อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 1/2 วันที่ 27 ต.ค. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 1/2 วันที่ 27 ต.ค. 55

พิณทองซื้อไม่ลง เพราะเสียดายเงิน หญิงสาวตัดสินใจเดินเข้าไปมือเปล่า วางกระเป๋าตัวอย่างสินค้าไว้ด้านข้าง แล้วพนมมือตั้งจิตอธิษฐาน
“ข้าแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่เล็กจนโต หนูทำแต่ความดีมาตลอด หนูไม่เคยขออะไรเลย แต่ตอนนี้หนูอยากจะร้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยให้หนูมีงานดีๆ ทำซักที หนูจะได้มีเงิน จะได้เอาไปไถ่จักรคืนให้แม่ได้ หนูไม่ขออะไรมากกว่านี้แล้ว เมตตาหนูแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็พอ หนูอยากได้จักรไปคืนแม่จริงๆ ช่วยหนูด้วยเถอะนะคะ”

พิณทองพนมมือหลับตาอยู่อีกครู่หนึ่ง แล้วยกมือไหว้จดหัวอีกครั้ง จากนั้นจึงลุกออกมา
รุ่งเช้า...ไข่เจียวฟูอยู่ในกระทะแลดูน่ากินด้วยฝีมือของพรรณีที่กำลังทอดอยู่ พรรณีตักไข่ใส่จาน พิณทองเดินเข้ามาช่วยพรรณีทำกับข้าว

“จะออกไปไหนเหรอวันนี้”
“จะไปแจกของต่อน่ะแม่”
พรรณีพูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง “จะไปอีกเหรอลูก ยืนกลางแดดเปรี้ยงๆ ทั้งวัน”
“โอ้ย ไม่ไปได้ไงแม่ ค่าแรงวันละตั้ง 500” พิณทองยิ้มภูมิใจ “เนี่ย เงินที่ได้มา พิณจะไม่แตะเลยนะ จะเก็บไปไถ่จักรให้แม่”
“อย่าหักโหมมากนะเลยลูก เดี๋ยวจะไม่สบาย”
“พิณไม่ป่วยง่าย ๆ หรอกแม่ ยังมีแรงอีกเยอะ ยังไงพิณก็ต้องรีบหาเงินไถ่จักรคืนให้แม่ให้ได้เร็วที่สุด แม่จะได้ทำงานของแม่ต่อ”
พรรณียิ้มบางๆ สงสารลูก เข้ามาลูบหัว “ไป งั้นกินข้าวกันก่อน พิณหยิบน้ำปลามาหน่อยซิลูก แม่จะซอยพริก”
พิณทองเดินไปที่ตู้กับข้าว แล้วหยิบขวดน้ำปลาออกมา ปรากฏว่าน้ำปลาในขวดหมดแล้ว
“อ้าว หมดแล้วเหรอ” ยกขวดขึ้นมาดู “แม่ น้ำปลาหมดแล้ว เดี๋ยวพิณไปซื้อขวดใหม่นะ”
พรรณีหยิบกระเป๋าเงินมา แล้วพบว่าไม่มี อึ้งไป
“ไม่เป็นไรแม่ พิณพอมี...”
พิณทองเปิดกระเป๋า ในกระเป๋ามีแต่เงินที่ได้มาใหม่ พิณทองพึมพำกับตัวเอง
“ไม่ได้ ๆ เงินก้อนแรกนี่ห้ามใช้ เดี๋ยวเสียเคล็ดหมด น้ำปลาแค่ยี่สิบห้าบาทเอง พิณมีเศษตังค์อยู่ในลิ้นชักโต๊ะ
จากนั้นพิณทองเดินออกไป



พิณทองกำลังหาเศษเงินในลิ้นชักโต๊ะ ห่างออกไป พรรณียืนมองอยู่ พิณทองหาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรวบรวมเศษเหรียญบาทที่หาได้
“มีสิบบาท ความจริงพิณว่ามีมากกว่านี้ พี่เพชรน่ะ ชอบมายุ่งกับโต๊ะพิณ” พิณทองบ่นพลางทรุดตัวลงนอนกับพื้น พยายามหาดูใต้โต๊ะ
พิณทองกำลังกวาดสายตาหาเหรียญ แล้วสายตาก็มาหยุดอยู่ที่เหรียญห้าบาทเหรียญหนึ่ง พิณทองเอื้อมมือเข้าไปสุดแขนเพื่อจะหยิบเหรียญนั้น แล้วในที่สุดก็หยิบได้
พิณทองลุกขึ้น ดูเหรียญในมือ “ขาดอีกห้าบาท” ท่าทางยังดีใจ ไม่สิ้นหวัง
พรรณีเห็นสีหน้าลูกสาวก็ยิ่งสงสาร
“ไม่ต้องไปซื้อหรอกพิณ ไม่ใส่น้ำปลาซักวันก็ได้ กินเค็มมากไปก็ไม่ดี ไปเถอะ”
พิณทองหน้างอ “แย่จัง น้ำปลาขวดเดียวก็ซื้อให้แม่ไม่ได้”
พรรณีเข้ามาลูบหัวปลอบลูก
“ไม่เป็นไรหรอกลูก มันต้องดีขึ้นซักวันนะ ไปกินข้าวเถอะ”
ทันใดนั้น มีเสียงแตรมอเตอร์ไซค์ดังสั้นๆ 2 ครั้ง
พรรณีเอ่ยขึ้นขณะมองไปทางหน้าบ้าน “ใครมาก็ไม่รู้”

พิณทองเดินออกมาที่หน้าบ้าน เห็นมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ และบุรุษไปรษณีย์มองมา
“รับจดหมายลงทะเบียนด้วยครับ”
พิณทองเดินไปรับจดหมาย
บุรุษไปรษณีย์ถามชื่อ “คุณพิณทอง”
“ใช่ค่ะ”
จดหมายฉบับนั้นเป็นจดหมายลงทะเบียน บุรุษไปรษณีย์ยื่นเอกสารให้พิณทองเซ็น
พิณทองแปลกใจเพราะไม่ค่อยมีจดหมายลงทะเบียนส่งถึงเธอ แล้วรับเอกสารมาเซ็น เสร็จแล้วส่งคืนให้ บุรุษไปรษณีย์ส่งจดหมายให้พิณทอง เสร็จแล้วขับรถออกไป
พิณทองเอาจดหมายมาดู แล้วอ่านชื่อผู้ส่ง เป็นบริษัท เบสท์เอ็นเทอร์ไพร้ส์ จำกัด พิณทองนิ่งมองซองจดหมาย เริ่มหวั่นไหว
จากนั้นพิณทองก็ค่อยๆ ฉีกด้านหนึ่งของซอง แล้วดึงจดหมายออกมา พิณทองอ่านจดหมายนั้น สีหน้าค่อย ๆ แสดงอาการตื่นเต้นออกมา พออ่านจดหมายจบพิณทองก็รู้สึกลิงโลด ดีใจจนเก็บอาการไม่ได้
“แม่ แม่จ๋า แม่”
พิณทองร้องเรียกแม่ด้วยอาการดีใจ พรรณีรีบออกมาจากในบ้าน คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาว
“มีอะไรลูก พิณเป็นอะไร”
“พิณ พิณได้งานแล้วแม่ พิณได้งานแล้ว” พิณทองเริงร่าสุดขีด
“ว่าไงนะ”
“นี่ไงคะ” พิณทองชูจดหมายให้ดู “เขาส่งมาถึงพิณ บอกให้พิณไปรายงานตัว เขารับพิณเข้าทำงานแล้วแม่”
พิณทองดี๊ด๊าสุดๆ เข้ามากอดแม่ด้วยความดีใจ
“เดี๋ยวๆ ที่ไหนลูก บริษัทอะไร”
พิณทองยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ถอยออกมา แล้วอ่านจดหมายให้แม่ฟัง “บริษัทเบสท์เอ็นเทอร์ไพร้ส์จ้ะ” พรรณีแสดงสีหน้าฉงน ไม่รู้จัก “บริษัทใหญ่นะแม่ พนักงานตั้งหลายร้อยแน่ะ”
“แล้วเขาจะให้พิณทำอะไร”
“เขาให้พิณไปเป็นโอเปอเรเตอร์จ้ะ คอยรับโทรศัพท์ไงแม่ ดีใจที่สุดเลย”
“ดีแล้วลูก เห็นมั้ย มันไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกอย่างหรอก”

พรรณียิ้มให้พิณทอง โดยไม่รู้ว่างานที่ลูกสาวจะไปทำที่บริษัทแห่งนี้ จะนำความยุ่งยากเลวร้ายมาสู่ครอบครัวตนอีกครั้ง
ป้ายหินอ่อน สลักชื่อบริษัท “BEST Enterprise” เด่นหราที่ด้านหน้าตึกสูงแห่งนั้น จากถนนทางเข้าหน้าตึก รถของชนะศึกเลี้ยว แล่นเข้ามาด้านหน้าทางเข้า

จังหวะนั้นกลุ่มนักข่าวสายเศรษฐกิจหลายคนกำลังรออยู่ พอเห็นรถชนะศึกมาก็ตื่นตัวกันใหญ่ แล้วรีบเฮกันเข้าไปหา ขณะที่รปภ. คนหนึ่งเข้ามาเปิดประตูให้ ชนะศึกเดินลงมาจากที่นั่งด้านหลัง โดยมี รปภ. อีก 2-3 คนเข้ามากันทั้งหน้าหลังทำหน้าที่บอดี้การ์ด

นักข่าวคนแรกตรงเข้ามาหาถึงตัวชนะศึก ก็ยื่นไมค์ถามทันที “ขอความเห็นเรื่องราคาหุ้นของเบสท์หน่อยค่ะ”
ชนะศึกไม่ทันได้ตอบ นักข่าวอีกคนซักต่อ “หุ้นขึ้นไม่หยุดมา 3 วันแล้ว คุณชนะศึกมีอะไรแถลงไหมครับ”
“ของดีใครก็อยากได้ไม่ใช่เหรอครับ” ชนะศึกตอบโดยไม่ได้หยุด
“อยากทราบเคล็ดลับการบริหารงานของคุณชนะศึก ที่ทำให้หุ้นของเบสท์เอ็นเทอร์ไพร้ส์เนื้อหอมขนาดนี้หน่อยค่ะ” นักข่าวคนแรกยิงคำถามต่อ
“ก็ทำงานอย่างจริงจังไงครับ ทุกคนที่นี่ทำงานอย่างจริงจัง แต่ที่สำคัญกว่านั้น ที่นี่มีแต่คนที่ดีที่สุด ชื่อของเราก็บอกอยู่แล้ว เบสท์เอ็นเทอร์ไพร้ส์ ทุกคนที่เราคัดเข้ามา ล้วนแต่ดีที่สุดทั้งนั้น”
หมู่มวลนักข่าวเดินกันไป ถามกันมาจนถึงประตูทางเข้าพอดี
“ขอตัวก่อนนะครับ” ชนะศึกเดินเข้าบริษัทไป

ชนะศึกเดินเข้ามาในตึก ตรงไปที่ลิฟต์
รปภ.วอบอกกัน “คุณชนะศึกมาถึงแล้ว รอรับด้วย”
ชนะศึกเดินเข้าไปในลิฟต์

ไม่นานนัก ชนะศึกเดินไปนั่งที่โต๊ะ สุดาเลขาตามมายืนที่ด้านข้าง อ่านแฟ้มนัดหมายในมือแจ้งให้ชายหนุ่มทราบ
“บ่ายนี้คุณชนะมีประชุมกับคุณสมบูรณ์นะคะ แล้วก็ 4 โมงเย็น คุณพิชิตจะเข้ามารายงานความคืบหน้าโครงการใหม่”
จังหวะนั้นแม่บ้านถือถาดกาแฟเข้ามา ชุดกาแฟในถาดสวยงามหรูหราเตะตามาก สุดาหนีบแฟ้มไว้ใต้แขนแล้วยกกากาแฟกับถ้วยมา จะเตรียมเสิร์ฟ แต่แฟ้มที่หนีบไว้เลื่อนจนเกือบจะหล่น สุดาขยับแขน แล้วถ้วยกาแฟก็กลิ้งจากจานรองแก้วลงพื้นไป เสียงดังเพล้ง แม่บ้านกับสุดาอุทานกันเสียงหลง ชนะศึกหน้าเครียด แม่บ้านรีบออกไปเอาไม้กวาด
ชนะศึกเอ่ยขึ้น “ชุดกาแฟชุดนี้มาจากเบลเยียมนะ”
“ขอโทษค่ะ ดิฉันรีบร้อนไปหน่อย”
สุดาก้มหน้างุด ท่าทีหวาดหวั่น
“ขอโทษแค่นั้นเหรอ รู้ไหม แก้วที่คุณทำแตกน่ะ ราคาเท่าไหร่”
สุดาตอบ ยังไม่กล้าเงยหน้า “ไม่ทราบค่ะ”
ชนะศึกขู่เล่นแกมกวนๆ “งั้นไว้ดูตอนเงินเดือนออกแล้วกัน โดนหักไปเท่าไหร่ก็ราคาเท่านั้นแหละ” พอเห็นสุดาหน้าจ๋อย ชายหนุ่มรูปงามก็โบกมือไล่ “คุณออกไปทำงานได้แล้ว เร่งแม่บ้านให้รีบมาทำความสะอาดด้วย”
สุดาจ๋อย “ค่ะ” แล้วเดินคอตกออกไป
ชนะศึกมองตามหลังไป แล้วส่ายหน้าอย่างไม่ได้ดั่งใจ

เช้าวันเดียวกัน ที่ถนนหน้าตึก รถมอเตอร์ไซค์ของเพชรแท้แล่นเข้ามา มีพิณทองนั่งซ้อนท้ายมาด้วย เพชรแท้ขับมอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าตึก พิณทองลงจากรถ ถอดหมวกกันน็อค ส่งคืนให้ แล้วจัดผมเผ้าของตัวเอง
“เป็นไงบ้างพี่ ดูดีหรือยัง”
เพชรแท้ยิ้ม “สวยเลิศทุกอย่างเลย ยกเว้นไอ้ที่หิ้วมาด้วยน่ะ”
พิณทองยิ้มตอบ “นี่เหรอ” ยกเถาปิ่นโตใบเล็กขึ้นมา “ทำไม”
“ยังมาถามอีก มาทำงานบริษัทใหญ่โต ถือปิ่นโตข้าวมาทำงาน ไม่อายเค้าเหรอ”
“อายทำไม” สีหน้าพิณทองภูมิใจมาก “เราจนเราก็ต้องประหยัด ไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย”
เพชรแท้พยักหน้ายิ้มๆ “อืม คิดได้อย่างนั้นก็ดีแล้ว ไปเหอะ เข้างานได้แล้ว”
“นี่พี่เพชร น้องมาทำงานวันแรกนะ อวยพรหน่อยสิ”
“อืม” เพชรแท้ทำหน้าคิด ก่อนจะสัพยอกออกมา “ขอให้มีผู้จัดการหนุ่มหล่อมาหลงรักแล้วกัน”
พิณทองหน้างอ “โธ่พี่เพชร เอาจริงๆ สิ”
“ก็จริงน่ะสิ พี่กับแม่จะได้สบายไปด้วย”
“ไม่ต้องให้ใครมาชอบหรอก พิณจะขยันทำงานเลี้ยงแม่ ก็ทำให้แม่สบายได้”
“งั้นก็เท่ากับเราอวยพรตัวเองแล้ว ยังต้องการคำอวยพรของพี่อีกทำไมล่ะ”
เพชรแท้ลูบหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู

ที่เคาน์เตอร์รีเซพชั่น และแผนกโอเปอเรเตอร์ นันทนานั่งอยู่ มีดาว แม่บ้านของตึกยืนคุยอยู่ด้วย ในมือดาวมีไม้ปัดขนไก่ ปากก็เล่าเรื่องละครฉากเมื่อคืนอย่างเมามัน
“ทีนี้พอพอนางเอกเถียงนะพี่ พระเอกก็ตบเลย นางเอกงี้เซแซ่ด ๆๆๆๆ ล้มลงไปบนเตียง”
นันทนาต่อให้ “แล้วพระเอกก็เข้าไปปล้ำ”
ดาวชะงัก “อ้ะ ไหนว่าไม่ได้ดู”
“ฟังแค่นี้ก็เดาได้แล้วย่ะ” นันทนาทำเชิด “เพราะละครไทยซ้ำซากแบบนี้ พี่ถึงได้ดูแต่ละครเกาหลี”
ดาวประชด “แหม สลับลูก กับเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หาย ใหม่มากเลยนะคะ”
นันทนาไม่ได้โต้รีบสะกิด “ผู้จัดการมา ทำงาน”
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเดินนำพิณทองมาที่เคาน์เตอร์
“ดาว มาทำอะไรตรงนี้”
“ทำงานไงคะ นี่ค่ะ” ยกไม้ขนไก่ในมือให้ดู
ผู้จัดการหันมาพูดกับนันทนา “คุณนัน นี่น้องพิณ ผู้ช่วยคนใหม่ของคุณ”
“สวัสดีค่ะ” พิณทองไหว้นันทนา
“คุณนัน แนะนำงานให้น้องเขาด้วยนะ เครื่องไม้เครื่องมือใช้ยังไงบอกกันด้วย”
“ได้ค่ะ”
เสร็จแล้วผู้จัดการหันมาหาดาว “แล้วเธอน่ะ ไปทำความสะอาดที่อื่นได้แล้ว เคาน์เตอร์เนี่ยสะอาดจนมันเงาแล้ว”
พูดเสร็จผู้จัดการก็เดินออกไป ดาวหันไปพูดกับพิณทอง
“ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ เดี๋ยววันหลังมาคุยด้วยใหม่”
พอดาวเดินออกไปแล้ว พิณทองจึงเดินอ้อมมาหลังเคาน์เตอร์
“มา พี่จะอธิบายหน้าที่ของน้องให้ฟัง นี่เป็นชุมสายโทรศัพท์ เวลามีสายเข้าก็จะมีเสียงกริ่ง แล้วไฟตรงนี้ก็จะกระพริบ เรารับสายแล้วก็ถามเขาว่าต้องการพูดกับใคร”
นันทนาอธิบายวิธีทำงาน ให้พิณทองฟังเป็นฉากๆ

เวลาเดียวกันภายในห้องยิมที่สปอร์ตคลับ มีคนอยู่ประปราย ทั้งเทรนเนอร์และลูกค้า ยิ้ม ลูกค้าของสปอร์ตคลับแห่งนี้กับเพชรแท้ยืนอยู่หน้าชั้นวางดัมเบล โดยยิ้มถือดัมเบลที่มือซ้าย มือขวาท้าวเอว แล้วเอนตัวไปด้านซ้าย มีเพชรแท้ยืนอยู่ข้างหลัง จับไหล่ให้ตรง
“เหนื่อยไหมครับ”
ยิ้มเอาผ้าซับเหงื่อ พยักหน้า “นิดหน่อยค่ะ”
เพชรแท้อธิบายอย่างรอบรู้ “พรุ่งนี้จะตึงๆ แขนหน่อย .. งั้นซาวน่าซัก 10 นาทีนะครับ จะช่วยคลายกล้ามเนื้อ”
ยิ้มพยักหน้ารับยิ้มหวานให้เพชรแท้แล้วเดินออกไป
เกียรติหัวหน้าครูฝึกเดินเข้ามา สมภพกับพงษ์แยกออกไป
“เพชร มีเมมเบอร์ใหม่มา ไปดูแลให้พี่หน่อยนะ” เกียรติบอก
“ให้รอแป๊บได้ไหมพี่ ผมรอลูกค้าซาวน่าอยู่” เพชรแท้ว่า
เกียรติเร่ง “เอาน่า ไม่ต้องรอหรอก ซาวน่าเสร็จแล้วเค้าคงอยากอาบน้ำกลับบ้านแล้วล่ะ เพชรไปหน่อย เอาใจเขาดีๆ ด้วยล่ะ” ท้ายประโยคเกียรติกำชับ
“เก่าใหม่ก็ลูกค้าเหมือนกัน ทำไมผมต้องเอาใจใครเป็นพิเศษด้วย เมมเบอร์ใหม่ของพี่คนนี้มีอะไรดีนักเหรอครับ”
เกียรติไม่ได้ตอบ เป็นเสียงชนกนันท์ดังแทรกขึ้น “คงมีดีที่นามสกุลมั้ง”
เพชรแท้หันไปมอง เห็นชนกนันท์ยืนอยู่กับโสภิตา ทั้งสองหิ้วกระเป๋ากันคนละใบ
“ครูฝึกของคุณน่ะไม่จำเป็นสำหรับฉันหรอก ฉันน่ะเข้าสปอร์ตคลับมาตั้งแต่ 2 ขวบแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเคยเข้า ฉันดูแลตัวเองได้” ชนกนันท์พูดอย่างถือดี
โสภิตาพูดเล่นแกมหัวเราะ ยั่วเพชรแท้ “งั้นมาดูฉันคนเดียวก็ได้ค่ะ ฉันชอบ...”
ชนกนันท์ถลึงตาใส่โสภิตา แล้วดึงออกมา โสภิตาหัวเราะกิ๊กกั๊ก เพชรแท้ได้แต่ยืนอึ้ง มองชนกนันท์อย่างไม่พอใจ
เกียรติย้ำ “เอ้า เพชร ตามไปสิ”
เพชรแท้เกี่ยง “เค้าเพิ่งบอกว่าไม่ต้อง...”
“เอาน่า ไปเช็คดูก่อน เกิดเค้าต้องการความช่วยเหลืออะไร”
เพชรแท้มีหน้าตาหงุดหงิด จำใจพยักหน้าแล้วตามชนกนันท์กับโสภิตาไป

เพชรแท้ยืนพิงกำแพงตรงหน้าห้องล็อคเกอร์หญิง ท่าทางเบื่อๆ
ขณะที่ชนกนันท์กับโสภิตาเปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังแล้ว ถือผ้าขนหนูซับเหงื่อมาคนละผืน เดินออกมาจากห้องล็อคเกอร์
เพชรแท้เดินเข้ามาหาสองสาว “เชิญครับ”
ชนกนันท์ขมวดคิ้วมองหน้าเพชรแท้อย่างเอาเรื่อง “ไม่ได้ยินหรือไงบอกว่าไม่ต้องมายุ่งน่ะ หูไม่ดีเหรอ”
เพชรแท้อึ้งเลยทันที คาดไม่ถึงว่าลูกค้าจะเล่นแรง
โสภิตาปรามนก “นี่ จะเหวี่ยงไปไหนยะ เค้ามาทำหน้าที่ ก็ปล่อยเค้าทำไปเถอะน่ะ เผื่อจะมีประโยชน์บ้าง”
“คนท่าทางแบบนี้ จะทำประโยชน์อะไร” ชนกนันท์หยัน ผุดยิ้มร้าย “อ๋อ คงมีเหมือนกันแหละ” พร้อมกับโยนผ้าเช็ดเหงื่อลงพื้นมองหน้าเพชรแท้ อย่างท้าทาย
เพชรแท้ยืนกำมือแน่น ไม่นึกว่าชนกนันท์จะร้ายขนาดนี้
“เก็บมันขึ้นมา” เพชรนิ่ง “ไม่ได้ยินหรือไง ฉันบอกให้เก็บมันขึ้นมาไง”
แขกคนอื่นเดินผ่านมา เพชรแท้พยายามกลั้นความโกรธ หน้าเครียดก้มเก็บผ้าแล้วส่งคืนให้นก
ชนกนันท์รับมา โวยลั่น “ผ้าตกพื้นยังจะเอามาให้ชั้นใช้อีกเหรอ นี่มันสปอร์ตคลับภาษาอะไรกันเนี่ย” ปาใส่เพชรแท้ “ไปเปลี่ยนมาให้ฉันใหม่ แล้วเอาตามไปให้ฉันข้างบน”
ชนกนันท์ดึงแขนโสภิตาเดินออกไป ยิ้มสะใจ โสภิตาได้แต่หันมามองเพชรแท้ ยักไหล่เป็นเชิงขอโทษแล้วตามชนกนันท์ไป

เพชรแท้กำผ้าในมือแน่น มองชนกนันท์อย่างโกรธจัด
ขณะนั้นที่เคาน์เตอร์รีเซพชั่น มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พิณทองรับสาย

“สวัสดีค่ะ เบสเอ็นเทอร์ไพรส์ค่ะ... ต้องการติดต่อแผนกอะไรคะ รอสักครู่นะคะ” กดโอนสาย
นันทนาถาม “เป็นไง ไม่ยากใช่ไหม”
“ค่ะ พิณทำได้แล้ว พี่นันไม่ต้องห่วงนะคะ ไปทานข้าวเถอะ เดี๋ยวพิณดูเอง”
นันทนาพยักหน้า “ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นแหละ แล้วพี่จะรีบกลับมา”
“ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ เดี๋ยวพิณเฝ้าเอง ไม่เป็นไร”
นันทนาพยักหน้ารับคำ หยิบกระเป๋าถือ แล้วเดินออกไปจากเคาน์เตอร์
พิณทองมองซ้ายขวาแล้วก้มลงไปแอบหยิบปิ่นโตขึ้นมา เปิดปิ่นโต

ชนะศึกกำลังพูดโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องทำงานตัวเอง
“เราทำธุรกิจกันมาเกือบสิบปีแล้วนะ ยูก็รู้ว่ายูไว้ใจเราได้…ร้อยยี่สิบล้านยุติธรรมที่สุดแล้ว วินวิน แฮปปี้ทุกฝ่าย”
เสียงดังปี๊บๆ เตือนว่าแบ็ตจะหมดดังขึ้น
“เออ แบ็ตเตอรี่ไอกำลังจะหมด…ร้อยถ้วนไม่ได้หรอก ไอลดให้ยูตั้งยี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้ว…เอางี้ ถ้าแบ็ตหมดไอจะโทร.กลับไปหายูเอง อย่าเพิ่งตัดสินใจ เราต้องคุยกันอีก”

เสียงสัญญาณแบ็ตหมดดังขึ้นอีกครั้ง แล้วแบ็ตของชนะศึกก็หมด ชนะศึกเอาโทรศัพท์มาดู รู้สึกหงุดหงิด

ชนะศึกเปิดประตูห้องเดินออกมาที่หน้าห้อง
“คุณสุดา”
ปรากฏว่าที่โต๊ะเลขาหน้าห้องของชนะศึกไม่มีใครอยู่
ชนะศึกนึกได้ “ไปพักเที่ยงกันหมดแล้วซีนะ”
จากนั้นชนะศึกก็เดินไปที่โต๊ะเลขา ยกหูโทรศัพท์ขึ้น แล้วกด 0

ที่เคาน์เตอร์โอเปอเรเตอร์ เสียงโทรศัพท์ที่หน้าพิณทองดังขึ้น พร้อมกับหมายเลขของโต๊ะสุดาโชว์ที่จอ พิณทองกำลังแกะถุงกับข้าวอยู่
“สวัสดีค่ะ ต้องการติดต่อแผนกอะไรคะ”
“ผมต้องการต่อ มิสเตอร์เดวิด ซุง บริษัทเวิลด์คาร์โก้ ที่ฮ่องกง ต่อได้แล้วโอนสายไปให้ผมที่ห้องด้วย” ชนะศึกว่า
“ได้ค่ะ สักครู่นะคะ” พิณทองบอก

ชนะศึกพูดเสร็จก็วางหู แล้วเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป
พิณทองพิมพ์ชื่อมิสเตอร์เดวิด ซุง มีเบอร์โชว์ขึ้น พิณทองจัดการต่อเบอร์โทรศัพท์
พิณทองรอครู่หนึ่ง “Mr.Sung please…Your call sir, wait a minute”
เสร็จแล้วพิณทอง จึงโอนสายไปที่เบอร์โต๊ะสุดา เลขาชนะศึก และเริ่มลงมือกินข้าว
เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะสุดากรีดเสียงดังอยู่อย่างนั้น

ชนะศึกนั่งรออยู่ที่โต๊ะทำงาน รออยู่ครู่หนึ่งทนไม่ไหว หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแล้วกด 0
ชนะศึกรอสายสักครู่หนึ่ง “ยังต่อไม่ได้อีกเหรอ”
พิณทองพูดโทรศัพท์อยู่ ท่าทีงงนิดๆ “มิสเตอร์เดวิด ซุง ใช่ไหมคะ ต่อได้แล้วค่ะ โอนไปให้แล้วนี่คะ”
“โอนไปไหน แล้วทำไมผมยังไม่ได้พูด”
“ก็โอนไปตามเบอร์ที่โทร.มาไงคะ” พิณทองมองที่จอ “สายยังอยู่เลยค่ะ”

ชนะศึกเปิดประตูห้องออกมา เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะเลขายังดังอยู่ ชนะศึกรีบเดินไปที่โทรศัพท์ แต่ก่อนชนะศึกจะไปถึง เสียงโทรศัพท์ก็เงียบลง ชนะศึกยกหูโทรศัพท์ขึ้นรับ
“ฮัลโหล เดวิด”
เสียงสัญญาณสายหลุดดังเข้ามาแทน ชนะศึกโกรธมาก กดวางหู แล้วกด 0 อีกครั้ง

พิณทองกำลังนั่งกินข้าวอยู่ตรงเค้าน์เตอร์
“สวัสดีค่ะ ต้องการติดต่อแผนกอะไรคะ
“แล้วทำไมถึงโอนมาที่เบอร์นี้…ผมบอกให้โอนไปที่ห้องผม…เบอร์นี้ไม่ใช่เบอร์ห้องผม” ชนะศึกขึ้นเสียง
พิณทองย้อน “อ้าว...ก็ดิฉันไม่ทราบนิคะ ว่าเบอร์ห้องคุณเบอร์อะไร”
ชนะศึกงง “อะไรกัน ไม่รู้ได้ยังไงว่าเบอร์ผมเบอร์อะไร ไม่รู้ได้ยังไง”
“ก็ดิฉันไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร”
ชนะศึกอึ้ง ทวนคำของพิณทอง “ไม่รู้ว่าผมเป็นใคร คุณไม่รู้ว่าผมเป็นใคร…” สีหน้าโกรธจัด
พิณทองพูดบอกพาซื่อ “ค่ะ ไม่รู้ค่ะ”
“แล้วอยากรู้ไหม”
“อยากรู้ค่ะ”
“รออยู่ที่นั่นแหละ คุณได้รู้แน่”
ชนะศึกวางหูโทรศัพท์

ขณะที่พิณทองกำลังจะกินข้าวต่อ ชนะศึกเพิ่งเดินออกจากลิฟต์ตรงเข้ามาที่เคาน์เตอร์ สีหน้าเคร่งเครียด
พิณทองทำฝาปิ่นโตหล่น กลิ้งออกไป พิณรีบตามไปเก็บ
ฝาปิ่นโตกลิ้งไปตามทางพิณทองมองตาค้าง วิ่งตามมา ฝาปิ่นโตมาหยุดที่เท้าชนะศึกพอดี ชนะศึกก้มลงเก็บ พิณทองมาหยุดอยู่ตรงหน้าชนะศึก

ทั้งสองสบตากัน พิณทองมองอย่างตะลึงเมื่อเห็นชนะศึก สาวน้อยยิ้มเขิน
ตรงทางเดินในบริษัท พิณทองก้มลงเก็บฝาปิ่นโตที่อยู่ตรงหน้า บอกท่าทีอายๆ

“ของดิฉันเองค่ะ” เห็นชนะศึกยังทำหน้างง เลยอธิบายต่อ “ข้าวกลางวันน่ะค่ะ”
ชนะศึกมองพิณทอง ขำปนเอ็นดู และเดินจากไป
พิณทองพูดไม่ออกเพราะเขินมาก ได้แต่รับมาแล้วโค้งหัวขอบคุณ ชนะศึกยิ้มนิดๆ แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเลยยืนชะเง้อชะแง้มองหา พิณทองรีบวิ่งตามมายืนที่ด้านหลัง ถามอย่างกระตือรือร้น
“คุณมาหาใครเหรอคะ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ”
ชนะศึกขมวดคิ้วทันที แล้วค่อยๆ หันมา “ไหนคุณลองพูดใหม่อีกทีซิ”
พิณทอง ทำหน้างง “พูดอะไรล่ะคะ”
“ลองพูดว่า” ชนะศึกคิดไปมา “ต้องการต่อเบอร์อะไร…ซิ”
พิณทอง ตั้งใจเต็มที่ “ต้องการต่อเบอร์อะไรคะ”
ชนะศึกบอก “อีกที”
“ต้องการต่อเบอร์อะไรคะ”
ชนะศึกมั่นใจรู้ทันที “คุณ! คุณนี่เอง” ตวาดเสียงดัง “คุณต่อโทรศัพท์ให้ผม เมื่อกี๊ใช่มั้ย”
พิณทองจำเสียงตวาดแหวของชนะศึกได้เหมือนกัน หญิงสาวอึ้ง หน้าเสีย
“คุณ!”
“รู้หรือยังว่าผมเป็นใคร”
พิณทองส่ายหน้า
“ผม ชนะศึก เลิศชัยวัฒน์ รองประธานกรรมการบริหาร เบสท์เอ็นเทอร์ไพร้ส์ กรรมการผู้จัดการ ไอทีคอม บริษัทท็อปสยามคาร์โก้ และบริษัทนิวโกลด์ไมน์ แล้วยังเป็นกรรมการอีก 9 บริษัทในเครือ ทำไม ฝ่ายบุคคลเขาไม่ได้บอกคุณเลยเหรอว่าใครเป็นผู้บริหารบ้าง”
ชนะศึกบอกยาวเหยียด ปิดท้ายด้วยการย้อนถาม
พิณทองอ้ำอึ้ง “บอกค่ะ แต่…
“แต่อะไร คุณเป็นโอเปอเรเตอร์ หน้าที่ของคุณคือดูแลระบบโทรศัพท์ทั้งหมดของบริษัท ผมให้คุณโอนสายไปที่ห้องผม คุณกลับโอนไปที่โต๊ะเลขาฯผม ลูกค้ารอสายไม่ไหวเขาเลยวางหูไป รู้ไหมความผิดของคุณครั้งนี้มันราคาเท่าไหร่” ชนะศึกเน้นคำ “เป็นร้อยล้าน”
พิณทองพยายามแก้ตัว
“เอ่อ ดิฉันขอโทษค่ะ จะรีบต่อให้ใหม่นะคะ” รีบเข้าหลังเคาน์เตอร์ วางฝาปิ่นโตแล้วยกหูโทรศัพท์
ชนะศึกบอกเสียงมะนาวไม่มีน้ำ “ไม่ต้องแล้ว มันสายไปแล้ว”
“ใช้เวลาไม่นานหรอกค่ะ” พิณทองกำลังจะกดเบอร์
ชนะศึกรีบคว้าหูโทรศัพท์วางกลับที่ “ที่ผมบอกว่ามันสายไปแล้วก็เพราะว่า คุณต่อโทรศัพท์ให้ผมไม่ได้...” เน้นน้ำคำ “เพราะคุณไม่ได้ทำหน้าที่นี้แล้ว”
พิณทองงง ยังไม่รู้ตัวว่าถูกไล่ออก “แล้วจะให้พิณทำอะไรคะ”
“ไม่ต้องทำอะไรเพราะคุณไม่ใช่พนักงานที่นี่อีกแล้ว”
พิณทองยืนอึ้ง ยังงงอยู่
“ผมไล่คุณออก”
พูดจบชนะก็เดินออกไปเลย พิณทองสับสนอื้ออึงอยู่ชั่วขณะ แล้วรีบวิ่งตามชนะไป
“คุณชนะศึกคะ คุณชนะศึก พิณขอโทษค่ะ”
ชนะศึกหายเข้าลิฟต์ไป ประตูลิฟต์ปิดลงต่อหน้าพิณทอง

บนชั้นห้องทำงานชนะศึก ประตูลิฟต์เปิดออก ชนะศึกออกมาจากลิฟต์ แล้วเดินมาตามทางเดินตรงไปที่ห้องทำงานของตน ชนะศึกเดินมาจนถึงโต๊ะเลขา ลิฟต์อีกตัวก็เปิดออก พิณทองออกมา เห็นชนะศึกกำลังจะเข้าไปในห้องทำงานรีบวิ่งไปหา
“คุณชนะศึกคะ พิณขอโทษค่ะ งานนี้สำคัญสำหรับพิณมากนะคะ อย่าไล่พิณออกเลยค่ะ”
ชนะศึกหันมามองพิณทองซึ่งกำลังวิ่งมา แล้วหันกลับเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป พิณทองมาถึงพอดี
ชนะศึกเปิดค้างไว้แล้วหันไปตวาดพิณทอง “อย่าตามเข้ามานะ”
แล้วชนะศึกปิดประตูใส่หน้าพิณทอง
พิณทองคร่ำครวญ “ขอร้องเถอะค่ะ คุณชนะศึก อย่าไล่พิณออกเลยนะคะ พิณจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดเลยค่ะ ไม่ให้มีปัญหาอีกเลยค่ะ”

เสียงพิณทองยังดังอยู่หน้าห้องชนะศึก ชนะศึกเดินไปที่โต๊ะ แล้วยกหูโทรศัพท์ พูดสาย
“ตาม รปภ.มาที่ห้องผมหน่อย”

พิณทองยืนร้องไห้อยู่หน้าห้องชนะศึก พยายามวิงวอนขอร้อง
“พิณผิดไปแล้ว พิณขอโทษจริง ๆ ค่ะ ให้โอกาสพิณนะคะ พิณขอร้อง อย่าไล่พิณออกเลยค่ะ”
ด้านหลังพิณทอง รปภ.คนหนึ่งเดินเข้ามา
“คุณ ๆ ๆ ครับ เชิญข้างนอกดีกว่าครับ”
รปภ.ดึงตัวพิณทองออกมา
“ฉันไม่ไป” พิณทองร้องบอกรปภ. ก่อนจะหันไปขอร้องวิงวอนชนะศึก “คุณชนะศึกคะพิณขอโทษ”

ทว่า รปภ. พาตัวพิณทองออกไปจนได้
ไม่นานต่อมารปภ. คนเดิม ก็เดินพาพิณทองออกมาที่บริเวณหน้าตึก

ระหว่างนั้นสุพจน์มาเจอเข้าพอดี นึกสงสัย “จะพาไปไหนเนี่ย”
“คุณชนะศึกให้พาออกมาข้างนอก โดนไล่ออกแล้ว” รปภ.บอก
“ฮ้า ไล่ออก”
สุพจน์ตกใจหน้าเหวอ
พิณทอง เริ่มจะร้องไห้อีก “พี่ ช่วยหนูหน่อยเถอะ หนูออกจากงานไม่ได้จริงๆ ให้หนูเข้าไปขอร้องคุณชนะศึกอีกทีนะ”

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 1/2 วันที่ 27 ต.ค. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th