อ่านละคร มารกามเทพ ตอนที่ 1/4 วันที่ 5 เม.ย. 56


อ่านละคร มารกามเทพ ตอนที่ 1/4 วันที่ 5 เม.ย. 56

“ไม่ต้องห่วงนะพลอย ว่าแกจะจมอยู่ในกองทุกข์คนเดียว” ในความสลัวของแววตาของทับทิมเข้ม เสียงกร้าว “เพชรมันไปเอาคืนให้แกแล้ว”
พลอยแสร้งทำเป็นแววตาหมองหม่น บอกเสียงอ่อนระโหย รู้สึกไม่ดี
“จริงๆ พลอยไม่อยากให้เพชรมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้...เพชรจะทำได้ยังไง? เพชรเป็นคนดี แล้วเพชร...ก็เป็นคนใจอ่อน...” แล้วแววตาคู่นั้นก็เปล่งประกายวาววับร้ายกาจ กลัวว่าเพชรจะทำไม่ได้ “พลอยกลัวว่าน้องจะทำไม่ได้”

“แกลืมไปแล้วเหรอว่า ตอนนี้เพชรมันเป็นเพชร ไม่ใช่ไอ้น้อย...เด็กขี้โรคใกล้ตาย
เหมือนตอนนั้น”
เสียงเด็กร้องไห้ดังขึ้นมาในหัวของทับทิม ขณะนึกถึงเรื่องราวในอดีต 20 ปีก่อน


เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่บ้านเชิงเขาของทับทิมตอนกลางวัน เด็กชายน้อย หรือเพชรตอนเด็กร้องไห้กระจองอแง ทับทิมเลี้ยงดูด้วยความหงุดหงิด ไม่ใช่ไม่รัก แต่เพราะเด็กชายป่วยบ่อยมากตามประสาเด็กขี้โรค จนทับทิมหงุดหงิดฉุนเฉียวเอา พลอยในวัยเด็กก็นั่งป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น
“โอ๊ย...ไอ้น้อยเอ๊ย..เมื่อไหร่จะหายซักที สามวันดีสี่วันไข้แบบนี้ ฉันจะเลี้ยงแกโตมั้ยเนี่ย”
หญิงคนข้างบ้านเดินเข้ามาแนะวิธีแกล้เคล็ด “ไม่เปลี่ยนชื่อให้มันล่ะ ชื่อ”น้อย” ..ความหมายไม่ค่อยดี ไอ้น้อยมันก็เลยผอมแห้งแรงน้อย ป่วยกระเสาะกระแสะอยู่เรื่อย”
ทับทิมบอกเสียงเศร้า “ก็แม่มันตั้งให้ ฉันเลยไม่อยากเปลี่ยน”
“แล้วตอนนี้แม่มันหายหัวไปไหนล่ะ” เพื่อนบ้านถาม
เห็นทับทิมอึ้ง เพื่อนบ้านบอกอีก
“ถึงแกจะไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่แกป้อนข้าวป้อนน้ำ เลี้ยงดูยิ่งกว่าแม่มันซะอีก ขืนไม่เปลี่ยนชื่อ...ไอ้น้อยมันได้ตายก่อนโตแน่ทับทิม”
พูดจบเพื่อนบ้านก็เดินจากไป ทับทิมกอดเพชร มองนิ่ง แววตาครุ่นคิด
“นวลเอ๊ย...ตั้งแต่นาทีนี้ ฉันจะถือว่าไอ้น้อยมันเป็นลูกฉันแล้วนะ” ทับทิมกอดเด็กชายน้อยมองหน้านิ่ง “แม่ชื่อทับทิม แล้วนั่นก็พี่พลอย ลูกชื่อว่า “เพชร” แล้วกัน....โตขึ้นมาลูกจะได้แข็งแกร่ง เป็นที่พึ่งให้แม่ ให้พี่ได้” ว่าพลางทับทิมอุ้มเพชรขึ้นมาหยอกเอินยิ้มแย้ม “นะเพชรนะ หายวันหายคืน โตขึ้นมาแข็งแกร่งประดุจเพชรนะลูกแม่”
ทับทิมกอดเด็กชายเพชร หยอกล้อเล่นหัว เด็กหญิงพลอยเข้ามากอดเล่นด้วย
เวลาเดียวกัน เพชรซึ่งมีสีหน้าขรึมเครียดขับรถมาส่ง เพชรน้ำบุษย์ที่หน้าคฤหาสน์เกรียงศักดิ์ อีกฝ่ายนั้นลอบมองเพชรตลอดเวลา สองคนเดินลงมาจากรถ เพชรน้ำบุษย์ยกมือไหว้ขอบคุณเพชร
“ขอบคุณพี่เพชรมากค่ะที่มาส่งน้ำหนึ่ง”
แววตาเครียดเคร่งของเพชรเปลี่ยนมาเป็นกรุ้มกริ่มทันที “พี่เต็มใจ...อย่างที่พี่บอก...พี่อยากรู้จักน้ำหนึ่งอยู่แล้ว”
เพชรน้ำบุศย์สะเทิ้นเขินอาย “ทำไมคะ”
เพชรไปไม่เป็นเพราะไม่ใช่ตัวจริง รีบกลบเกลื่อน มองมาตาหวานซึ้ง
“ถ้าพี่บอก...น้ำหนึ่งอย่าขำพี่นะ…”
เพชรน้ำบุษย์อมยิ้มอยากรู้ “ก็อะไรล่ะคะ”
เพชรอ้ำๆ อึ้งๆ ทำทีเป็นเขินอาย “หมอดูบอกพี่...ปีนี้พี่จะเจอเนื้อคู่...เค้าชื่อเล่น...น. หนู ชื่อจริง พ.พาน”
เพชรน้ำบุษย์ จ้องตาเพชร ใจเต้นระรัว เพชรจ้องตาตอบก่อนจะบอกย้ำ
“น. หนู...พ.พาน พี่...เลย คิดว่า...เป็นน้ำหนึ่ง เพชรน้ำบุษย์”
น้ำหนึ่งเขิน อายมาก ระหว่างนั้นนวลเดินออกมาเห็นเข้า
“คุณน้ำหนึ่ง”
เพชรน้ำบุษย์ตกใจนิดๆ “ป้านวล”
นวลเขม้นมองเพชรด้วยท่าทีระแวง ไม่ชอบใจนัก เพชรเองก็มองนวลตอบ แต่น่าแปลกที่เพชรไม่ได้รู้สึกไม่ชอบสายตาคู่นั้น เพชรยิ้มให้ นวลไม่ได้ยิ้มตอบบอกเพชรน้ำบุษย์เสียงอ่อนโยน
“ดึกมากแล้ว คุณน้ำหนึ่งรีบเข้าบ้านเถอะค่ะ”
เพชรน้ำบุษย์ ยิ้มให้เพชร “ขอบคุณมากค่ะ แล้วเจอกันนะคะพี่เพชร”
เพชรยิ้มหวาน แววตาเจ้าชู้เปิดเผย “ครับ”
นวลมองเพชรทั้งไม่พอใจและนึกระแวง ก่อนพาเพชรน้ำบุษย์ เข้าบ้านไป เพชรมองตาม ก่อนที่ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจะเปลี่ยนเป็นดุดัน แววตาแข็งกระด้าง มองไปที่คฤหาสน์ด้วยความเกลียดชัง สายตาเบนมองไปที่ป้ายชื่อหน้าบ้าน รมต.เกรียงศักดิ์ อัจฉริยะไพลิน

ด้านนวลพาเพชรน้ำบุษย์เข้ามานั่งในห้องโถง ตาหวานเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ นวลต่อว่าอย่างเป็นห่วง
“ดีนะคะที่ท่านกับคุณหญิงยังไม่กลับมา ไม่งั้นมีผู้ชายมาส่งอย่างนี้ คุณน้ำหนึ่งถูกดุแน่”
ตาหวานตาโต “ว้าว...พี่น้ำหนึ่งมีผู้ชายมาส่ง”
นวลมองตาหวานแบบปรามๆ ก่อนถามเพชรน้ำบุษย์ด้วยความเป็นห่วง
“เค้าเป็นใครที่ไหนคะ ไปรู้จักมักจี่กันตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมคุณน้ำหนึ่งถึงไว้ใจ ยอมให้เค้ามาส่งถึงบ้านได้”
ตาหวานหัวเราะคิก “ป้านวล ซักพี่น้ำหนึ่งยังกับผู้ต้องหา ยิ่งกว่าท่านกับคุณหญิงอีกนะเนี่ย”
“ก็ป้ารักป้าห่วงของป้านี่” นวลว่า
เพชรน้ำบุษย์กอดนวลประจบ ใบหน้าสวยระบายยิ้ม “น้ำหนึ่งรู้ค่ะว่า ป้านวลเลี้ยงน้ำหนึ่งมาตั้งแต่เล็ก แต่น้อยก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา”
“ไม่ต้องมาเฉไฉค่ะ...บอกป้ามาดีกว่า...คนที่ชื่อเพชรเค้าเป็นใคร”
เพชรน้ำบุษย์บอกอย่างอายๆ “พี่เพชร...ก็คือ “พี่คนนั้น” ไงคะป้านวล”
ตาหวานกรี๊ดกร๊าด “แอร๊ยย... “พี่คนนั้น” ได้เจอกับ “น้องคนนี้” แล้วเหรอคะ? ตาหวานดีใจจังเลยค่ะพี่น้ำหนึ่ง” เด็กสาวคว้าหมอนที่โซฟามากอดทำท่าไปด้วย “จิ้นจิกหมอนเลยนะคะเนี่ย”
นวลไม่อยากเชื่อ “จริงเหรอคะ คุณน้ำหนึ่ง คุณเพชรคือพี่คนนั้น แล้วเป็นไงมาไงถึงได้มาเจอกันคะ”
เพชรน้ำบุษย์บอก ทั้งอายทั้งเขิน “พี่เค้ามาตามหาน้ำหนึ่งค่ะ”
“แอร๊ย” ตาหวานเป็นเอามากกลิ้งลงกับพื้น เขินแทน
นวลมองดุ “ตาหวาน! แกเป็นอะไร”
“จิ้นไงคะป้า ตาหวานกำลังจิ้นอยู่ แล้วไงต่อคะพี่น้ำหนึ่ง”
“เค้าบอกว่า น้ำหนึ่ง เพชรน้ำบุษย์เป็นเนื้อคู่ของเค้าค่ะ”
พูดจบเพชรน้ำบุษย์ก็วิ่งขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว ตาหวานตาโตอ้าปากค้าง
“แอร๊ย” ตาหวานร้องกรี๊ดขึ้นมาอีก แล้วทำท่าชักตายไปเลย “ตายๆ โอ๊ย...เจออย่างนี้ ตาหวานตายไปเลย แอร๊ย...”

นวลมองตามเพชรน้ำบุษย์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่แววตาจะแปรเปลี่ยนเป็นวิตกกังวลและห่วงใยอย่างประหลาด
พอเพชรน้ำบุษย์เข้ามาในห้อง ก็เดินตรงไปเปิดตู้หยิบเสื้อเล่นบาสเบอร์ 13 ของเพชร ที่ให้ไว้มากอดอย่างดีอกดีใจมาก

“เราไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยน้ำหนึ่ง? เราได้เจอพี่เพชรแล้ว”
เพชรน้ำบุษย์ยิ้มทิ้งตัวลงนอนกลิ้งอยู่บนเตียง ยิ้มกว้าง ก่อนลุกขึ้นเดินมาคว้าขวดโหลดาวขึ้นมามองสลับกับเสื้อของเพชรเบอร์ 13 เหลือบมองไปที่ปฏิทินเห็นชัดวันที่ 13
“13 มีนาคม เลขนำโชคของน้ำหนึ่ง...น้ำหนึ่งจะจำเลขนี้ไปจนตายค่ะพี่เพชร”
เพชรน้ำบุษย์กลิ้งกอดเสื้อ กอดขวดดาวมีความสุขเอามากๆ

เพชรมาพักที่คอนโดเล็กๆ ของเขาที่ซื้อไว้ในกทม. และกำลังโทรศัพท์คุยกับทับทิมที่อยู่บ้านเชิงเขา
“ผมเจอเค้าแล้วครับแม่”
“ดี...รีบทำตามแผนให้เร็วที่สุด จำเอาไว้! ยัยน้ำหนึ่งมันต้องเจ็บ ยิ่งกว่าที่พ่อมันทำกับพลอย”
ทับทิมวางสาย พลอยนั่งบนรถเข็นรอฟังอยู่ด้านหลัง ดวงตาวาวโรจน์สาสมใจ

ท่ามกลางความมืดของหุบเขา พลอยเข็นรถออกมาที่หน้าบ้าน
“เวลาที่พวกแกจะต้องเจ็บปวดและอับอายมาถึงแล้ว...เพชรน้องพี่” พลอยตาแข็งกร้าว “พี่เชื่อว่าน้องทำได้”
พลอยยิ้มออกมา ทว่าวงหน้าของพลอยแสยะแลดูน่ากลัว ขณะเงยหน้ามองจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้า

ด้านเพชรเปลี่ยนชุดใหม่ทรุดตัวลงนั่ง นึกถึงตอนที่ตนให้เสื้อเพชรน้ำบุษย์ ซึ่งเด็กสาวรุ่นน้องปลื้มมาก เสียงของเพชรน้ำบุษย์ตอนยิ้มแย้มแนะนำตัวดังก้องในหู
“น้ำหนึ่ง เพชรน้ำบุษย์นั่งอยู่ตรงนี้ไงคะ”
เพชรมีสีหน้าสลดลง เต็มไปด้วยความสับสน สงสารและเห็นใจน้ำหนึ่งอยู่ในนั้น แต่แล้ว
ภาพความเจ็บปวดที่พลอยเล่าว่าเกรียงศักดิ์ขืนใจ รวมทั้งดาราณีมาทำร้ายพลอย รวมทั้งภาพที่เกรียงศักดิ์ขับรถชนพลอย ผุดขึ้นมาพร้อมๆ กับเสียงของทับทิม
“แม่มีลูกสาวเพียงคนเดียว แทนที่จะมีอนาคตสดใส กลับต้องมาเป็นคนพิการ ถูกคนตราหน้าว่าเมียเก็บ เมียน้อย นางบำเรอ แม่อยากให้ลูกสาวของมัน ได้รับกรรมเหมือนกับที่มันทำกับพลอย”
คิดแล้วเพชรบอกตัวเอง “ฉันจะสงสารเธอไม่ได้ น้ำหนึ่ง!”
ดวงตาของเพชรกร้าวขึ้นมาทันที

รุ่งเช้าที่คฤหาสน์เกรียงศักดิ์ ระหว่างรับประทานอาหาร เพชรน้ำบุษย์มีสีหน้าสดใส นวลแอบมองด้วยความเป็นห่วง จังหวะหนึ่งตาหวานกระมิดกระเมี้ยนเดินเข้ามามองเพชรน้ำบุษย์เหมือนมีเลศนัย
“พี่น้ำหนึ่งคะ...มีคนมาหาค่ะ”
เพชรน้ำบุษย์แอบตื่นเต้น “ใครเหรอ”
ตาหวานบอกเบาๆ แทบไม่มีเสียงทำแค่ปาก “พี่คนนั้นค่ะ”
เพชรน้ำบุษย์อมยิ้ม “น้ำหนึ่งไปหาเพื่อนก่อนนะคะ” แล้วลุกเดินออกไปพร้อมรอยยิ้ม
เกรียงศักดิ์และดาราณีมองตาหวานเขม็ง ตาหวานหลบหน้าจะรีบออกไป แต่ดาราณีเรียกไว้
“เดี๋ยวตาหวาน”
ตาหวานสะดุ้งโหยง “คะ”
“ใครมาหาพี่น้ำหนึ่ง” ดาราณีถาม
ตาหวานกลัว อึกอักๆ “เอ่อ…”
เกรียงศักดิ์ถาม “ใคร”
“พี่คนนั้น” ตาหวาน
เกรียงศักดิ์ฉงน “พี่คนไหน”
ตาหวานทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม มองไปทางนวลแบบขอความช่วยเหลือ
“รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยค่ะ” นวลบอก
ดาราณีกับเกรียงศักดิ์เหลียวมองหน้ากันอย่างแปลกใจ

เพชรน้ำบุษย์วิ่งออกไปที่หน้าคฤหาสน์ เห็นเพชรยืนหันหลังอยู่ ร่างสูงโปร่งอยู่ในชุด
เสื้อผ้าที่ค่อนข้างยับเหมือนทำงานมาทั้งคืน เป็นชุดเดียวกับที่ใส่เมื่อคืนตอนมาส่งเพชรน้ำบุษย์ เพชรเริ่มแผนการแล้ว
“พี่เพชร”
ขณะเดียวกันที่ห้องโถงด้านใน เกรียงศักดิ์ และดาราณีมองภาพจากกล้องวงจนปิด เห็นเพชรหันมาพร้อมรอยยิ้มหวานสดใส ในมือชูถุงน้ำเต้าหู ปาท่องโก๋ และโจ๊กหนึ่งถุงมาด้วย
“น้ำหนึ่งทานข้าวเช้ายัง”
เพชรน้ำบุษย์ยิ้มหวาน ดวงตายังตื่นเต้นดีใจไม่หาย และยังไม่ทันตอบ เพชรก็พูดต่อ
“พี่เพิ่งเสร็จจากไซต์งาน เลยแวะซื้ออาหารเช้ามาฝาก น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋เจ้านี้
อร่อย อ้อ!มีโจ๊กอีกถุงด้วย” เพชรยื่นให้
เพชรน้ำบุษย์รับมา “ขอบคุณค่ะ...แล้วนี่เมื่อคืนพี่เพชรไม่ได้นอนเลยเหรอคะ”
“จ้ะ...มาส่งน้ำหนึ่งเสร็จ พี่ก็กลับไปทำงานต่อเลย ทานให้อร่อยนะ”
“ค่ะ”
เพชรน้ำบุษย์ยิ้มเขินด้วยความอาย เพชรมองอย่างพึงพอใจ ดวงตาแสดงออกชัดเจนว่าชอบเพชรน้ำบุษย์
“พี่กลับก่อนนะ...” เพชรเอามือทำท่าโทร. บอก “แล้วคุยกัน”
เพชรขึ้นรถคันเก่าขับออกไป ทำท่ามองตาม หัวใจเต้นระรัว

เพชรน้ำบุษย์เดินเข้ามาในบ้านพร้อมถุงอาหารเช้า ดวงหน้ามีแต่รอยยิ้ม แต่รอยยิ้มกลับเจื่อนลงสนิทเมื่อเห็นเกรียงศักดิ์และดาราณียืนหน้าขรึมมองมาอยู่ เพชรน้ำบุษย์ถามเสียงอ่อยๆ
“คุณพ่อ คุณแม่มีอะไรคะ”
“พ่อต้องถามเรามากกว่า คิดยังไง ถึงให้คนแบบนั้นมาถึงบ้าน” เกรียงศักดิ์เสียงขุ่น
“แบบไหนคะ? พี่เพชรเค้าเป็นวิศวกร เป็นนักกีฬาของโรงเรียน”
“อาชีพไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าเค้าจะเป็นคนดีหรือไม่ดี ดูท่าทางเค้าแล้วแม่ไม่สบายใจ”
เกรียงศักดิ์ต่อความ “แล้วไอ้มุขที่บอกว่าเป็นเนื้อคู่ ดูก็รู้ มันเป็นคนกะล่อน”
เพชรน้ำบุษย์มองหน้านวล หญิงสูงวัยหลบตาวูบ
“ทางที่ดีแม่ว่าอยู่ห่างๆ เค้าดีกว่า แล้วอาหารพวกนี้ ก็ไม่ต้องกิน ใส่อะไรมาหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ดาราณีหันหน้าไปทางนวลเป็นเชิงบอก นวลค่อยๆ เดินมา
“คุณน้ำหนึ่งคะ..นวลขอค่ะ”
เพชรน้ำบุษย์ไม่ยอมปล่อย เกรียงศักดิ์ต้องเดินมาหา และเป็นฝ่ายดึงถุงอาหารจากมือ
ลูกสาวส่งให้นวล พูดเรียบๆ แต่ดุ
“แล้วอย่าให้พ่อเห็นว่าน้ำหนึ่งติดต่อกับเค้าอีก”

เกรียงศักดิ์เดินออกไปทำงานพร้อมกับดาราณี เพชรน้ำบุษย์หน้างอ
ขณะที่นวลกำลังจะเอาถุงอาหารเช้าของฝากจากเพชร ทิ้งลงใส่ถังขยะ มือของน้ำหนึ่งยื่นมาคว้าไป

“คุณน้ำหนึ่ง”
เพชรน้ำบุษย์ยังเอาถุงอาหารแกะใส่ชาม นวลบอก
“อย่าทานเลยนะคะ”
“พี่เพชรอุตส่าห์มีน้ำใจซื้อมาฝาก น้ำหนึ่งจะทาน”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ค่ะ...นี่น้ำหนึ่งยังไม่ได้โกรธเลยนะคะที่ป้านวลเอาเรื่องพี่เพชรไปเล่าให้คุณ
พ่อฟังน่ะ”
“ก็คุณท่านถาม”
ตาหวานสอดขึ้นมา “ถามก็ไม่เห็นต้องบอก”
นวลเอ็ดเอา “ก็เมื่อกี้แกนั่นแหละเป็นคนเล่าฉอดๆ”
ตาหวานร้อง “อุ๊ปส์” เพชรน้ำบุษย์มองตาหวานที่แก้ตัวพัลวัน “ก็ตาหวานนึกว่า คุณท่านจะจิ้นเหมือนตาหวานน่ะสิคะ ที่ไหนได้ ถูกท่านดุเลย”
เพชรน้ำบุษย์นั่งทานอย่างอร่อย “ถ้าไม่อยากถูกดุ ต่อไปมีอะไรก็ไม่ต้องบอก” หญิงสาวหันมาทางนวล “นะคะป้านวล มีอะไรอย่าบอกคุณพ่อคุณแม่นะคะ”
นวลออกอาการไม่สบาย “จิ้งจกทักเค้ายังฟัง นี่คุณพ่อคุณแม่ท่านทักนะคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ น้ำหนึ่งรู้จักพี่เพชรมาตั้งนาน พี่เพชรเป็นคนดี” เพชรน้ำบุษย์ย้ำคำ “เป็นคนดีจริงๆ ค่ะ”
“จริงด้วยป้านวล หล่อด้วย ไม่อย่างนั้นพี่น้ำหนึ่งไม่รอ “พี่คนนั้น” มาตั้งหลายปีหรอกเนอะ..พี่น้ำหนึ่งเนอะ”
เพชรน้ำบุษย์พยักหน้า ทานอาหารเช้าอย่างอร่อย ทั้งที่เป็นอาหารธรรมดาแท้ๆ

ฟากเพชรเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว เดินมาทำงานที่ไซต์งาน
“ไปกินข้าวกันเพชร” เพื่อนชวน
“เอาเลย ตามสบาย”
เพชรเดินเลี่ยงมานั่งที่ไซต์งานอีกมุม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ด้านเพชรน้ำบุษย์กำลังแต่งตัว
จะออกไปข้างนอก เสียงมือถือดังจึงหยิบมากดดู เห็นเป็นเพชรส่งไลน์มาเป็นรูปน่ารักๆ เพชรน้ำบุษย์ยิ้ม ส่งไลน์ตอบกลับไป
เพชรนั่งมองจอมือถือแสยะยิ้ม กดไลน์ส่งไปอีก สองคนส่งกันไปมา จากภาพน่ารักๆทักทายธรรมดา เริ่มมีรูปหัวใจ และเพชรน้ำบุษย์ก็เป็นฝ่ายยิ้มปลื้มอยู่คนเดียว

ไม่นานต่อมา สองสาวเดินซื้อของอยู่ในห้างหรู พลางพูดคุยกัน จู่ๆ นิ้งกรี๊ด
“จริงเหรอที่ตัวเจอพี่เพชรแล้ว”
เพชรน้ำบุษย์บอกอย่างจริงจังแต่นัยน์ตามีแต่แววหวานชื่น ตื่นเต้น
“ฮื่อ! ยังคิดว่าอยู่ในความฝันรึเปล่าเนี่ย”
นิ้งตีแขนดังเผียะ น้ำหนึ่งร้อง
“เรื่องอะไรมาตีเค้า”
“ตัวจะได้รู้ไงว่าไมได้ฝัน...นี่ต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ เลยน้ำหนึ่ง” นิ้งทำตาเคลิ้มฝันขณะพูด “สาวน้อยแอบหลงรักรุ่นพี่ แล้ววันหนึ่งเค้าก็ได้เข้ามาในชีวิตของเธอจริงๆ น้ำหนึ่ง โรแมนติกมากเลยตัว”
เพชรน้ำบุษย์ยิ้มหวานอย่างมีหวัง แววตาเคลิ้ม “เราก็คิดอย่างนั้นแหละนิ้ง มันต้องเป็นพรหมลิขิต พี่เพชรคงเป็นเนื้อคู่ของเรา”
“นี่! พอซื้อของเข้าออฟฟิศใหม่แล้ว ตัวพาเค้าไปทำผมหน่อยนะ เค้าอยากเปลี่ยนสีผม” นิ้งบอก
“วันหลังได้มั้ย?” เพชรน้ำบุษย์เสียงอ่อยๆ “วันนี้เค้าอยากซื้อเสื้อให้พี่เพชร...พี่เพชรทำงาน
หนัก คงไม่มีเวลามาซื้อเอง”
“โห! ยังไม่ทันเป็นแฟนกันเลย ลืมเพื่อนซะแล้ว”
เพชรน้ำบุษย์เขินมาก “ไม่ได้ลืม...เพียงแต่ตอนนี้...คิดถึงพี่เพชรอยู่คนเดียว” คว้าแขนนิ้ง “ไป..ไปซื้อเสื้อให้พี่เพชรกัน” สองสาวเดินไป ได้ยินเสียงนิ้งแซว ดังแว่วๆ มา
“อ้าว!แล้วไม่ซื้อของเข้าออฟฟิศแล้วเหรอน้ำหนึ่ง” เสียงนิ้งหัวเราะคิกคัก
สองสาวไม่รู้ว่าอลิสเดินออกมาจากมุมใกล้ๆ กันเลือกซื้อของอยู่ก่อน และได้ยินสองคนคุยกัน
“พี่เพชร...ใครอ่ะ”
สีหน้าและท่าทาง ตลอดจนน้ำเสียงอลิสอยากรู้อยากเห็นมาก

ส่วนที่ไซต์งาน ขณะที่เพชรคุมงานอยู่อย่างคล่องแคล่ว และสมบุกสมบันกับงาน มาดอย่างเท่ เสียงมือถือของเพชรดัง เพชรหยิบมารับ
“ครับพี่พลอย”
พลอยโทร.มาจากบ้านเชิงเขา ถามอย่างเป็นห่วง
“ทำงานอยู่เหรอเพชร? เหนื่อยมั้ย?”
“นิดหน่อยครับ...แล้วพี่พลอยกับแม่ล่ะครับ เป็นไงบ้าง”

อ่านละคร มารกามเทพ ตอนที่ 1/4 วันที่ 5 เม.ย. 56

ละคร มารกามเทพบทประพันธ์ : อัจฉรียา
ละคร มารกามเทพบทโทรทัศน์ : อัจฉรียา
ละคร มารกามเทพกำกับการแสดง : ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์
ละคร มารกามเทพแนวละคร : เมโลดราม่า
ละคร มารกามเทพอำนวยการผลิต : สุรางค์ เปรมปรีดิ์, ถกลเกียรติ วีรวรรณ, นิพนธ์ ผิวเณร
ละคร มารกามเทพออกอากาศ ทุกวันพุธ และ พฤหัสบดี เวลา 20.10 - 21.40 น. ทางช่อง 5
ที่มา manager