ได้มองตอบ แต่กอดพจนีย์แน่น เหมือนเด็กเสียขวัญอาการน่าสงสาร
พจนีย์มองมาสุดแสนจะหมั่นไส้ ลุกขึ้นมาจะตบ “ไป๊!”
น้ำหนึ่งจำต้องผละตัวถอยห่าง วิ่งหนีไป พจนีย์กอดพลอยปลอบ
“เจ็บมากมั้ยพี่พลอย ไม่ต้องห่วงนะ...พจน์จะดูแลพี่พลอยแทนพี่เพชรเอง”
พลอยมองตามสาแก่ใจ ยิ้มเยาะขณะคิดในใจ
“แกไม่มีทางรอดพ้นพวกเดนทรชนได้หรอก น้ำหนึ่ง”

ท่ามกลางความมืดมิด น้ำหนึ่งวิ่งเตลิดมาตามทาง เช่นเดียวกับเพชรก็วิ่งหนีมาตามทางเช่นกัน ฝนฟ้าเพิ่งหยุดตก แต่ถนนยังเปียก แฉะ และลื่น จังหวะนั้นน้ำหนึ่งลื่นล้ม กลิ้งตกลงมาจากเนินเขา ขณะที่ร่างของเพชรก็ล้มลงด้วยร่างกายที่ยังเจ็บปวด เพชรกับน้ำหนึ่งหมดสติกันไปทั้งคู่
น้ำหนึ่งสลบอยู่บนเนินเขา เป็นจุดที่ไม่มีคนผ่านไปมา

รุ่งเช้าวันต่อมา ดาราณีกับเกรียงศักดิ์นั่งอยู่ที่ห้องโถงในคฤหาสน์ นวลเดินนำรปภ.เข้ามา ส่งเสียงดุเอากับรปภ.
“เร็วๆ”
รปภ.หน้าซีดหน้าเจื่อนจ๋อย งงปนกลัว “ท่านมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
เกรียงศักดิ์จ้องหน้าถามเสียงเข้ม “ฉันอยากรู้เรื่องเมื่อคืน...มันเกิดอะไรขึ้น?”
รปภ.ก้มหน้างุดหลบตา นึกกลัวนักปราชญ์ขึ้นมาอีก ท่าทางมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด ดาราณีใช้ไม้อ่อน ตะล่อม
“บอกฉันมาเถอะ มีอะไร ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ดุ ไม่ว่าเธอหรอก”
รปภ.ชั่งใจอยู่นิดหนึ่งจึงบอก “เมื่อคืน...คนที่ชื่อเพชรมาที่นี่ครับ”
เกรียงศักดิ์ฉุน ส่วนดาราณีตกใจระคนกังวล ขณะที่นวลตาเขียวไม่พอใจ รปภ.เล่าต่อ
“แต่...แต่คุณนักปราชญ์ จัดการ แล้วครับ”
ดาราณีถามรัวเร็ว “จัดการยังไง”

เวลาเดียวกันนักปราชญ์อยู่ที่บ้านแล้ว เนื้อตัวยังมีร่องรอยช้ำเขียวให้เห็น ขณะบอกพ่อแม่
“ก็จัดการเก็บไอ้เพชรน่ะสิครับ ขุดหลุม ฝังมัน”
สมบัติได้ฟังถึงกับหน้าซีดเผือด ห่วงไปถึงทับทิม ขณะที่อารีย์จ้องมองสามีจับสังเกตอาการ
นักปราชญ์หัวเราะหยันเมื่อเห็นสีหน้าสมบัติ “มันไม่ตายหรอกครับพ่อ..มันดวงดีที่ฟื้นขึ้นมาซะก่อน ไม่งั้น...มันจะต้องถูกฝังทั้งเป็น”
“ทำไมต้องทำกับเค้าขนาดนี้ด้วย”
อารีย์มองสมบัติตาขวาง เถียงแทนลูกชายเสียงดุ “เพราะถ้ามันยังอยู่ มันไม่มีทางให้นักปราชญ์ลอยนวลแน่”
“แต่ แต่...” สมบัติยุ่งยากใจ “แค่นี้ เค้าก็หนีหัวซุกหัวซุนแล้ว ปล่อยเค้าไปเถอะ”
อารีย์บอกเสียงเข้ม “ไม่” พร้อมกับมองมายังสมบัติ “ถ้านายเพชรเป็นลูกของคนอื่นคุณคงไม่พูดอย่างนี้ แต่เพราะมันเป็นลูกของนังทับทิม”
นักปราชญ์โกรธ พูดเยาะเย้ยบิดา “รักครั้งแรกที่ยังฝังจิตฝังใจคุณพ่อ”
สมบัติหลบตาวูบ อารีย์มองสมบัติตาขวางขณะบอก
“ฉันไม่ได้หึงได้หวงคุณ แต่ฉันโกรธ ฉันเจ็บ ฉันแค้น ที่คุณนึกถึงแต่ผู้หญิงคนนั้น จนไม่นึกถึงหัวอก
ลูก ถ้าคุณไม่อยากปกป้องลูก...ฉันนี่แหละจะปกป้องลูกเอง” อารีย์สะบัดหน้าเดินออกไป
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณพ่อ..ผมเป็นลูกผู้ชายพอ...ผมไม่ให้คุณแม่ปกป้องผมหรอก...” นักปราชญ์พูดเสียงเข้ม “ผมจะปกป้องตัวเอง ไอ้เพชรมันต้องตาย!”
นักปราชญ์เดินตามอารีย์ออกไป ขณะที่สมบัติเครียดจัด

ขณะเดียวกันเพชรค่อยๆ ฟื้นคืนสติขึ้นมา เพชรเจ็บปวดไปทั้งร่างลุกขึ้นอย่างลำบากยากเย็น แต่สายตาของเพชรกลับเต็มไปด้วย ความเคียดแค้น ขณะที่น้ำหนึ่งนอนหมดสติ ท่ามกลางถนนหนทางลาดชันที่แสนขรุขระ ของขุนเขา

ด้านดาราณีกับเกรียงศักดิ์ ยังมีท่าทางว้าวุ่นกลุ้มใจหนัก ดาราณีบ่นบอกเกรียงศักดิ์อย่างยุ่งยากใจ
“นักปราชญ์ไม่รู้รึไง ยิ่งทำอย่างนี้ เรื่องมันจะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่”
“ก็ไอ้เพชร มันแส่หาเรื่องเอง”
ดาราณีแย้ง “เพราะแม่เค้ามาที่นี่ต่างหาก”
“เพราะน้ำหนึ่งต่างหาก ที่ทำคนอื่นเค้าเดือดร้อนกันไปหมด บ้าผู้ชาย” เกรียงศักดิ์ชังน้ำหน้าลูกสาวขึ้นมา
ดาราณีฉุนกึก “คุณ”
ดาราณีกับเกรียงศักดิ์ตั้งท่าจะมีเรื่องกันอีก นวลรีบห้ามทัพ
“อย่าโทษคุณน้ำหนึ่งเลยค่ะ ดีไม่ดีตอนนี้....คุณน้ำหนึ่งอาจจะกำลังทุกข์ระทมขมขื่นอยู่ก็ได้”
“หมายความว่ายังไงนวล” ดาราณีถาม
“นายเพชรมาตามหาแม่ แถมถูกจับตัวไปอย่างนั้น...คุณน้ำหนึ่ง คงต้องอยู่คนเดียว” นวลบอก
ดาราณีห่วงลูกสาวมาก “น้ำหนึ่ง”
เกรียงศักดิ์ฮึดฮัดขึ้นมาอีก อารมณ์เสีย ทั้งรัก ทั้งห่วง ทั้งโกรธลูก ดาราณีนิ่งคิดไปนิดหนึ่งก่อนบอก
“แต่ฉันสงสัย...แม่ของเพชรมาที่นี่ทำไม...ในเมื่อเพชรเป็นฝ่ายฉุดลูกเรา”
นวลกับเกรียงศักดิ์หันมามองภรรยา ดาราณีครุ่นคิดขณะพึมพำ
“และที่สำคัญ...”
พร้อมกันนั้น เสียงทับทิมบอกดังก้องในหูดาราณี
“ฉันยังเห็นใจที่เราเป็นลูกผู้หญิงเหมือนกัน แต่แกไม่..แกทำร้ายลูกผู้หญิงด้วยกัน ทั้งๆ ที่ผัวแกมัน
เลว ผัวแกมันชั่ว แกไม่เคยนึกถึงหัวอกคนอื่นบ้างเลย นอกจากผัวแก
เกรียงศักดิ์ถามท่าทีงวยงงสงสัย “อะไร”
“เค้าบอก เค้าไม่เคยทำร้ายลูกผู้หญิงด้วยกัน” ดาราณีมองหน้าเกรียงศักดิ์ “แต่สามีฉันเลว ชั่ว.....ฉันไม่เคยคิดถึงใจใคร นอกจากใจคุณ” ดวงตาของคุณหญิงไหวระริก ใจเต้นระรัวขณะพูดประโยคต่อมา “หรือว่า...”
เกรียงศักดิ์ถามเสียงรัวเร็วยิ่งกว่า “อะไรคุณหญิง”
“ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ และนายเพชรก็คือน้องของพลอย” ดาราณีบอก

เกรียงศักดิ์ตกตะลึง คาดไม่ถึง ขนลุกซู่ ใจเต้นรัวเร็ว หวาดกลัวสุดขีด
ด้านเกรียงศักดิ์ลงพื้นที่พบประชาชนวันนี้ แต่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเลย มัวแต่ครุ่นคิดถึงคำพูดที่ดาราณีบอกอยู่ตลอดเวลา

“ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ และนายเพชรก็คือน้องของพลอย”
เกรียงศักดิ์หน้าเครียด ใจคอไม่ดี บ่นพึมพำออกมาเบาๆ “...มัน...มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้น”
จังหวะนี้นักข่าวคนหนึ่ง เริ่มยิงคำถาม
“ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นท่านออกพื้นที่เลยครับ”
“งานที่กระทรวงยุ่งๆ น่ะครับ”
“นึกว่าจะยุ่งเรื่องคุณน้ำหนึ่ง แล้วก็ตามหาฆาตกรที่ฆ่าตาหวานซะอีก” อีกคนถาม
เกรียงศักดิ์อึ้งไปทันที ถูกถามด้วยคำถามเจาะใจดำ บรรดานักข่าวสังเกตเห็น ยิงคำถามกันอีกเป็นชุด
“ทั้งคุณน้ำหนึ่งและเรื่องฆาตกรไปถึงไหนแล้วครับ”
“เมื่อไหร่คุณน้ำหนึ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ”

อ่านละคร มารกามเทพ ตอนที่ 10 วันที่ 1 พ.ค. 56

ละคร มารกามเทพบทประพันธ์ : อัจฉรียา
ละคร มารกามเทพบทโทรทัศน์ : อัจฉรียา
ละคร มารกามเทพกำกับการแสดง : ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์
ละคร มารกามเทพแนวละคร : เมโลดราม่า
ละคร มารกามเทพอำนวยการผลิต : สุรางค์ เปรมปรีดิ์, ถกลเกียรติ วีรวรรณ, นิพนธ์ ผิวเณร
ละคร มารกามเทพออกอากาศ ทุกวันพุธ และ พฤหัสบดี เวลา 20.10 - 21.40 น. ทางช่อง 5
ที่มา manage