อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 3/2 วันที่ 1 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 3/2 วันที่ 1 พ.ย. 55

“ปิดเครื่องไปแล้ว เลยไม่รู้เรื่องกัน” หันมาแหวใส่เรืองโรจน์ “ทำไมถึงได้ไม่ได้เรื่องแบบนี้นะ พอกัน ทั้งคนทั้งโทรศัพท์”
อังคณาปาโทรศัพท์ลงพื้น มือถือกระเด็นแตกเป็นเสี่ยงๆ
“คราวหน้า อย่าให้เป็นอย่างนี้อีก ไม่งั้น เธอจะโดนแบบนั้นเหมือนกัน”

อังคณากระทืบเท้าออกไปอย่างฉุนเฉียว ทิ้งเรืองโรจน์ยืนมองตามท่าทีจ๋อยสนิท
ตอนค่ำวันเดียวกันนั้น ชนะศึกเดินมาที่หน้าห้องทำงานธานินทร์ เห็นยุ้ยกำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน

“จะกลับแล้วเหรอ”
“ค่ะ”
ชนะศึกมองไปที่เก้าอี้พิณทอง
“น้องเขาก็กลับแล้วค่ะ” ยุ้ยบอกอย่างรู้ทัน
ชนะศึกพาล “ใครถาม”
“ก็เห็นคุณชนะศึกมองหา”
ชนะศึกชะงักคิดในใจว่า เราแสดงออกขนาดนั้นเชียวหรือ “ผมไม่ได้มองหา” รีบเปลี่ยนเรื่อง “แล้วพ่อล่ะ”
“ท่านออกไปได้พักใหญ่แล้วค่ะ ไปกับศักดา”
ชนะศึกคิดไม่ตก ว่าจะทำยังไงต่อดี



ที่ลานจอดรถของร้านอาหาร ศักดานั่งรออยู่ตรงบริเวณที่พักคนขับรถ เสียงโทรศัพท์มือถือของศักดาดังขึ้น ศักดาหยิบโทรศัพท์ออกมารับสาย
“ฮัลโหล”
ชนะศึกยืนพูดโทรศัพท์อยู่หน้าห้องธานินทร์
“ผมอยากคุยกับพ่อหน่อย มีงานด่วนเข้ามา แต่โทรเข้าเครื่องเค้าไม่ได้เลย เค้าอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า? ขอผมคุยกับพ่อหน่อย”
“ท่านกำลังทานอาหารอยู่ครับคุณชนะศึก”
ชนะศึกงง “อ้าว...ทานกับใคร ลูกค้าเหรอ”
“พิณทองครับ” ศักดาบอกตามตรง
ชนะศึกชะงัก “พิณทอง”
“ครับ เดี๋ยวรอสักครู่นะครับ”
“ไม่ต้อง ไม่ต้องแล้ว ผมไปคุยด้วยตัวเองเลยดีกว่า แค่นี้นะ”
ชนะศึกกดปิดมือถือ รู้สึกไม่พอใจ

ส่วนในร้านอาหาร พิณทองตักอาหารขึ้นกิน
ธานินทร์เอ่ยถาม “อร่อยไหม”
“ค่ะ”
“แล้วเป็นไงวันนี้ งานยากไหม”
“ก็มีที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมค่ะ พิณ เอ่อ ดิฉันห่วงอยู่เหมือนกันว่า จะทำให้ท่านผิดหวัง”
“ฉันหวังเท่าที่หนูทำได้นั่นแหละ ที่ฉันให้เงินเดือนหนูมากขึ้น เพราะเห็นหนูต้องหาเงินช่วยแม่ ต่อจากนี้แม่ของหนูก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อย จะได้พักผ่อนมากขึ้น”
พิณทองซาบซึ้ง “หนูขอบพระคุณท่านมากนะคะ แต่แม่ไม่ยอมพักหรอกค่ะ แม่บอกอยู่ว่างๆ ไม่เป็น”
“ฉันรู้” ธานินทร์ลืมตัว พอเห็นพิณทองมอง จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “ฉันเลยอยากจะช่วย ฉันมางานงานหนึ่ง ที่แม่ของหนูน่าจะทำได้ดี”
“งานอะไรคะ”
“พวกสมาคมสตรีเค้าอยากได้ของชำร่วยเป็นผ้าเช็ดหน้าผ้าไหม...เค้าอยากได้ช่างเย็บช่างปักที่ฝีมือดี คิดราคาแพงๆ เท่าไหร่ก็ได้ งบไม่อั้น”
พิณทองตื่นเต้น ถามไม่หยุด “จริงเหรอคะ...โอ้ย แม่ต้องดีใจมากเลย แม่พิณเก่งมากนะคะท่าน เย็บก็เก่ง ปักก็สวย ฝีมือเนี๊ยบมากค่ะ รับรอง ท่านจะไม่ผิดหวังเลยค่ะ...แล้วเค้าจะใช้กี่ผืนคะ เยอะไหม แล้วใช้เมื่อไหร่...”
“เดี๋ยว ๆ ใจเย็น ๆ หนู...ค่อย ๆ คุย เดี๋ยวข้าวติดคอตาย”
ธานินทร์ขำที่พิณทองตื่นเต้น ขณะที่พิณทองยิ้มอย่างมีความสุข

ระหว่างนั้นชนะศึกขับรถมาจอดที่หน้าร้าน ครู่ต่อมาตรงบริเวณทางเข้าห้องอาหาร ชนะศึกปรากฏตัวขึ้น แล้วก็กวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง แล้วหยุดชะงักอยู่ที่โต๊ะของธานินทร์
ธานินทร์คุยต่อ “เอาเป็นว่าทำตัวอย่างมาให้เค้าดูซักสิบผืนก่อนนะ ส่วนที่เหลือค่อยทยอยส่งกันก่อนวันงาน”
ทันใดนั้น ชนะศึกก็เข้ามานั่งที่โต๊ะด้วย
“อาหารมื้อนี้ ท่าทางอร่อยนะครับ”
ทั้งธานินทร์ และพิณทองต่างตกใจระคนแปลกใจ
“มาได้ยังไง”
ชนะศึกสัพยอกพิณทอง “จะมาดินเนอร์กับพ่อผมก็ไม่บอก จะได้ติดมาด้วยคน”
“พ่อเป็นคนชวนหนูพิณเขามาเอง”
ชนะศึกเหน็บพ่อแขวะพิณทอง “เหรอครับ ไม่ใช่เขาแกล้งไปยืนดักให้พ่อเจอ แล้วจะได้เรียกเขาขึ้นรถเหรอครับ เขาถนัดอยู่แล้ว เรื่องทำอะไรให้ดูเป็นเรื่องบังเอิญ”
“ลูกพูดเรื่องอะไร หนูพิณเขาไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก” ธานินทร์ปราม
“พ่อรู้ได้ยังไง พ่อไว้ใจคนมากไปรู้ไหมครับ บางคนน่ะ ปากพูดอย่าง ใจเป็นอีกอย่าง ต่างกันจนคิดไม่ถึง”
“ชนะ พอแล้ว” ธานินทร์ชักทนไม่ไหว
“ผมอยากให้พ่อตาสว่าง ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ธรรมดาอย่างที่พ่อคิด เธอร้ายกว่านั้นมาก”
ธานินทร์ตบโต๊ะปัง พูดเสียงดัง
“หยุดได้แล้ว”
“ท่านคะ พิณขออนุญาตนะคะ” พิณทองเห็นบรรยากาศมาคุ จึงขอตัว
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับหนูหรอก ลูกฉันมันปากไม่ดี”
ชนะศึกพาล “เห็นไหม คุณทำให้พ่อกล้าว่าผมต่อหน้าคนอื่น”
ธานินทร์ด่าซ้ำ “ใช่ แล้วจะด่าแกมากกว่านี้อีก ถ้าแกไม่หยุด”
“ขอร้องเถอะค่ะ อย่าทะเลาะกันเลย” พิณทองหันมาทางชนะศึก “ท่านแค่มาทานข้าวจริงๆ ค่ะ แล้วพิณก็จะกลับแล้วด้วย” แล้วหันมาพูดกับธานินทร์ “ขออนุญาตนะคะท่าน พิณขอกลับก่อน”
“เดี๋ยวหนู ฉันจะ…” เหลือบมองชนะศึกที่จ้องมองอยู่ “เดี๋ยวให้คนรถไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ พิณขอกลับเองดีกว่า ขอบพระคุณมากนะคะ”
พิณทองไหว้ธานินทร์ กับชนะศึก เสร็จแล้วลุกออกไปจากเก้าอี้ทันที ธานินทร์หันมามองชนะศึกอย่างไม่พอใจ

พิณทองเดินออกมาหน้าร้าน ชนะศึกตามออกมา
“นี่คุณ เดี๋ยวก่อน”
พิณทองหยุดอยู่ที่ลานจอดรถ
“ไปขึ้นรถ ผมจะไปส่งคุณเอง”
“ขอบคุณค่ะ แต่พิณกลับเองได้”
ชนะศึกอ้าง “แต่พ่อผมสั่งมา”
พิณทองไม่อยากเชื่อ “ไม่รบกวนหรอกค่ะ” เดินต่อไป
ชนะศึกมาขวางพิณทองไว้ “คุณหาว่าผมโกหกเหรอ”
“เปล่าค่ะ”
“ผมเข้าใจคุณผิด พ่อเลยให้มาทำดีกับคุณเพื่อเป็นการไถ่โทษ ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”
พิณทองยืนนิ่งอย่างสับสน ชนะศึกเดินกลับไปที่รถ แล้วเปิดประตูด้านหน้าข้างคนขับให้ พิณทองลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยอมเดินมาขึ้นรถ

ชนะศึกยิ้มขณะปิดประตู แล้วเดินเข้าไปนั่งในรถ ติดเครื่อง แล้วขับทะยานออกไป
ชนะศึกขับรถแล่นไปด้วยความเร็วสูง และขับไปเรื่อยๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ไม่คิดว่า คนที่หลอกคนอื่นเก่งๆ อย่างคุณ จะถูกหลอกได้ง่ายเหมือนกัน”
“คุณชนะศึก” พิณทองตกใจมาก
“ใช่ ผมโกหก ผมหนีพ่อผมออกมา เพื่อจะมาเอาตัวคุณขึ้นรถ”
“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ”
“เพราะผมต้องการความจริงจากคุณ คุณพยายามจะทำอะไร แล้วต้องการอะไรจากพ่อผม” ชนะศึกคาดคั้น
“พิณไม่ได้ทำอะไรนะคะ ท่านประธานชวนพิณมาทานข้าวเอง”
ชนะศึกหรือจะเชื่อ “จะให้ผมเชื่ออย่างนั้นเหรอ หรือจะบอกว่าพ่อผมหัวงูไปเอง”
พิณทองยืนยัน “ไม่มีอะไรแบบนั้นนะคะ”
ชนะศึกยอกย้อน “เหรอ แล้วมีแบบไหน”
“ท่านประธานเมตตาพิณค่ะ ท่านแค่สงสารพิณ”
“ถึงพ่อผมจะเป็นคนใจดี พูดดีกับผู้คน แต่ตั้งแต่ผมรู้จักท่านมายี่สิบปี ท่านไม่เคยสงสารอะไรใครมากมายขนาดนี้ คุณเป็นใครกันแน่ แล้วพยายามจะทำอะไร”
พิณทองหวั่นกลัว “พิณ…พิณไม่ได้ทำอะไร”
ชนะศึกโมโห เหยียบคันเร่งเร็วขึ้น
พิณทองขอร้อง “คุณชนะศึกคะ ขอร้องเถอะค่ะ ขอพิณลงเถอะ นะคะ”
ชนะศึกเหยียบคันเร่งเร็วขึ้น “ไม่ จนกว่าคุณจะพูดความจริง”
“พิณไม่มีอะไรจะพูด ขอร้องนะคะ ขอพิณลงเถอะค่ะ พิณกลัวค่ะ”
ชนะศึกยังคงเร่งเครื่องต่อไป ไม่ยอมหยุด รถชนะศึกแล่นไปบนถนนอย่างรวดเร็ว
พิณทองมองหน้าชนะศึก
“ถ้าคุณไม่จอดให้พิณลง พิณจะลงเอง”
พิณทองตัดสินใจจับที่เปิดประตู แล้วดึงออก ประตูด้านพิณเปิดออก
“เฮ้ย เอาจริงเหรอ”
ชนะศึกตกใจเหยียบเบรคทันที แล้วหักรถเข้าจอดริมถนน
ทันทีที่รถจอด พิณทองรีบลงจากรถ แล้ววิ่งหนีไป ชนะศึกก้าวลงมาจากรถ
“ไปไหนน่ะ ไปไหน”
ชนะศึกดึงแขนพิณทองไว้ พิณทองหันมาร้องไห้น้ำตานองหน้า ชนะศึกหน้าเสีย
“เธออย่าคิดว่าจะหลอกทุกคนได้นะ ผมคนนึงล่ะ ที่ไม่มีวันหลงเชื่อคุณ”
พิณทองสะบัดแขนออก และเดินหนีไป ชนะศึกมองตาม

พิณทองเสียใจน้อยใจเดินร้องไห้มาเรื่อยๆ จนถึงหน้าบ้าน และเปิดประตูรั้วบ้านเข้าไปโดยไม่ทันมอง ว่าพรรณียืนอยู่ด้านหลัง
“เป็นอะไรน่ะพิณ ร้องทำไม”
พิณทองตกใจ “แม่...”
“แม่ถามว่าร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรลูก”
“เปล่าค่ะ พิณแค่โดนเจ้านายดุมา” พิณทองบอกไม่หมด
“เจ้านายดุทำไม เราทำอะไรผิดหรือเปล่า”
พิณทองนึกน้อยใจชนะศึกขึ้นมา “พิณก็แค่...พิณไม่รู้จ้ะ แม่... พิณจะทำอะไร จะพูดอะไร มันก็ผิดไปหมด”
“เดี๋ยวพิณ” พรรณีเดินมาขวางไว้ “เจ้านายที่ว่า คือคนที่เป็นเจ้าของเสื้อใช่ไหม”
พิณทองไม่ตอบ ก้มหน้างุด ซ่อนสายตา
พรรณีถอนใจ “แม่บอกพิณแล้วไงว่าเค้ากับเราต่างกัน” ดึงร่างพิณทองมากอด สงสารลูกจับใจ “อย่าเสียใจไปเลยลูก อย่างน้อยเค้าก็สอนให้พิณรู้ว่าความแตกต่างระหว่างคนเรามันมีอยู่จริง พิณเสียใจซะตั้งแต่วันนี้ ดีกว่าปล่อยให้ตัวเองเตลิดไป แล้วจะไปเสียใจมากกว่านี้ในวันข้างหน้า” พรรณรีเช็ดน้ำตาให้ลูกพลางบอก “ร้องไห้แล้วลืมมันไปซะนะลูกนะ
สองแม่ลูกกอดกัน พิณรู้สึกดีขึ้น”

เช้านั้นธานินทร์เดินลงมาที่ห้องอาหาร อาหารเช้ารออยู่บนโต๊ะ อังคณารออยู่ด้วย หน้าตาเอาเรื่อง
“เมื่อคืนคุณไปไหนมา”
ธานินทร์ชะงัก ทำหน้าเอือมระอาสุดขีด เลยจะเดินออกไป อังคณาลุกตาม
“จะไปไหน ข้าวปลาไม่กินแล้วหรือไง”
“ผมเบื่อ ไม่อยากกิน”
ธานินทร์เดินออกไป อังคณาเดินตาม
“ใช่ซี้ ข้าวบ้านมันน่าเบื่อ กินไม่ลง ไม่สดใสซู่ซ่าเหมือนหญ้า อ่อนที่พากันไปเคี้ยวมาเมื่อคืนหรอกใช่ไหม”
“คุณหยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว ผมไม่เคยทำอะไรแบบนั้น”
“แต่คุณพามันออกไปด้วยกัน ไปไหน ไปทำอะไร สนุกมากไหม บอกฉันหน่อยซี อีเด็กนั่นมันมีดีตรงไหน คุณถึงได้มาบ้าเอาตอนแก่แบบนี้”
“คุณนั่นแหละที่บ้า! คิดอะไรบ้าๆ บอๆ ไปเอง ผมบอกกี่หนแล้ว ว่าผมไม่มีอะไรกับเด็กคนนั้น”
ธานินทร์เดินต่อไป อังคณากระชากแขนไว้
“ฉันไม่เชื่อ! ถ้าไม่มีอะไรกัน งั้นคุณพามันออกไปด้วยกันสองต่อสองทำไม อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องงาน เพราะยุ้ย เลขา ของคุณก็ไม่รู้ว่าคุณพามันออกไปไหน”
ธานินทร์อึ้งไป เสียงชนะศึกแทรกมา
“พาไปทานข้าวกับลูกค้าครับ” ธานินทร์และอังคณาหันไปมอง งงทั้งคู่ “ผมสั่งเองให้คุณพ่อพาเด็กไปช่วยจดบันทึกหน่อย ผมขี้เกียจจำเรื่องตัวเลขระหว่างกินข้าว”
“ลูกไปด้วยเหรอ”
ชนะศึกยิ้มประจบแม่ “ผมตามไปครับ แถมยังให้ยัยเด็กนั่นติดรถกลับบ้านด้วย เพราะฉะนั้น สิ่งที่แม่คิดอยู่น่ะ...เป็นไปไม่ได้แน่ๆ วางใจได้”
อังคณามองหน้าธานินทร์กับชนะศึกสลับกัน
“แม่ไม่ใช่คนวางใจอะไรง่ายๆ” พูดกับธานินทร์ “ครั้งนี้ คุณรอดไป แต่อย่าให้ฉันจับได้นะ... ฉันเอาตาย”
อังคณาเดินออกไป ชนะศึกเป่าลมจากปาก โล่งอก
ธานินทร์กลับมานั่งที่โต๊ะทานข้าว ชนะศึกเดินตามมา และนั่งข้างๆ หันมาปล่อยมุข
“ผู้หญิงด่าเขาว่าผู้หญิงรักนะครับคุณพ่อ”
ธานินทร์ไม่ขำ ถอนใจเหนื่อยหน่าย บอกชนะศึก “ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ถือว่าผมไถ่โทษ ที่เข้าใจคุณพ่อผิดเมื่อคืน”
“ลูกก็เหมือนกับแม่ของลูก คิดมากไป”
“ผมคิด คุณแม่คิด คนอื่นก็อาจจะคิดได้ว่าคุณพ่อไม่บริสุทธิ์ใจกับเด็กนั่น”
“แล้วจะให้พ่อทำยังไง ไล่เขาออกไปเพราะแม่ของลูกหึงเขางั้นเรอะ เหลวไหลสิ้นดี”
“ผมมีวิธีอื่นครับคุณพ่อ” ธานินทร์มองหน้ารอฟัง “ถ้าคุณพ่อเชื่อใจผม”
ธานินทร์มองชนะศึกเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในสีหน้า ชักไม่แน่ใจ

ตอนสายวันนั้น ชนะศึกเดินนำพิณทองมาตามทางเดิน
“ต่อจากนี้ไปคุณต้องมาทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาของผม และต้องทำให้ดีที่สุดให้สมกับที่พ่อเค้าอุตส่าห์ชมว่าคุณว่าเก่ง ทั้งๆ ที่เรียนไม่สูง แต่ทำงานได้ทุกอย่าง”
“แล้วพิณต้องทำอะไรบ้างคะ”
ชนะศึกเปิดประตูห้องเก็บเอกสาร

ตรงตู้เหล็กเก็บเอกสาร 2 ตู้ ชนะศึกเปิดตู้เอกสารออกทั้งสองตู้ พิณทองยืนนิ่งตะลึง สายตาพิณทองมองกวาดไปที่ตู้ ทุกชั้นทั้งสองตู้ มีแฟ้มเอกสารวางอย่างระเกะระกะอยู่เต็มไปหมด
“เอกสารพวกนี้เป็นของเก่าๆ ของบริษัท ตั้งแต่ยี่สิบปีก่อนจนถึงประมาณ 5 ปีที่แล้ว ก่อนเราจะจัดเก็บด้วยคอมพิวเตอร์ มันเข้าแฟ้มไว้รวก ๆ ปนเปกันไปหมด ผมอยากให้คุณจัดแยกออกมาเป็นเรื่อง ๆ เรื่องสัญญาแฟ้มนึง ใบเสร็จ ใบส่งของ หรือเรื่องอะไรอื่น ๆ ก็แยกเป็นแต่ละแฟ้ม ๆ ไป ทำได้มั้ย”
“ค่ะ” พิณทองพยักหน้า เดินไปที่ตู้เอกสาร มองกวาดสายตาไป สีหน้าเริ่มวิตกกังวล
“เดี๋ยว!! อย่าลืม เรียงตามวันเดือนปี ด้วยนะ”
“ค่ะ”
“คุณคิดว่างานนี้จะเสร็จได้เมื่อไหร่”
“แล้วคุณชนะศึกอยากให้เสร็จเมื่อไหร่ล่ะคะ”
ชนะศึกทำเป็นคิด แล้วยักไหล่ “ภายในวันนี้”
พิณทองตกตะลึง “วันนี้เหรอคะ”
ชนะศึกจ้องหน้า “ทำไม หรือทำไม่ได้”
พิณทองหน้าจ๋อย “ก็...” กัดฟันสู้ พยักหน้า “ได้ค่ะ”
พิณทองเดินเข้าไปจัดเอกสาร ชนะศึกมองอย่างยิ้มๆ ที่ได้แกล้ง

อังคณารื้อข้าวของกระจัดกระจาย อยู่ในห้องของธานินทร์ ชนกนันท์เข้ามาถามอย่างฉงน
“คุณแม่หาอะไร...ทำไมถึงได้รื้อของจนกระจัดกระจายแบบนี้ล่ะคะ”
“หาอะไรก็ได้ บัตรทางด่วน สลิปบัตรเครดิต ใบเสร็จโรงแรม อะไรก็ได้ที่บอกว่าพ่อเขาไปทำอะไร กับใคร ที่ไหนมาบ้าง แม่อยากจะรู้ว่าพ่อของเราเขามีอะไรกับเด็กนั่นหรือเปล่า
“งั้นเดี๋ยวนกช่วยค่ะ..คุณแม่”
ชนกนันท์เข้าไปช่วยอังคณารื้อของ สองแม่ลูกพูดคุยไปด้วย
“พ่อของเราต้องมีอะไรปิดบังแม่แน่ ๆ แม่รู้ ..พ่อของแกเค้าไม่เหมือนเดิม”
“ยังไงคะ”
“เขาเกรงใจแม่น้อยลง เขาเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้น แล้วที่สำคัญ... แกเห็นมั้ย? เดี๋ยวนี้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่รู้มีความสุขเรื่องอะไร ... แม่ถึงได้แน่ใจว่าเขาต้องมีอะไรแน่ ๆ มาช่วยกันหาเถอะเร็ว”
“ค่ะคุณแม่”

ทั้ง 2 คนช่วยกันรื้อค้นห้องทำงานของธานินทร์ โดยทั้งสองคนเกือบจะเจอเสื้อปักคำว่า “รัก...พรรณี” ที่ธานินทร์ซ่อนเอาไว้
ส่วนภายห้องเก็บเอกสารที่บริษัทเบสท์ฯ ช่วงตอนกลางวัน พิณทองกำลังยุ่งกับการจัดเอกสารอยู่ หญิงสาวเหลียวไปมองนาฬิกาแขวนบนผนัง เป็นเวลาเที่ยงตรงพอดี

พิณทองเดินไปหยิบปิ่นโตข้าวเข้ามา และนั่งเปิดปิ่นโตเห็นเป็นไข่ต้ม 2 ฟอง พิณทองปอกเปลือกไข่ต้ม และมองออกไปยังทางเดิน เห็นชนะศึกกำลังเดินตรงมา
พิณทองรีบเก็บปิ่นโต ชนะศึกเดินมาถึงหน้าห้องเก็บเอกสารพอดี มองเหล่พิณทอง
“ทำอะไร แอบหลับหรือเปล่า”
พิณทองส่ายหัว “เปล่าค่ะ”
ชนะศึกมองนาฬิกา “นี่ก็เที่ยงแล้ว หิวข้าวหรือยัง”
“เอ่อ...คือ” พิณทองยกปิ่นโตให้ดู “พิณเตรียมมาแล้วค่ะ”
ชนะศึกชะงัก “อ้าว ชอบกินข้าวปิ่นโตเหรอ”
“มันประหยัดดีน่ะค่ะ”
ชนะศึกขัดใจ เสียแผน ไม่รู้จะทำยังไงต่อ
พิณทองถามซื่อ อย่างเจียมตัว “คุณชนะศึกจะเอาอะไรหรือเปล่าคะ”
ชนะศึกเดินมาหาพิณทอง แกล้งหยิบแฟ้มมาเปิดดู ทำเป็นฟอร์มต่อว่าพิณทอง
“จัดช้าจัง ทำงานเป็นหรือเปล่านี่...ก่อนหน้านี้ทำงานอะไรมา”
“พิณเพิ่งมาทำงานที่นี่ที่แรกค่ะ”
“เพิ่งเรียนจบเหรอ?”
“จบมาพักนึงแล้วค่ะ แต่ยังหางานไม่ได้ ช่วงที่รองานพิณก็ช่วยแม่เย็บผ้า แม่พิณเป็นช่างเย็บผ้าค่ะ”

ชนะศึกมองพิณแล้วเผลอยิ้มอย่างลืมตัว พอพิณทองมองกลับ ชนะศึกรีบหยิบแฟ้มขึ้นมาเปิดดูต่อ
“กับคุณพ่อรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า ทำไมดูเอ็นดูเธอเป็นพิเศษนัก”
“ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนหรอกค่ะ แต่พิณดูพิณก็รู้ว่าท่านเป็นคนใจดีกับทุกคน”
พิณทองหันหลังไปจัดเอกสารต่อ
“แล้วเธอมีแฟนหรือยัง”
พิณทองหันกลับมามองชนะศึกงงๆ
“แฟนเหรอคะ”

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 3/2 วันที่ 1 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th