อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 2/3 วันที่ 30 ต.ค. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 2/3 วันที่ 30 ต.ค. 55

ไปเลยติด ๆ อย่าให้คลาดสายตานะ ถ้าพลาด ก็เตรียมตัวออกจากงานได้เลย”
“ครับๆ”
แต่ไม่ทันใจแสนร้อนรุ่มของอังคณา
“เร่งไปอีกหน่อย...เป็นเต่าคลานเลย”

รถของอังคณาตามรถของธานินทร์ไป
ธานินทร์ที่นั่งอยู่ในรถไม่รู้ตัว รถผ่านไปในย่านชุมชนที่จอแจ รถอังคณาตามมาติดๆ อังคณายิ่งแปลกใจมากขึ้น
“ตามไปเร็ว ๆ แซง ๆ หน่อย”

รถของธานินทร์เปิดไฟเลี้ยว เริ่มชิดซ้าย อังคณาพยายามชะเง้อชะแง้ดูว่าจะเลี้ยวเข้าซอยไหน
“เออ..ศักดา ฉันว่าวันนี้อย่าเพิ่งไปดีกว่า” ธานินทร์บอก
“ทำไมล่ะครับ ท่านตั้งใจจะไปพบคุณพรรณีไม่ใช่หรือครับ”
“ฉันอยากไปเจอเค้ามาก แต่ฉันว่ามันเร็วเกินไป คนไม่ได้เจอกันตั้งยี่สิบกว่าปี อยู่ๆ โผล่ไปเดี๋ยวเค้าจะตกใจ อีกอย่างเค้าจะจำฉันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”



“ครับๆ”
ศักดาเลี้ยวรถไปอีกทางหนึ่ง โดยรถของอังคณาแล่นตามมาห่าง ๆ
จู่ๆ มีรถมากีดขวางด้านหน้า ทำให้มองไม่ถนัด อังคณาหงุดหงิด คนรถหักพวงมาลัยออกซ้ายไปโดยเร็ว
รถของอังคณาชนเข้ากับรถตุ๊กตุ๊กอย่างจัง
อังคณาร้องลั่น “ระวัง ๆ”
แต่ไม่ทันแล้ว ถุงใส่ของขนาดใหญ่บนรถตุ๊กตุ๊กเอียงหกกระจาย ข้าวของหกตกลงพื้นถนนเต็มไปหมด
“ขับรถประสาอะไรวะ ออก” อังคณาไม่แยแส สั่งคนขับรถ
คนขับตุ๊กตุ๊กโวยวาย “เฮ้ย ขับรถประสาอะไรวะ”
ผู้โดยสารในรถตุ๊กตุ๊ก เป็นพรรณี ที่รีบลุกลงมาทันที
ขณะอังคณารีบลงจากรถ แหวใส่ทันที
“ขับรถไง ฮะ ขับรถปาดหน้าเค้าเนี่ย รถคันเบ้อเริ่มไม่เห็นหรือไง”
คนขับตุ๊กตุ๊กกวน ย้อนกลับ “พี่ขับอย่างงัยละครับ พี่อ่ะ”
“ก็ขับมาดีอะ แกอะขับรถปาดหน้าฉัน” อังคณาของขึ้น
คนขับตุ๊กตุ๊กไม่ยอม “ผมก็ขับมาดีๆ”
อังคณาด่าอีกไม่ลดละ “ถ้าขับมาดีจะชนเหรอ”
“นี่คุณ คุณนั่นแหละผิด คุณเป็นคนขับรถปาดหน้าเค้า แล้วยังทำข้าวของฉันเสียหายอีก ว่ายังไงต้องชดใช้ด้วยนะอย่างงี้ ผิดแล้วยังจะมาเถียงอีก”
พรรณีบอกอย่างเหลืออด พร้อมกับกุลีกุจอเก็บของ ผ้าดิบ หลอดด้าย กระดุม ซิป ของที่ใช้ในการตัดเย็บเสื้อผ้า ที่กระจายเกลื่อนพื้น
มือข้างหนึ่งของพรรณีกำลังเอื้อมเก็บกล่องใส่ด้าย เท้าของอังคณามาเหยียบเอาไว้ พรรณีตกใจ เงยหน้าขึ้นมอง เห็นอังคณามองจิกลงมา
“เป็นใคร...แล้วรู้มั๊ยฉันเป็นใคร ถือดียังไงมาว่าฉัน”
พรรณีลุกขึ้นมองอังคณา ท่าทีไม่พอใจ
“ทำไมฉันจะว่าไม่ได้ ในเมื่อคุณขับรถชนเค้า”
อังคณาแหวใส่ “ใครชนใคร”
“คุณนั่นแหละชนเค้า แล้วข้าวของฉันเสียหายอย่างงี้” พรรณีว่า
“ก็เธอปาดหน้าฉันนิ่ นี่ฉันตามคนมานะ ตามไม่ทันเลย พลาดไปเลย เห็นหรือเปล่า รู้มั้ยความเสียหายของฉันมันเท่าไร มันยิ่งกว่าของสับปะรังเคของเธอมากมายหลายร้อยล้านเท่านัก”
“ทำผิดแล้วพาล จะไม่ยอมรับผิดใช่ไหมคุณ นี่ ถ้าพูดกันดี ๆ ไม่รู้เรื่อง งั้นก็รอตำรวจมาก็แล้วกัน” พรรณีบอก
อังคณาหรือจะหวั่นกลัว แถมท้าอีก
“มาเลย เรียกมาเลย ช่วยเรียกมาไว ๆ หน่อยนะตำรวจน่ะ” พูดเสียงเยาะ “นึกเรอะว่าตำรวจจะทำอะไรฉันได้ จะบอกให้นะ ตำรวจน่ะเขามีเอาไว้จับพวกขี้ข้าขี้ครอกหยั่งแก เท่านั้นแหละ แต่คนระดับฉันน่ะ” ปรายตามองพรรณีอย่างเหยียดหยาม “ต่อให้ฉันขับรถทับแกตาย ก็ไม่ต่างอะไรกับขับรถทับแมวตัวนึง”
พรรณีได้ฟังก็โกรธมาก ขึ้นเสียงใส่ “นี่ คุณ! จะมากไปแล้วนะ”
“ไม่มากหรอก พอกันที ฉันเสียเวลามากเกินไปแล้ว .. ความจริงฉันไม่ต้องสนใจแกก็ได้นะ เพราะแกทำอะไรฉันไม่ได้อยู่แล้ว วันนี้ฉันรู้สึกอารมณ์ดีน่ะนะ” หยิบเงินในกระเป๋าออกมาปึกหนึ่ง มองพรรณีด้วยแววตาเหยียดหยันดูแคลน
พรรณีทำท่าจะรับ อังคณาขว้างเงินใส่หน้าพรรณี
“วันนี้ฉันรู้สึกว่าอยากทำทานน่ะ”
จากนั้นอังคณาเดินเชิดกลับขึ้นรถไป

พรรณีมองตามอย่างโกรธแค้น ก่อนจะค่อยๆ ก้มลงเก็บเงินที่เกลื่อนกระจายบนถนนอย่างขมขื่นใจ
เวลาต่อมา พรรณีกำลังซ่อมแซมของที่เสียหายอยู่ โดยมี ผึ้ง และป้าสำอางค์โวยวายอยู่ใกล้ๆ

“แหม เสียดาย ฉันไม่ได้ไปด้วย ไม่งั้นจะฉะมันให้หน้าหงายไปเลย”
“นั่นสิวะ บ้าแบบนี้ มันต้องเจอตบให้ปากฉีก กินข้าวไม่ได้ไปซักสองสามวัน”
พรรณีส่ายหน้าเศร้าๆ ไม่เห็นด้วย ผึ้งยิ่งขัดใจ
“น้าณีก็เป็นซะอย่างนี้ คนเลวๆ พรรค์นี้ ไม่น่าไปยอมมัน”
“ไม่ยอมแล้วยังไง” พรรณียิ้ม แต่ช่างขมขื่นเสียนี่กระไร “ก็จริงอย่างที่เค้าว่า เค้ามันรวย มีอำนาจล้นฟ้า คนจนอย่างเรา จะไปทำอะไรเค้าได้”
“ได้ไม่ได้มันก็ต้องอลงดูซักตั้ง ให้มันรู้ว่าไผเป็นไผ” ผึ้งไม่ยอม
พรรณีแววตาเศร้า เหม่อมองออกไป “อย่าเลยผึ้ง น้ารู้ตัวดีว่าน้าเป็นใคร...เกิดมาเป็นคนจนก็ต้องเป็นคนจนอยู่วันยังค่ำ เราเลือกเกิดไม่ได้ แล้วก็ไม่มีทางจะเปลี่ยนแปลงได้หรอก”
ใบหน้าพรรณี หวนคิดถึงอดีตที่ปวดร้าว

ตอนกลางวันของวันนั้น พวกลูกน้องของพ่อธานินทร์อาละวาดพังข้าวของในร้าน อาแปะร้องโวยวายห้าม แต่โดนลูกน้องอีกคนจับโยนไปมุมห้อง ร้านทั้งร้านพังเละเทะ พรรณีแอบตัวสั่นอยู่หลังประตู ร้องไห้
“หยุดเถอะ อั๊วขอร้อง ร้านอั๊วพังฉิกหายหมดเลี้ยว” อาแปะร้องขอ
พ่อธานินทร์ยกมือห้ามลูกน้อง ทุกคนหยุด พ่อธานินทร์กระชากคออาแปะขึ้นมาพูด
“บอกนังเด็กที่ชื่อพรรณีด้วย ว่าทันทีที่เรียนจบ ธานินทร์จะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อแม่เลือกให้...นับแต่นี้ไป ฉันขอห้าม ไม่ให้มันมายุ่งกับลูกชายของฉันอีก ไม่งั้น...”
พ่อธานินทร์ปล่อยมือ อาแปะทรุดกับพื้น พ่อธานินทร์พาลูกน้องออกไป
พรรณีออกมาจากที่ซ่อน เข้าไปประคองอาแปะ น้ำตาไหล
“อาแปะ”
“ลื้อได้ยินแล้วใช่ไหม อาพังณี...”
“จ้ะ”
อาแปะเศร้า สงสารพรรณี “แล้วลื้อจะทำยังไง”
พรรณีน้ำตาไหลริน รู้ว่าหมดหนทาง
พรรณีอยู่คนเดียวในห้องดึงตัวเองกลับมา มองภาพถ่ายของตัวเองกับเพชรแท้ และพิณทอง สีหน้าครุ่นคิด
“ฉันเคยเจ็บมามากแล้ว แล้วฉันจะไม่ยอมเจ็บอีก...สำหรับคนจนอย่างเรา มีทางเดียวคือต้องหนี หนีไปให้พ้นจากคนที่ทำให้เราต้องเจ็บช้ำน้ำใจ”

เช้าวันใหม่ ขณะที่ธานินทร์กำลังจะออกไปทำงาน เดินลงมาจากชั้นบน เรืองโรจน์และศักดาที่รออยู่เดินตามมา อังคณาอยู่ในชุดลำลองกรุยกราย เข้ามาดักไว้ หน้าตาหาเรื่อง
“จะไปแล้วหรือคะ”
“ฮื่อ” ธานินทร์ว่า
อังคณาประชดประชันน้ำเสียงขุ่น “รีบไปแต่เช้าเลยนะคะ ไม่รู้จะรีบไปทำงานหรือไปทำอะไร”
ธานินทร์ชะงัก “อะไรอีกล่ะ คุณอังคณา”
“ฉันก็แค่สงสัย เมื่อวานออกจากที่ประชุมสมาคมแล้วคุณไปไหนมา เห็นเรืองโรจน์บอกว่ากว่าคุณจะกลับไปถึงที่ทำงานก็บ่าย”
“คุณตามเช็คผมเหรอนี่” ธานินทร์ตวัดเสียง
“ก็ถ้าคุณไม่มีความลับอะไร ก็ไม่เห็นต้องกลัว” อังคณาย้อน
“ผมไม่เคยกลัว! ที่ผ่านมาที่ผมยอมคุณ เพราะผมไม่อยากมีเรื่อง แต่ผมเตือนคุณก่อนนะ คุณอังคณา ความอดทนของคนมันมีขีดจำกัด คุณทำตัวแบบนี้ ผมอาจจะทนไม่ไหวขึ้นมาซักวัน แล้วอย่าหาว่าผมไม่เตือน”
อังคณาชักสีหน้า ทำท่าชวนทะเลาะต่อ ธานินทร์ตัดบท
“รีบไปเถอะ เรืองโรจน์ ผมรำคาญ พวกสอดรู้สอดเห็น”
ธานินทร์เดินลิ่วออกไปนอกบ้าน ศักดาตามไป
เรืองโรจน์หันบอกกับอังคณา “ผมว่าท่านคงโมโห”
“ฉันไม่สน” อังคณาวางอำนาจ
เรืองโรจน์เตือนสติ “แต่ถ้าหากคุณผู้หญิงบอกท่านว่ารู้เรื่องโน้นเรื่องนี้จากผม อีกหน่อยผมคงจะช่วยคุณผู้หญิงได้ลำบาก”
อังคณาได้สติ “โทษที ฉันอดไม่ได้” มีท่าทีสงบใจลง “แต่ฉันมั่นใจว่าคุณธานินทร์ต้องมีอะไรปิดบังฉันแน่ๆ แล้วเธอต้องช่วยฉัน...”
“คุณผู้หญิงจะให้ผมทำอะไร”
อังคณา ตามดูเขา ตั้งแต่นี้ต่อไป... เขาไปไหน ไปกับใคร ทำอะไร ... ฉันอยากรู้ทุกอย่าง เข้าใจไหมเรืองโรจน์
เรืองโรจน์พยักหน้ารับ

ที่บริษัทเบสท์เอนเตอร์ไพร้ส์ ตอนกลางวัน ตรงเคาน์เตอร์โอเปอเรเตอร์ ดาวกับนันทนากำลังคุยอยู่กับพิณทอง
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะ น้องพิณ น้องน่ะ เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัทเราเลยรู้ไหม ที่ถูกคุณชนะศึกไล่ออก แล้วยังกลับมาทำงานได้” ดาวว่า
นันทนาเสริม พร้อมกับสัพยอก “ใช่ สงสัยจะมีพระดี”
“เพราะท่านประธานใจดี เมตตาพิณมากกว่าค่ะ” พิณทองยิ้มบอก
“ฮื่อ ท่านประธานน่ะใจดีมาก ไม่เหมือน...” นันทนาค้างคำ ชะงักกึก
สองสาวหันไป เห็นชนะศึกเดินหน้าเชิดเข้ามาในตึก ทุกคนยืนเงียบ ดาวแกล้งทำเป็นปัดฝุ่นไป
ชนะศึกเดินมาถึงเคาน์เตอร์ ทั้งสามหันมาไหว้ชนะศึก ชนะศึกรับไหว้ มองหน้าพิณทองอย่างเอาเรื่อง
พิณทองอึ้ง แทบไม่กล้าหายใจ
นันทนาถามเสียงแผ่ว “คุณชนะศึกมีอะไรหรือเปล่าคะ”
ชนะศึกไม่ตอบ เดินเชิดไป ทุกคนค่อยๆ ระบายหายใจโล่งอกเป็นแถว
“โอ้ย...เกือบจะเป็นลม” พิณทองบอกเป็นคนแรก
ดาวเอาด้วย “นั่นสิ ถ้านานกว่านี้อีกหน่อย พี่คงขาดใจตาย”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น นันทนาหันไปมองเมื่อเห็นว่าเป็นสายภายใน
“สายจากชั้นผู้บริหาร” ทุกคนหันมามองกันไปมา จากนั้นนันทนาก็รับโทรศัพท์ “ค่ะ…อ๋อ ค่ะ อยู่ที่นี่ค่ะ…เดี๋ยวนี้เลยเหรอค่ะ…ได้ค่ะ” นันทนาวางหู แล้วหันมาพูดกับพิณทอง
“อะไรคะ คุณพี่” ดาวชิงถามด้วยความอยากรู้
“เจ้านายให้น้องพิณขึ้นไปพบข้างบน” นันทนาบอกกับพิณทอง
“เจ้านาย”
พิณทองอึ้ง หน้าเสีย รู้สึกกังวลขึ้นมา

ครู่ต่อมาประตูลิฟต์ชั้นผู้บริหารเปิดออก พิณทองก้าวออกมา ยืนลังเลอยู่ ก่อนที่เรืองโรจน์จะเดินเข้ามาหา
“น้องชื่อพิณทองหรือเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ”
“เชิญทางนี้เลย ท่านประธานเรียกพบครับ”
เรืองโรจน์เดินนำไปทางห้องธานินทร์ พิณตามไป

ภายในห้องทำงานของธานินทร์ยามนั้น ธานินทร์นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ ครู่หนึ่งมีเสียงเคาะประตู
“เชิญ”
สิ้นเสียงของธานินทร์ประตูห้องเปิดออก เรืองโรจน์เข้ามา
“ท่านครับคุณพิณทองมาแล้วครับ”
พิณทองตามเข้ามาในห้อง
“ขอบใจมากเรืองโรจน์”
เรืองโรจน์ถอยออกจากห้องไป
“นั่งซี” ธานินทร์เชื้อชวน พิณทองเข้าไปนั่ง “เป็นไง จักร ใช้ได้ดีเหมือนเดิมไหม”
พิณทองยิ้มกว้าง “ค่ะ แม่ดีใจมากเลยค่ะ ฝากขอบพระคุณท่านมาด้วย”
“แม่ของหนูจะได้ทำงานได้เต็มที่ จะได้มีเงินมีทอง ไม่ต้องกินแต่ไข่อีกแล้ว”
พิณทองชะงักนิดหนึ่ง แล้วเปลี่ยนท่าทีเป็นขำ “ท่านพูดอย่างกับตาเห็นน่ะคะ บ้านหนูทานแต่ไข่กันจนไม่อยากเห็นอีกแล้ว เช้าไข่ดาว เที่ยงไข่ต้ม บางทีเย็นก็ไข่” พิณทองทำท่าคิดเมนูไข่อีก
ธานินทร์เย้า “เดี๋ยว ๆ ไข่ลูกเขยมั้ง”
“ใช่ๆ คะ ไข่ลูกเขย”
ธานินทร์หัวเราะ พิณทองพลอยขำไปด้วย
“เออ ที่เรียกหนูขึ้นมานี่ เพราะมีข่าวจะบอก หนูไม่ต้องกลับไปเป็นผู้ช่วยโอเปอเรเตอร์แล้วนะ”
ฟังธานินทร์ว่า พิณทองตกใจมาก คิดว่าจะให้เธอออก “แล้ว จะให้หนูทำอะไรเหรอคะ”
ธานินทร์รีบบอก “อะไร ทำไมทำหน้าอย่างนั้น ฉันมีงานอื่นให้หนูทำ”
พิณทองฉงน “งานอะไรเหรอคะ”

เวลาต่อมาที่หน้าห้องธานินทร์ พิณทองยืนอยู่กับยุ้ย และธานินทร์
“ตรงนี้ที่นั่งใหม่ของน้องนะคะ” ยุ้ยผายมือไปที่เก้าอี้ใกล้ๆ
“ของหนูเหรอคะ หนูไม่เข้าใจค่ะท่าน” พิณทองมองธานินทร์
“ฉันจะให้หนูขึ้นมาช่วยคุณยุ้ยเขาน่ะ งานเขาเยอะ แรกๆ มันอาจจะยุ่งๆ หน่อย แต่ไม่นานก็คงจะเข้าใจ”
พิณทองพยักหน้า ธานินทร์พูดกับยุ้ย
“ยุ้ยก็สอนงานน้องเขาด้วยนะ”
“ค่ะ”
ธานินทร์หันมาทางพิณทอง บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ตอนนี้เราอยู่ใกล้กันแค่นี้แล้วนะ มีปัญหาอะไรก็บอกฉันได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”
ยุ้ยได้ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ กับน้ำคำของธานินทร์
พิณทองไหว้ธานินทร์อีกครั้ง “ขอบพระคุณท่านมากค่ะ”

ห่างออกไป เรืองโรจน์มองดูเหตุการณ์ทั้งหมด ด้วยสายตาครุ่นคิด และสงสัย ก่อนจะเดินกลับไป
สุดาเอาเอกสารมาให้เซ็นที่โต๊ะทำงาน ชนะศึกถามสุดา

“สุดา”
“คะ”
“ตกลงเรื่องแฟ้มมิสเตอร์เดวิดน่ะ เรียบร้อยหรือยัง”
“อ๋อ คุณยุ้ยบอกท่านประธานอ่านอยู่ค่ะ” สุดาว่า
“ช้าจริง...” ชนะศึกลุกขึ้น “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปคุยเองดีกว่า”
ชนะศึกเซ็นเอกสารเสร็จ แล้วลุกเดินออกไป

ภายในห้องครัวชั้นผู้บริหาร มีห้องครัวเล็ก ๆ สำหรับเตรียมกาแฟ และอาหารสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ และมีซิงค์สำหรับล้างถ้วยชาม แม่บ้านอายุใกล้ห้าสิบ กำลังสอนพิณทองชงชา
“ท่านต้องรับชาดอกคำฝอยทุกวัน ปกติคุณยุ้ยก็จะสั่งให้ยกเข้าไปเวลานี้แหละ”
พิณทองฟัง มีท่าทีกระตือรือร้น
“งั้นจากนี้ไป หนูจัดการเองค่ะ”

พิณทองเดินถือถาดถ้วยชามาที่หน้าห้องทำงานธานินทร์ ชนะศึกเดินมาถึงหน้าห้อง เห็นยุ้ยกำลังพูดโทรศัพท์อยู่
“แฟ้มแผนกบัญชีเหรอคะ…ส่งคืนไปให้แล้วนี่คะ ตั้งแต่วันศุกร์”
ชนะศึกเรียก “คุณยุ้ย”
ยุ้ยพูดกับปลายสาย “สักครู่นะ” หันมาทางชนะศึก “คะ”
“คุณพ่ออยู่ใช่ไหม ไม่มีแขกนะ”
“อ๋อ ไม่มีค่ะ”
ชนะศึกเดินถอยหลังไปบอกยุ้ย “คุยงานต่อเถอะ ผมเข้าไปเอง ไม่เป็นไรหรอก”
พูดจบชนะศึกเดินถอยหลังไป โดยไม่ทันเห็นว่าพิณทองถือถาดใส่ถ้วยชาร้อน ๆ ออกมาจากห้องครัว
ครั้นชนะศึกหันมาจึงชนเข้ากับพิณทองอย่างจัง น้ำชาร้อน ๆ หกราดลงบนตัว
ชนะศึกร้อง “โอ๊ย”
พิณทองตกใจมาก
พอชนะศึกเห็นว่าเป็นพิณทองก็ยิ่งฉุน “นี่เธออีกแล้วเหรอ”
“ค่ะ”
ขณะพูดชาหกลงบนตัวชนะศึกอีกครั้ง
“ขอโทษค่ะ”
ยุ้ยตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก
พิณทองหันรีหันขวาง วางถาดไว้ แล้วดึงกระดาษทิชชู่ออกมากำใหญ่ แล้วหันกลับไปจะเช็ดที่ตัวชนะศึก
“พิณ...”
“ไม่ต้อง เอามานี่” ดึงกระดาษจากพิณทองมาเช็ดเอง ท่าทีแสบร้อนไปหมด หันมาพูดกับยุ้ย “คุณมาทำอะไรบนนี้”
“พิณย้ายขึ้นมาทำงานบนนี้ค่ะ” พิณทองตอบแทน
“ข้างบนนี้นะ คำสั่งใคร ฉันถามว่าคำสั่งใคร คำสั่งใคร”
“ท่านประธานค่ะ” ยุ้ยบอก
ชนะศึกไม่อยากจะเชื่อ เดินเข้าห้องธานินทร์ไปอย่างฉุนฉียว

ชนะศึกพรวดพราดเข้ามาในห้องทำงานธานินทร์ ถามผู้เป็นพ่อในอาการฉุนเฉียว
“ทำไมเป็นแบบนี้ครับคุณพ่อ”
ธานินทร์เงยหน้าจากเอกสารมามอง
“อะไร นี่ก่อนเข้ามาเคาะประตูไม่เป็นเหรอ แล้วนั่นไปทำอะไร เสื้อผ้าถึงได้เลอะเทอะ อย่างนั้น”
ชนะศึกย้อนเอาน้ำเสียงขุ่น “อยากรู้ใช่ไหมครับว่าทำไมเป็นแบบนี้ ก็ผู้หญิงที่ผมไล่ออก แล้วพ่อจ้างกลับมานั่นแหละครับที่เป็นคนทำ”
“พิณทองน่ะเหรอ เป็นไปได้ยังไง” จะหยิบโทรศัพท์สายในตรงโต๊ะ
ชนะศึกเข้ามาจับมือพ่อไว้ “ช่างมันเถอะครับ ผมต้องการคำอธิบายจากพ่อมากกว่า ทำไมพ่อถึงย้ายเขาขึ้นมาทำงานบนนี้”
“แล้วลูกจะมาซีเรียสอะไรนักหนา พ่อให้เขาย้ายขึ้นมาทำงานให้พ่อ ไม่ได้เกี่ยวกับลูกซักหน่อย”
ชนะศึกพาล “แต่ผู้หญิงคนนั้นผมเป็นคนไล่เธอออก แค่พ่อจ้างกลับเข้ามา ผมก็เสียหน้าแค่ไหนแล้ว นี่ยังเอามานั่งหน้าห้องพ่ออีก อยากจะประจานผมหรือไงครับ”
ธานินทร์ย้อน “พ่อเนี่ยนะ จะประจานลูก ยุ้ยเขาบ่นว่างานเขาเยอะ พ่อก็มองหาคนมาช่วยเขา คนอื่นเขาก็มีงานเต็มมือ เด็กคนนี้เพิ่งมาใหม่ ยังไม่ได้รับผิดชอบอะไรเป็นอัน พ่อก็เลยคิดว่าเหมาะที่สุด”
“เหมาะอะไรครับ ความรู้มีเหรอ ท่าทางก็เบ๊อะบ๊ะจะตาย แค่เสิร์ฟน้ำชายังทำหกใส่ผมได้ บอกผมมาตามตรงดีกว่า พ่อทำแบบนี้ทำไม”
ธานินทร์พูดบอกน้ำเสียงจริงจัง “พ่อไม่จำเป็นต้องตอบ” หยุดนิ่งไปอีกนิดหนึ่ง “ชนะ พ่อไม่เคยขออะไรลูกเลย แต่สำหรับเด็กคนนี้พ่อขอ”
ชนะศึกมองพ่ออย่างหงุดหงิด ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป ด้วยหน้าตาสงสัย และไม่พอใจอย่างมาก

ขณะเดียวกันพิณทองยืนตัวลีบเล็กอยู่หน้าห้อง มีสุดาอยู่ข้างๆ พิณทองเดินเข้าไปที่หน้าห้องธานินทร์ ชนะศึกเดินสวนออกมาจากห้องธานินทร์พอดี มองเลยพิณทองไปพูดกับสุดา
“หาเสื้อให้ใหม่ตัวนึง”
“ค่ะ” สุดารับคำ เดินตามชนะศึกไป

ชนะศึกเดินเข้าห้องตัวเอง พิณทองมองตาม รู้สึกผิด

ชนะศึกเดินมาหน้าห้อง ส่งเสื้อตัวเก่าให้สุดา
“ส่งไปซักให้ด้วย”
จากนั้นชนะศึกก็เข้าห้องไป พิณทองเดินออกมาจากที่ที่ยืนแอบอยู่ ตรงเข้ามาที่โต๊ะของสุดา
“เดี๋ยวพิณเอาไปซักให้มั้ยคะ”
“ไม่ต้องหรอกจ้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ พิณเป็นคนทำ พิณต้องรับผิดชอบ”
สุดาพยักหน้า แล้วส่งเสื้อให้พิณทองไป

เรืองโรจน์เดินอย่างรีบร้อนมาตามทาง มาหยุดที่ริมสระว่ายน้ำ เรืองโรจน์มองไปแล้วยิ้มกริ่ม
ชนกนันท์กำลังนอนอยู่ที่เก้าอี้ริมสระ มองมาเห็นเรืองโรจน์ยืนยิ้มอยู่ก็ไม่พอใจ
“นี่นายมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้”
ชนกนันท์รีบดึงผ้ามาคลุมตัว เรืองโรจน์สะดุ้งรู้สึกตัว
“เออ...ผมมาพบคุณอังคณาน่ะครับ”
“คุณแม่อยู่ข้างใน...ไปได้แล้ว”
“ครับ”
เรืองโรจน์รับคำ แล้วรีบเดินออกไป

อังคณาเดินนำเรืองโรจน์ เข้ามาที่ห้องทำงานส่วนตัวของอังคณาในบ้าน
“ว่ามา มีอะไร”
เรืองโรจน์ออกตัว “ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
อังคณาดักคอ “อย่ามาอ้ำอึ้ง ถ้าไม่มีอะไรเธอคงไม่มาหาฉัน ว่ามา”
“วันนี้ท่านรับผู้ช่วยเลขาฯ คนใหม่ครับ”
อังคณานิ่วหน้าคิดในใจว่ามันแปลกยังไง เรืองโรจน์รีบอธิบายต่อ

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 2/3 วันที่ 30 ต.ค. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th