อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 2 วันที่ 28 ต.ค. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 2 วันที่ 28 ต.ค. 55

พิณทอง เริ่มจะร้องไห้อีก “พี่ ช่วยหนูหน่อยเถอะ หนูออกจากงานไม่ได้จริงๆ ให้หนูเข้าไปขอร้องคุณชนะศึกอีกทีนะ”
ขณะที่รปภ.ปล่อยแขนพิณทอง แล้วจะกลับเข้าไปในตึก แต่พิณทองกลับดึงแขนเสื้อรปภ. คนนั้นไว้
“พี่หนูไหว้ละค่ะ”
“ไม่ได้ น้อง นายเขาบอกแล้วไง ให้น้องออกไป ..ไปเถอะไป๊”
พิณทอง ร้องไห้สะอึกสะอื้น “พี่ไม่เข้าใจ เขาไล่หนูออกจากงานไม่ได้นะคะ แม่หนูจน บ้านหนูไม่มีเงิน หนูต้องทำงานเอาเงินไปใช้หนี้ให้แม่”

สุพจน์รีบบอก “โธ่ น้อง พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ขืนพี่ให้น้องเข้าไปพี่ก็โดนไล่ออกน่ะซี ไม่ใช่แต่แม่น้องคนเดียวนะที่มีหนี้ พี่ก็มีเหมือนกันนะโว้ย”
ระหว่างนั้นเองตรงทางเข้าลานจอดรถ รถของธานินทร์แล่นเข้ามา ธานินทร์นั่งอยู่ตอนหลัง มองออกไปเห็น สุพจน์กับพิณทองยื้อยุดกันอยู่ สุพจน์พยายามดึงพิณทองไว้ ธานินทร์แปลกใจ



ธานินทร์สงสัย “อะไรกัน” บอกคนรถ “ศักดา เดี๋ยว จอดรถก่อน”
รถจอด ธานินทร์เปิดประตูลงจากรถไป เดินตรงไปหา สุพจน์เห็นก็ตกใจ
“อุ๊ย นายใหญ่มา สวัสดีครับนาย” สุพจน์ทักทายธานินทร์อย่างนอบน้อม
“นี่ ทำอะไรกันน่ะ”
สุพจน์ดึงพิณทองด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างยกขึ้นมาตะเบ๊ะ
“หนูคนนี้เค้าโดนคุณชนะไล่ออกครับ แต่จะขอเข้าไปหาคุณชนะอีกครับ นาย”
พิณทองได้ยินสุพจน์เรียกธานินทร์ว่านายจึงรีบหันมา
“ท่านคะ หนูไหว้ล่ะค่ะ ช่วยหนูด้วยนะคะ”
ธานินทร์เห็นหน้าพิณทองแล้วถูกชะตาทันที
“มีอะไรเหรอหนู ไหนเล่าให้ฉันฟังซิ”

ครู่ต่อมาธานินทร์เดินเข้ามาในภาพ
“เรื่องเล็กๆ แค่นี้ทำไมถึงกับไล่เขาออก”
ชนะศึกงง “พ่อทราบได้ยังไงครับ”
“เขานั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าบริษัท”
ชนะศึกฟ้อง “พ่อทราบไหมว่าไอ้เรื่องเล็กที่พ่อว่า มันอาจจะทำให้เราเสียหายเป็นร้อยล้าน”
ธานินทร์ย้อนถาม “แล้วเสียไหม”
“โชคดีที่มิสเตอร์เดวิดเขาต่อกลับเข้ามาน่ะซีครับ ผมเลยได้คุยกับเขาต่อ”
“แล้วเขาตกลงจ้างเราไหม”
“จ้างครับ”
“งั้นเราก็ไม่ได้เสียหายอะไร”
“แต่เขาก็จะมองว่าผมเสียมารยาท ปล่อยให้เขารอสายอยู่ตั้งนาน”
“ลูกโยนความผิดให้แม่หนูคนนั้นได้ยังไง เด็กคนนั้นเพิ่งมาทำงานที่นี่วันแรก ฟังแต่เสียงเขาจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นลูก บอกให้เขาโอนสายมาให้ เขาก็โอนตามเบอร์ที่โทรลงไป ลูกต่างหากที่ควรจะบอกให้เขาโอนกลับไปที่เบอร์อะไร”
“ผมจำไม่ได้หรอกว่าเบอร์ห้องผมเบอร์อะไร”
“แล้วอย่างนี้จะไปเรียกร้องให้ทุกคนเขาจำเสียงตัวเองเหรอ
ชนะศึกเถียง “ทำไมพ่อถึงเป็นห่วงเด็กผู้หญิงที่พ่อไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าคนนั้นนักครับ”
ธานินทร์บอก อบรมลูกชายอยู่ในที “เพราะลูกทำไม่ถูก แล้วที่เขาไปยืนร้องไห้อยู่หน้าบริษัทอย่างนั้น คิดว่าเป็นภาพลักษณ์ที่ดีกับบริษัทเราเหรอ”

ชนะศึกนั่งเอนตัวลง หันไปทางอื่น “แต่ถึงยังไงมันก็คงสายไปแล้วล่ะครับ ผมบอกฝ่ายบุคคลไปแล้ว เขากำลังเอาเอกสารมาให้ผมเซ็น”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพอดี
ชนะศึกบอก “เชิญ”
ประตูเปิดออก ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเข้ามา คำนับเมื่อเห็นธานินทร์ แล้วหันไปพูดกับชนะศึก
“เอกสารของ น.ส.พิณทอง ค่ะ”
ผู้จัดการค้อมตัวขณะเดินผ่านธานินทร์เอาเอกสารไปให้ชนะศึก ชนะศึกรับเอกสารมา เปิดหน้าแรก มีบันทึกให้พิณทองออก ชนะศึกอ่านผ่านๆ แล้วเซ็นชื่อทันที เสร็จแล้วส่งแฟ้มคืนให้ผู้จัดการ ผู้จัดการรับแฟ้มมา กำลังจะถอยออกไป ธานินทร์ทนไม่ไหวบอกด้วยท่าทีเบื่อหน่าย
“เอามานี่”
ผู้จัดการชะงัก ธานินทร์เอื้อมมือไปดึงแฟ้มเอกสารมาเอง ผู้จัดการไม่ทันตั้งตัว ทำให้แฟ้มเอกสารหล่นลงที่พื้น ใบประวัติของพิณทองมาตกอยู่ที่เท้าของธานินทร์
ผู้จัดการรีบนั่งลงเก็บเอกสารอื่น ๆ เป็นหลักฐานการศึกษา ทะเบียนบ้านของพิณทอง
ธานินทร์เก็บใบประวัติของพิณทองขึ้นมา มองดูอย่างไม่ได้ตั้งใจนัก แต่แล้วธานินทร์ก็ต้องชะงัก
เมื่อสายตาธานินทร์ไปที่ชื่อมารดาของพิณทองในเอกสาร เป็นชื่อของพรรณีที่ยังคงใช้นามสกุลเก่า เป็นชื่อ “พรรณี เปี่ยมจิต”
ธานินทร์นิ่งอึ้ง ภาพความหลังเสื้อลายปักแวบเข้ามาในหัว ที่แท้ “พรรณี” คือคนรักเก่าของเขานั่นเอง
เสียงความคิดดังก้องในหัวธานินทร์ “นี่ลูกสาวเธอเหรอพรรณี”
ชนะศึกร้องโวยทักท้วง
“พ่อครับ ให้ผู้จัดการเขาไปเถอะครับ
ธานินทร์หันมาทางชนะ ไม่ได้ยิน “หืม”
ชนะศึกท้วงอีก “ผมเซ็นให้ออกไปแล้ว ให้ผู้จัดการเขาไปเถอะครับ”
“ไม่ต้องแล้ว พ่อดูแลเรื่องนี้เอง”
ธานินทร์ตัดบทยื่นมือมาขอเอกสารจากผู้จัดการ ผู้จัดการงวยงง มองไปทางชนะศึก ขณะที่ชนะศึกเองก็ไม่เข้าใจ
ธานินทร์ย้ำ “เอาแฟ้มนั่นมาให้ผม”
ผู้จัดการส่งแฟ้มของพิณทองให้
ธานินทร์รับแฟ้มแล้วเดินออกจากห้องไปเฉยเลย ชนะศึกงง ไม่เข้าใจ

ภายในห้องทำงานธานินทร์ มีเสียงเคาะประตู พนักงานชื่อยุ้ยเปิดประตูเข้ามา
“ท่านคะ พิณทองมาถึงแล้วค่ะ”
“ให้เข้ามาสิ”
“ค่ะ”
ยุ้ยถอยกลับออกไป แล้วพาพิณทองกลับเข้ามา จากนั้นยุ้ยก็ออกไปพร้อมกับปิดประตู พิณทองรู้สึกประหม่าเป็นที่สุด ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับธานินทร์
“หนู...นั่งซี”
พิณทองเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะธานินทร์ ธานินทร์เองก็เข้ามานั่ง ธานินทร์นั่งมองหน้าพิณทอง คราวนี้เป็นการมองที่พินิจอย่างจริงจังมากขึ้น เขายิ่งรู้สึกว่าพิณทองเหมือนพรรณีมาก ธานินทร์จ้องเอาๆ จนพิณมองเหลือบตาขึ้นมอง นั่นละธานินทร์จึงรู้สึกตัว
“หนูชื่อพิณทองใช่มั้ย”
“ค่ะ”
“แม่หนู ..เอ๊ย ครอบครัวหนูทำอะไรล่ะ”
“แม่พิณเป็นช่างเย็บผ้าค่ะ”
“แล้วพ่อของหนูล่ะ”
“พ่อเสียมาหลายปีแล้วค่ะ ตั้งแต่พิณยังเด็ก”
“งั้นหนูก็อยู่กับแม่สองคนเหรอ”
“มีพี่ชายอีกคนค่ะ เป็นครูฝึกอยู่ที่สปอร์ตคลับค่ะ”
“อยู่กันลำบากมากไหม”
“ไม่หรอกค่ะ แต่ว่าตอนนี้จักรแม่ถูกเขายึดไปค่ะ แม่ไม่มีเงินให้เขา พิณคิดว่าถ้าได้เงินเดือนจะไปไถ่จักรให้แม่ ท่านคะ กรุณาเถอะค่ะ ท่านช่วยของานคืนให้พิณได้ไหมคะ” พิณทองพูดพร้อมกับยกมือไหว้อย่างน่าสงสาร

สีหน้าธานินทร์เศร้าสลดลง ทั้งเห็นใจและเวทนา
เวลาต่อมา ขณะที่ยุ้ยนั่งทำงานอยู่ ธานินทร์เปิดประตูนำพิณทองออกมาจากในห้อง

“คุณยุ้ย” ธานินทร์ส่งเอกสารของพิณทองให้ “ช่วยไปที่ฝ่ายบุคคล และยกเลิกคำสั่งลาออกของหนูพิณด้วยนะ”
“อะไรนะคะท่าน” ยุ้ยฉงน
“บอกเค้าให้ยกเลิกคำสั่งลาออกหนูพิณด้วย ได้ยินแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะท่าน” ยุ้ยรับเอกสารมาแล้วเดินออกไปเลย
“พิณขอบคุณท่านมากนะคะ ที่กรุณาพิณ”
“ไม่เป็นไร อย่าคิดมากเลย”
ธานินทร์เดินนำพิณทองมาที่ลิฟต์ พิณทองนั้นมีท่าทางดีใจมาก
ธานินทร์นึกได้ “หนูว่าค่าไถ่จักรแม่น่ะ เท่าไหร่นะ”
“ห้าพันค่ะ”
ธานินทร์ล้วงกระเป๋าตังค์หยิบเงินออกมาห้าพัน ส่งให้ “เอานี่”
พิณทองมองเงินตรงหน้า แล้วมองหน้าธานินทร์ “ขอบพระคุณค่ะ แต่พิณรับไม่ได้หรอกค่ะ”
“ฉันให้ยืม พอเงินเดือนหนูออก ฉันก็จะหักคืน”
พิณทองยิ้มออก ยกมือไหว้ และรับเงินมา “ขอบพระคุณมากค่ะ”
“วันนี้มันมีเรื่องเครียดมากแล้ว ทำงานต่อก็คงจะไม่มีความสุข หนูควรจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับมาทำงาน เดี๋ยวฉันจะให้คนรถขับไปส่ง”
“พิณขอบพระคุณท่านมาก ๆ นะคะ” พิณทองไหว้ธานินทร์ ยิ้มกว้างอย่างดีใจ
ธานินทร์ยิ้มสุขใจ “ไปเถอะๆ”
“พิณขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ”
พิณทองไหว้ธานินทร์อีก ดีใจมากยิ่งขึ้น พิณทองหันหลังไป และหันกลับมา
“พิณขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ”
ธานินทร์หัวเราะ “เดี๋ยวก็ไม่ได้ไปหรอก”
พิณทองเดินออกไป ธานินทร์ยิ้มรับ และยืนยิ้มมีความสุขอยู่คนเดียว
ธานินทร์ยกโทรศัพท์ขึ้นมา และกดโทร.ออก
“ศักดาเหรอ ขึ้นมาหาฉันหน่อยนะ”

ไม่นานนัก รถของธานินทร์แล่นไปบนถนน ภายในรถศักดาเป็นคนขับรถ ศักดามองไปที่กระจกส่องหลังเสียงธานินทร์ดังก้องในหัว
“ส่งเค้าให้ถึงบ้านนะ แล้วกลับมาบอกฉันด้วยว่าบ้านเค้าอยู่ที่ไหน”

ส่วนที่นั่งตอนหลัง พิณทองนั่งอยู่มุมหนึ่ง หน้าตาตื่นเต้น
“น้าคะ ๆ ช่วยจอดตรงนี้ก่อนค่ะ”
“บ้านอยู่ตรงนี้เหรอ” ศักดาถามขณะชะลอรถจอด
“ไม่ใช่ค่ะ แป๊บเดียว เดี๋ยวพิณมา” พิณทองรีบลงรถแล้ววิ่งจู๊ดออกไป
ศักดาฉงน “อ้าว” ก่อนจะลงจากรถมายืนมอง “แล้วมาทำอะไรเนี่ย”
พิณทองตะโกนกลับมา “มาไถ่จักรจ้า”
ศักดางงๆ
พิณทองวิ่งอย่างดีใจไปในบ้านเจ๊วิไล ครู่หนึ่งพิณทองก็วิ่งอุ้มจักรออกมา ท่าทางยินดีสุดๆ วิ่งตรงมาที่รถ
วิไลเดินออกมาดูที่รั้ว
ศักดาถาม “ไอ้เนี่ยเรอะ ที่มาเอา”
พิณทองยิ้มกว้างสดใส “ใช่จ้ะ จักรของแม่พิณ ท่านให้ยืมเงินมาไถ่จักร”
“โอ๊ย ดีจริง ไถ่จักรคืนแม่ มีลูกอย่างนี้รักตายเลย ไป เชิญ ๆ ๆ”
ศักดาขันเปิดประตูรถให้พิณ
“ขอบคุณค่ะ” พิณทองขึ้นรถ
ศักดาขับรถแล่นออกไป พลางถาม
“แล้วไปอีกไกลมั้ยละหนู”
“ใกล้แล้วล่ะจ้ะ”
ศักดามองพิณทองที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างเอ็นดู

ขณะที่พิณทองกอดจักรไว้บนตักอย่างสุขใจ

ส่วนภายในห้องทำงานธานินทร์ยามนั้น ธานินทร์นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะทำงาน ชนะศึกเปิดประตู เดินเข้ามาอย่างโกรธจัด
“พ่อทำอย่างนี้หมายความว่าไง”
ธานินทร์มองหน้าลูก ไม่ตอบอะไร ชนะศึกโวยวาย
“ผมไล่เด็กนั่นออก แล้วพ่อก็จ้างกลับมา แล้วอย่างนี้คำสั่งผมจะมีความหมายอะไร ต่อไปใครจะเชื่อฟังผมล่ะ”
“ลูกไล่เค้าออกด้วยความผิดอะไรนะ”
“ก็ที่ทำให้บริษัทเสียหายไงครับ” ชนะศึกมีท่าทีวึดวือ หงุดหงิดรำคาญ “ผมบอกพ่อไปแล้วนี่”
“แต่ลูกบอกว่าลูกค้าเราติดต่อกลับมาใหม่ ก็แปลว่าบริษัทยังไม่ได้เสียหายอะไร...ในเมื่อไม่ได้เกิดความเสียหาย ก็เท่า กับว่าลูกไล่พนักงานออกทั้งๆ ที่เค้าไม่มีความผิดอะไร”
ชนะศึกชักโกรธ “คุณพ่อว่าผมเป็นฝ่ายผิดเหรอครับนี่”

“ในเมื่อไม่เกิดความเสียหาย ก็ไม่ควรมีการลงโทษ ลูกว่าจริงไหมล่ะ”

ชนะศึกโมโหแต่หมดคำพูดจะโต้แย้ง ได้แต่ตึงตังออกไป
พิณทองเดินเข้าภายในบ้านพิณ ในมือหิ้วจักรของแม่เข้ามาด้วย พรรณีออกมาจากในครัว รู้สึกแปลกใจ หันไปดูนาฬิกายังไม่ถึงเวลาเลิกงาน

“กลับมาแล้วจ้ะ”
“เพิ่งจะบ่ายสามเอง ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะลูก (เห็นจักรในมือ) แล้วจักรนั่น”
“พิณไถ่จักรมาให้แม่แล้วล่ะค่ะ”
พรรณีสงสัย “พิณไปเอาเงินที่ไหนมา”
“ที่บริษัทเขาให้ยืมน่ะจ้ะ แม่” พิณทองเดินหิ้วจักรไปที่โต๊ะ

พรรณีตามมา แปลกใจมาก “ทำงานวันแรกเขาก็ให้ยืมเงินแล้วเหรอ”
“จ้ะ เจ้านายเขาเป็นคนใจดีน่ะ” พิณทองกอดแม่ยิ้มร่า “เราได้จักรคืนแล้ว ดีไหมจ๊ะ แม่”
“สาธุ คนดีจริง ๆ เพราะเขาเป็นคนดีแบบนี้น่ะซี ถึงได้ร่ำรวย ลูกโชคดีแล้วล่ะรู้ไหม ที่ได้ทำงานกับคนอย่างนี้”
พิณทองเองก็รู้สึกมีความสุข คิดอย่างที่แม่พูด

ค่ำนั้นศักดาเดินมาท่าทีมีพิรุธ ก่อนจะเข้ามาในบ้าน และขึ้นบันไดไป อังคณาแอบเห็นศักดาอยู่ไกล ๆ
และเห็นศักดาเข้ามาในห้องธานินทร์
“เป็นไงศักดา ไปส่งหนูพิณถึงบ้านไหม ที่บ้านเค้าเป็นไง เจอใครบ้าง” ธานินทร์รีบถามอย่างร้อนใจ
ศักดาส่ายหน้า “แกไม่ยอมให้ไปถึงบ้านน่ะครับ บอกว่าซอยแคบ จะกลับรถลำบาก” สุ้มเสียงเอ็นดู “เป็นเด็กน่ารักจริงๆ”
“ฉันสั่งว่าให้ไปส่งถึงบ้านไง”
“อันนั้นผมทราบครับ ผมก็เลยขับรถไปจอดไว้ แล้วเดินตามแกเข้าไปในซอย แล้วก็นี่ครับ”
ศักดาล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดมือถือเป็นโปรแกรมเลือกดูรูป แล้วส่งให้เจ้านาย ธานินทร์รับมาดู ระหว่างที่ธานินทร์ดูไป ศักดาก็พูดไป
“ผมต้องหลบแทบแย่แน่ะครับ กลัวชาวบ้านเขาหาว่าเป็นพวกโรคจิต”
รูปจากโทรศัพท์มือถือในมือธานินทร์ เป็นรูปบ้านของพิณทอง ธานินทร์กดดูรูปต่อไป
“รูปหลังๆ พอดี แม่ของแกออกมาหน้าบ้านน่ะครับ”
ธานินทร์กดดูรูปต่อไป แล้วก็มาถึงรูปที่มีพรรณีอยู่หน้าบ้าน ธานินทร์จ้องรูปนั่นนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงรู้สึกตัว
“ขอบใจมาก แล้วอย่าลืม เรื่องนี้รู้กันแค่เรา” ธานินทร์กำชับ
“ครับท่าน รับรองปิดปากสนิทแน่ครับ”
“แกกลับไปเถอะ”
ศักดาเดินออกไป และปิดประตูลง
ธานินทร์ยืนดูภาพพรรณีในโทรศัพท์มือถือ พึมพำออกมา
“ยี่สิบกว่าปีมาแล้วนะ ในที่สุด ฉันก็ได้เจอเธอ”
ภาพในอดีตเมื่อ 20 ปี ก่อนผุดขึ้นมาในความคิดธานินทร์ ราวกับสายน้ำไหล

ตอนกลางวัน วันนั้น ที่ร้านซ่อมผ้าหน้ามหาวิทยาลัย พรรณีในวัยสาว กำลังใช้จักรเย็บผ้าอยู่
ส่วนที่หน้าร้าน เป็นห้องแถว มีอาแปะคนหนึ่งนั่งอยู่ ธานินทร์ในวัยหนุ่มแต่งชุดนักศึกษา ท่าทางเหนื่อยๆ หลังจากเล่นกีฬามา เดินเข้ามาหาอาแปะ
“แปะ ซ่อมเสื้อให้หน่อยซี เล่นบอลหนักไปหน่อย ขาดเลย”
อาแปะตะโกนเข้าไปในร้าน “อาพังนี มารับลูกค้าหน่อย”
พรรณีเดินออกมาที่หน้าร้าน ธานินทร์ถึงกับนิ่งไปเมื่อเห็นหน้าพรรณี
“ขอเสื้อด้วยค่ะ” ธานินทร์ยังมองพรรณีนิ่งอยู่ จนพรรณีอาย “คุณคะ ขอเสื้อค่ะ”
ธานินทร์รู้ตัว “นี่ครับ” ยื่นเสื้อให้
แล้วพรรณีก็เดินกลับไปที่จักร ธานินทร์มองตามไป
วันรุ่งขึ้น ธานินทร์ฉีกเสื้อให้ขาด แล้วยื่นให้พรรณี
“ขาดอีกแล้วจ้ะ”
พรรณียิ้มอายๆ

หลายวันต่อ ๆ มา หลายเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาก ธานินทร์นั่งอยู่ที่จักร พรรณีสอนเย็บ แล้วพลาดโย้เย้ไปหมด ทั้งสองหัวเราะกัน
อีกจังหวะธานินทร์ยื่นถุงกระดาษให้ พรรณีหยิบเสื้อขึ้นมา
“อันนั้นขาดครับ”
“ค่ะ เดี๋ยวจะทำให้นะคะ”
พรรณีก้มลงหยิบของในถุงกระดาษอีกครั้ง ธานินทร์มองแล้วยิ้ม
พรรณีหยิบดอกกุหลาบออกมาจากถุงกระดาษ
“อันนี้ไม่ต้องเย็บจ้ะ แต่ให้ปัก”
ธานินทร์ยิ้มชวนซึ้งจับมือพรรณีกุมไว้ พรรณีอายม้วน
“ปักไว้ที่หัวใจ”
พรรณีเขินอาย

เวลาต่อมาธานินทร์ช่วยพรรณีจัดห้องเก็บของ เห็นมีแผ่นเสียงเก่ามากมาย
“มีแต่เพลงเก่า ๆ”
“ของอาแปะน่ะค่ะ” พรรณีว่า พลางมองธานินทร์ อมยิ้ม “เคยฟังไหมคะ เพราะออก”
ครู่หนึ่งเสียงเพลง อาลัยรัก เปิดดังขึ้น ธานินทร์เข้ามานอนหนุนตักพรรณี ขณะที่พรรณีปักเสื้ออยู่
“ตกลงแล้วจะปักรูปอะไรให้ผมจ๊ะ”
“ไม่บอก”
“งั้นขอดูหน่อยนะ”
ธานินทร์ลุกขึ้นมาแย่งเสื้อจากพรรณี
“ไม่ได้ ๆ”
ทั้งคู่แย่งเสื้อกันไปมา ธานินทร์จูบพรรณีฟอดหนึ่ง
“พรรณีผมรักคุณ ผมสัญญาว่า พอผมเรียนจบ ผมจะแต่งงานกับคุณ”
“แล้วคุณพ่อคุณ จะยอมรับฉันหรือคะ”

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 2 วันที่ 28 ต.ค. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th