อ่านละคร สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 1/3 วันที่ 13 ก.ย. 55

อ่านละคร สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 1/3 วันที่ 13 ก.ย. 55

2 ป้าหลานกลับมาที่ร้าน ป้าชวนพับผ้าใส่กระเป๋าหนึ่งชิ้น สมหวังก็หยิบออกจากกระเป๋าทันที จนป้าชวนทนไม่ได้ตีมือสมหวังดังป้าบ
“โอ๊ยย! ป้าชั้นเจ็บนะ”
“ก็ตีให้เจ็บ…เอ็งจะเอาผ้าที่ป้าพับแล้วออกจากกระเป๋าทำไมเล่า”
“ชั้นไม่อยากไปนี่ป้า”
“เอ็งอย่ามาดื้อหน่อยเลย ไม่รักชีวิตตัวเองรึไง อยู่ที่นี่มันอันตราย”

“ก็ชั้นเป็นห่วงป้า ชั้นไปแล้วป้าจะอยู่กับใคร ใครจะช่วยป้าตัดเสื้อ”
“ไม่ต้องห่วงป้าหรอก ป้ายังแข็งแรงอยู่ไม่เป็นไรง่ายๆ ส่วนงานเอ็งก็ไม่ต้องห่วง ป้าทำคนเดียวได้ แล้วก็จะรับงานให้น้อยลง”
สมหวังหน้าเศร้า “ชั้นคงคิดถึงป้าแย่…ให้ชั้นอยู่ที่นี่ไม่ได้เหรอ”
“ชีวิตนี้ป้ามีเอ็งอยู่แค่คนเดียว ป้าไม่อยากให้หลานของป้าต้องเป็นอะไรไป ถ้าเอ็งเป็นอะไร ป้าก็คงทำใจไม่ได้ ไปเถอะนะสมหวัง”

สมหวังน้ำคลอโผกอดป้าชวนอย่างตื้นตัน
ที่โรงพัก จ่ากุหลาบเคาะประตูห้อง หมวดวันชาติร้องบอก

“เข้ามา”
จ่ากุหลาบเดินเข้ามา “มีอะไรให้รับใช้คะหมวด”
“เดี๋ยวคุณเตรียมตัวไปเก็บของนะ”
จ่ากุหลาบทำหน้างงๆ
“เก็บของไปไหนคะหมวด” กุหลาบครุ่นคิดแล้วโวยวาย “อย่าบอกนะคะว่าหมวดจะย้ายชั้นไปอยู่ชายแดน ชั้นไม่ไปนะ!!”
“ใจเย็นจ่ากุหลาบ”
กุหลาบไม่ฟัง โวยวายต่อ “ชั้นแค่เข้าใจผิดว่าคุณสมหวังเป็นผู้ต้องหา หมวดถึงกับลงโทษชั้นขนาดนี้เลยเหรอคะ ไม่เอา ชั้นไม่ไป”
วันชาติเสียงดัง “ฟังผมก่อนจ่า”
จ่ากุหลาบนิ่ง ชะงัก
“อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไป…ผมไม่ได้ย้ายคุณไปไหนทั้งนั้นแหละ”
“แล้วหมวดจะให้ชั้นไปไหนล่ะคะ”
“ผมจะให้คุณทำภารกิจชั่วคราว ไปคุ้มกันคุณสมหวังในที่ที่ปลอดภัย” วันชาติบอก
กุหลาบแปลกใจ “แล้วทำไมถึงต้องเป็นชั้นล่ะคะ”
“ผมเห็นว่าคุณน่ะเหมาะสมที่สุดแล้ว คุณสมหวังเค้าเป็นผู้หญิง คนคุ้มกันเค้าก็เป็นผู้หญิง หมวดคงจะเข้าใจนะ” วันชาติสรุป
“เข้าใจค่ะ”
วันชาติกำชับ “แล้วไปอยู่ที่นั่นห้ามให้ใครรู้เด็ดขาดว่าคุณเป็นตำรวจ และห้ามให้ใครรู้ว่าสมหวังเป็นใครเข้าใจมั้ย”
“รับทราบค่ะ”
“ดี! รีบไปเก็บของ เดี๋ยวเราไปกันวันนี้เลย”
กุหลาบตาเหลิอก “วันนี้เลย!...แล้วไอ้ที่ที่หมวดว่า มันที่ไหนค? ชั้นยังไม่รู้เลย”

ที่บ้านพักวงลูกทุ่งชูชนะ วทัญญู ขณะนั้น ทำนองเพลงสนุกสนานดังขึ้น ป้ายหน้าบ้านเขียนเด่นหราว่า “วงดนตรีลูกทุ่งชูชนะ วทัญญู” มีรูป จอมขวัญ วทัญญู นักร้องชื่อดังของวงติดโชว์อยู่
ภายในบ้านเป็นบ้านเรือนไทยดูโมเดิร์น ข้างๆ บ้านมีโรงซ้อมเต้น
และภายในโรงซ้อมเต้น จอมขวัญ วทัญญู กำลังซ้อมร้องเพลงกับแด้นเซอร์เกือบยี่สิบกว่าชิวิต ทุกคนใส่ชุดเหมือนแสดงจริง แต่ชุดของแต่ละคนดูรุ่มร่าม แด้นเซอร์ก็เต้นอย่างซังกะตาย โดยการนำของเจ๊เนาว์ กะเทยถึกวัยสามสิบกว่าๆ
ชูชนะ หัวหน้าวง ซึ่งเป็นอดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดังในอดีต ยืนควบคุมการซ้อมอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“อ้าวเฮ้ย! หยุดก่อนๆ” เจ๊เนาว์แผดเสียงขึ้น
สำลีที่นั่งคอยควบคุมเครื่องเสียงอยู่ กดปิดเพลง
จอมขวัญเดินไปกินน้ำแล้วมองแด้นเซอร์อย่างหงุดหงิด
“เต้นให้มันมีอารมณ์หน่อยซิยะ” เจ๊เนาว์บอก
ชูชนะปลุกเร้า “ตื่นๆๆ ให้มันมีชีวิตชีวากันหน่อยซิ คนดูเค้าเสียตังค์มาดู ไม่ได้มาดูพวกเอ็งฟรีๆ นะโว๊ย เต้นแรงๆ กันหน่อย”
พลางชูชนะลุกขึ้นมาเต้นให้ลูกวงดู ลวดลายสะเด็ดสะเด่ามาก แต่ตกยุคไม่ได้เรื่อง พาลทำให้โสร่งที่นุ่งจะหลุดจากเอว
เจ๊เนาว์ร้องเสียงหลง “หวาดเสียวพ่อ หวาดเสียว เดี๋ยวเนาว์สอนเอง…เดี๋ยวลองใหม่นะ” หันไปทางสำลี “ไอ้สำลี มิวสิค”
สำลีกดเปิดเพลง ทำนองเพลงดังกระหึ่มขึ้น จอมขวัญเริ่มร้องใหม่ เจ๊เนาว์นำเต้นเหมือนเดิม
เจ๊เนาว์ให้จังหวะ “ห้า หก เจ็ด แปด หมุน…. หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด หมุนอีก
หนึ่งรอบ”
แดนซ์เซอร์หมุนไม่พร้อมกัน บ้างก็หมุนไปคนละฝั่ง
“หยุดๆๆๆๆ”
สำลีกดปิดเพลง
“นี่…หมุนกันเป็นลูกข่างเลยนะยะ วันนี้พวกแกไปกินอะไรมาทำไมมันเฉื่อยกันแบบนี้วะ” เจ๊เนาว์วีน
แด้นเซอร์คนหนึ่งบ่น “ท่ามันยากอ่ะเจ๊ ขอเวลาชั้นแป๊ปนึง”
แดนซ์เซอร์อีกคนตาม “ใช่ๆ เจ๊เพิ่งปล่อยท่าเมื่อวาน วันนี้ซ้อมกับชุดแล้ว ชั้นจำไม่ได้หรอก”
เจ๊เนาว์ “อะๆ เต้นช้าๆ ตามชั้นไปก่อน…มาเริ่มกันใหม่” เจ๊เนาว์หันไปบอกสำลี “สำลีเปิดเพลง”
“จะเปิดจะปิดอีกนานมั้ยเจ๊ ชั้นเมื่อยข้อนิ้วไปหมดแล้วเนี่ย” สำลีบ่น
จอมขวัญยืนดูเจ๊เนาว์ด่าแด้นเซอร์แล้วรำคาญ “ไม่ต้องเปิดสำลี”
“เป็นไงล่ะ…เจ๊ใหญ่กูของขึ้นแล้ว” สำลีว่า
“วันนี้ไม่ซ้งไม่ซ้อมแล้ว เห็นแล้วรำคาญลูกตา เต้นอะไรกันก็ไม่รู้ เหมือนถูกบังคับมาให้เต้น”
เจ๊เนาว์ปลอบ “อ้าว…จอมขวัญใจเย็นๆ สิยะ ท่าใหม่นังพวกนี้มันยังจำไม่ค่อยได้ให้เวลามันหน่อย”
จอมขวัญพูดดูแคลน “นี่ท่าใหม่แล้วเหรอ!...เจ๊ชั้นจะบอกอะไรให้นะ ท่าแต่ละท่าของเจ๊เนี่ยมันไร้
รสนิยมมาก หัดไปดูวงอื่นบ้างว่าเค้าพัฒนาไปถึงไหนแล้ว”
เจ๊เนาว์ของขึ้นนิดๆ “นี่! จอมขวัญ เจ๊ก็มีศักยภาพเท่านี้แหละ ท่ามันก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่อะไรมาก ที่ผ่านๆ มาก็ไม่เคยมีใครติเรื่องท่าเต้นเลยนะ พอใส่ชุดมันก็ช่วยได้อีก ดูสิอยู่รวมๆ กันแล้วสวยจะตาย”
จอมขวัญเหยียดยิ้ม “เนี่ยนะสวย! ชุดอะไรก็ไม่รู้ ใส่แล้วเหมือนสาหร่ายทะเล เจ๊.. วันนี้ชั้นขอพูดหน่อย ไอ้ความคิดเดิมๆ รสนิยมเดิมๆ ของเจ๊น่ะเอาไปฝากในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติได้แล้ว เจ๊ลองออกมานอกกะลาบ้าง ออกมาดูว่าคู่แข่งเค้าไปถึงไหนกันแล้ว”
ชูชนะทนฟังไม่ไหว “นังจอมขวัญ…มันจะมากไปแล้วนะ..ขอโทษนังเนาว์มันเดี๋ยวนี้”
“ไม่มากไปหรอกพ่อ… พ่อก็เห็นๆ อยู่ว่าวงเรางานน้อยลงทุกวัน อาทิตย์นึงมีงานจ้างอยู่งานสองงานแล้ววงมันจะอยู่ได้ยังไง รู้ไหมว่าเพราะอะไร เพราะวงเราไม่มีการพัฒนา วงอื่นๆเค้าถึงเอาไปกินหมด ที่พูดเนี่ยชั้นหวังดีหรอกนะ!” จอมขวัญพูดไม่หยุด
ชูชนะชึ้นเสียง “ข้าบอกให้หยุดไงจอมขวัญ”
“ชั้นเห็นแก่พ่อนะ ชั้นถึงยังอยู่ที่วงจนถึงทุกวันนี้ พี่สายฟ้าก็อีกคน ไม่เคยมาสนใจใยดีชั้นเลย ถ้าไม่มีชั้นสักคนทุกคนจะรู้สึก!”
จอมขวัญพูดอย่างถือดี พลางถอดชุดที่สวมอยู่ออก
“วันนี้พอแค่นี้ ถ้าไม่มีการพัฒนาอะไรเกิดขึ้น ก็อย่าหวังเลยว่าชั้นจะมาซ้อมอีก”
จอมขวัญเดินสะบัดตูดออกไป เจ๊เนาว์จะเดินตามจอมขวัญไปพูดให้รู้เรื่อง ชูชนะเรียกไว้
“อีเนาว์ไม่ต้องตามไป..มันคงเพิ่งกินยาบ้ามา ปล่อยให้มันไปสงบสติอารมณ์ของมัน”
“งั้นวันนี้ทุกคนแยกย้าย!”
แด้นเซอร์สลายตัว สำลีเก็บเครื่องเสียง

ชูชนะเดินเข้ามาในบ้านสีหน้าเซ็งๆ เจ๊เนาว์เดินตามเข้ามา เอ่ยขึ้น
“ที่จอมขวัญมันพูดเมื่อกี้ก็ถูกของมันนะพ่อ”
“ไม่ต้องคิดมากนะอีเนาว์”
“ชั้นก็อยากจะทำให้ดีกว่านี้นะพ่อ แต่ความสามารถชั้นมีเท่านี้จริงๆ” เจ๊เนาว์บอก
“เอ็งทำได้แค่นี้ข้าก็พอใจแล้วอีเนาว์…ไม่ต้องไปสนใจว่าใครจะพูดอะไร” ชูชนะปลอบ
“แล้วถ้านังขวัญไม่มาซ้อมจริงจะทำยังไงละพ่อ วงเรามีนักร้องอยู่คนเดียวนะ” เจ๊เนาว์กังวล
“มันก็เล่นตัวไปอย่างนั้นแหละ เอ็งก็รู้นิสัยมันอยู่ แต่ถ้ามันยังรั้นอยู่อย่างนี้ละก็ เดี๋ยวข้าให้ไอ้สายฟ้าจัดการ….ทำหน้าที่ของเอ็งไป คิดได้แค่ไหนก็แค่นั้น” ชูชนะว่า
เจ๊เนาว์เออออ “จ้ะพ่อ”
“เออ แล้วไหนเอ็งบอกว่าไอ้บาสน้องเอ็งจะมาช่วยสอนแดนเซอร์มันเต้นไง”
“เห็นบอกว่าอีกวัน สองวันมันทำธุระเรื่องเรียนเสร็จมันก็จะขึ้นมาเลยจ้ะ” เจ๊เนาว์ว่า
“ดีๆ รีบพามาช่วยกันพัฒนาวง ตามใจอีนังจอมขวัญมันหน่อย” ถอนใจ “เฮ้อออ ข้าละเหนื่อยใจ” เกาหัวแกรกๆ
ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน
ชูชนะตะโกนบอก “ไอ้สำลีไปดูสิวะ ใครมา”

รถหมวดวันชาตินั่นเองที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน ทั้งหมดเดินลงมาจากรถ กุหลาบเห็นป้ายหน้าบ้านเขียนวงดนตรีลูกทุ่งชูชนะ วทัญญู
“วงลูกทุ่งนี่ แบบนี้ค่อยน่าสนุกหน่อย” กุหลาบว่า
สมหวังหน้าตาเศร้าๆ หมวดวันชาติเดินมาปลอบ “ไม่ต้องห่วงป้าหรอกนะ เดี๋ยวผมจะแวะไปหาแกบ่อยๆ”
สำลีวิ่งออกมา ถาม “มาหาใครเหรอครับ”
“ลุงชูชนะอยู่หรือเปล่า” วันชาติบอก
“อยู่ครับ…เชิญด้านในเลยครับ”
หมวดวันชาติ สมหวัง และกุหลาบเดินตามสำลีเข้าไปในบ้าน

สำลีเดินนำพวกสมหวังเข้ามา
“พ่อ…มีคนมาหา”
“ใครวะ…สำลี”
หมวดวันชาติพาสมหวัง และกุหลาบเดินเข้ามา
“หวัดดีครับลุง” วันชาติไหว้
“อ้าวไอ้ชาติ ไม่ได้เจอกันนาน ท่าทางล่ำสันบึกบึนมากเลย แล้วแม่เอ็งเป็นไงบ้าง”
“สบายดีครับ สองวันก่อนยังบ่นถึงลุงอยู่เลย แล้วลุงล่ะครับสบายดีไหม”
“สบายดี ไม่เจ็บไม่ไข้ แต่ไม่ค่อยมีตังค์ใช้….” หัวเราะขำ “แล้วเอ็งล่ะติดยศอะไรแล้ว”
“เพิ่งร้อยโทเองครับลุง”
“ไม่เป็นไร อีกหน่อยก็ได้เป็นผู้กอง ได้เป็นสารวัตร เป็นเจ้าคนนายคน แล้วมาวันนี้มีธุระอะไรกับลุงหรือเปล่า”
“คือผมอยากจะฝากเด็กเข้ามาทำงานในวงหน่อยครับ” วันชาติเข้าเรื่อง
“สองคนนี่นะเหรอ”
“ครับ”
สมหวังและกุหลาบยกมือขึ้นไหว้ ชูชนะรับไหว้ “เออ ไหว้พระๆ”
วันชาติพูดต่อ “สองคนนี้มาจากต่างจังหวัดครับ ถูกพวกจัดหางานเถื่อนหลอกเอาเงินค่าหัวแล้วก็หนีไป”
สมหวังกับกุหลาบ มองหน้ากันแบบงงๆ และปลง ที่ต้องเป็นแรงงานเถื่อนโดยไม่ตั้งตัว
“ผมเห็นแล้วสงสาร นึกถึงลุงได้ก็เลยลองพามาหา จะตำแหน่งอะไรก็ได้ เงินเดือนไม่เกี่ยง ขอเพียงมีที่อยู่ที่กินก็พอแล้ว ลุงพอช่วยรับไว้ได้มั้ยครับ”
“เฮ้ยได้…ที่นี่เราอยู่กันเหมือนครอบครัว มีอะไรก็แบ่งกันเหมือนพี่เหมือนน้อง คนเดือดร้อนมาหาที่พึ่งพิง…พอช่วยได้ก็ช่วยกันไป แล้วชื่อแซ่อะไรกันบ้างล่ะเนี่ย”
วันชาติแนะนำ “กุหลาบกับสมหวังครับ”
สองสาวยิ้มให้ชูชนะ กวาดตามองดูรอบๆ คิดเหมือนกันว่า นี่เหรอที่ที่เราต้องมาอยู่

ไม่นานต่อมา หมวดวันชาติล่ำลา สมหวัง กุหลาบ
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะรีบทำคดีให้เสร็จอย่างเร็วที่สุด คุณจะได้กลับไปอยู่บ้าน”
“ค่ะ”
“แต่อยู่ที่นี่สบายใจได้ ทุกคนเป็นกันเอง ที่สำคัญไอ้พวกนั้นตามมาไม่ได้แน่ๆ…” หันมาทางกุหลาบ “อยู่ได้นะจ่า”
“สบายมากค่ะหมวด”
“ดูแลสมหวังดีๆ นะ…มีอะไรก็โทร.บอกผม และที่สำคัญอย่าลืมที่ผมบอก อย่าให้ใครจับได้เด็ดขาดว่าคุณสองคนเป็นใคร”
กุหลาบเผลอตัวจะตะเบ๊ะ “รับทราบค่ะ…” นึกขึ้นได้รีบลดมือลง

หมวดวันชาติ มองจ่าหญิงลูกน้องจอมเปิ่นเขม็ง
ประตูห้องพักเปิดออก…เจ๊เนาว์พาสมหวังกับกุหลาบเข้ามายังห้องๆ หนึ่งในบ้านพักลูกวง ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกับบ้านหลังใหญ่

“นี่ห้องพักของเธอทั้งสองคน กฎของที่นี่ก็คือห้ามส่งเสียงดังและไปจุ้นจ้านห้องอื่น”
เจ๊เนาว์ปรายตามองดูถุงเสื้อผ้าที่ต่างถือมาคนละใบ
“แล้วมีกันมาแค่นี้เหรอ….งั้นเดี๋ยวบ่ายๆ ไปเบิก หมอนมุ้งกับเจ๊ที่ห้องแล้วกัน”
เจ๊เนาว์เดินบิดตูดออกไป
สมหวังกับกุหลาบเข้าไปสำรวจห้องที่จะต้องอยู่ พลางถาม “สมหวังพออยู่ได้มั้ย”
“อยู่ได้ สบายมาก ว่าแต่จ่า…เอ้ย! พี่กุหลาบล่ะอยู่ได้มั้ย”
“กันดารกว่านี้ พี่ก็เคยอยู่มาแล้ว”

ส่วนที่ข้างๆ โรงซ้อมเต้นยามนั้น สำลีเดินผิวปากมาอย่างอารมณ์ดี และกำลังมุ่งหน้าไปทางห้องพักคนงาน ทันใดนั้น กระป๋องสีใบหนึ่งก็ตกลงมาใส่หัว! สำลีร้อง “โอ๊ย” มองหาต้นตอ
“เฮ้ย! ใครทำร้ายกูวะ”
สำลีแหงนขึ้นไปดู เห็นปอยฝ้าย ดาวตลกประจำวง ผิวออกไปทางดำ กำลังทาสีอยู่ ด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“ไอ้ปอยฝ้าย มึงไม่เห็นคนหรือไง”
“ไม่เห็นโว้ย…ไม่ได้ตั้งใจด้วย” ปอยฝ้ายบอก
“ขึ้นไปทำอะไรบนนั้นวะ”
“พี่สายฟ้าวานให้ข้าทาสีน่ะ…อยู่ที่นี่ทำงานคุ้มเงินฉิบเป๋งเลยว่ะ นอกจากเป็นนักดนตรีแล้วยังต้องมาเป็นช่างทาสีอีก!”
“เอ็งยังไม่ชินอีกเหรอวะ….ไม่ต้องทำแล้ว ลงมา ข้ามีอะไรจะมานำเสนอ” สำลีบอกเป็นนัย
“อะไรของเอ็งวะ”
“มีคนมาทำแทนเอ็งแล้ว” สำลีว่า
“ใครวะ” ปอยฝ้ายสังสัย
“เดี๋ยวแกก็รู้ พ่อเพิ่งรับมาเมื่อกี้แหม็บๆ”
ปอยฝ้ายบ่นเสียงดัง “อะไรวะ รับคนงานเพิ่มอีกแล้ว ไอ้พวกที่อยู่ก็จะไม่มีเงินจ้างอยู่แล้ว พ่อนะพ่อไม่ดูสภาพการคลังของวงเลย”
“ก็นั่นน่ะสิ…เพราะฉะนั้นเราต้องไปกำจัดจุดอ่อน” สำลียิ้มเจ้าเล่ห์

สองสาว สมหวังกับกุหลาบกำลังจัดกระเป๋า ขณะที่สำลี ปอยผ้าย เดินมาที่หน้าห้องสมหวังกับกุหลาบ
ปอยฝ้ายเห็นสมหวังกับกุหลาบ
ปอยฝ้ายหันขวับบอกกับสำลี เปลี่ยนใจ “ผู้หญิงนี่หว่า!...ถ้าเป็นผู้หญิงชั้นอภัย สวยๆ น่ารักๆ แบบนี้ให้อยู่ไปเถอะ เจียดเงินพวกเราไม่กี่บาทเอง”
“ไอ้นี่! ไม่ใช่เวลามาหน้าหม้อตอนนี้...หญิงหรือชายก็อยู่ไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับปากท้องพวกเรานะเว้ย! แกอยู่เฉยๆ ชั้นจัดการเอง”
สำลีกระแอม “อะแฮ่ม อะแฮ่ม ยินดีต้อนรับจ๊ะน้องสมหวังและน้องกุหลาบ…รู้มั้ยว่าพี่ชื่ออะไร”
กุหลาบกะสมหวังเหลียวมามอง
“ไม่รู้และก็ไม่อยากรู้ด้วย อยากให้คนอื่นรู้ ที่หลังก็เขียนชื่อห้อยคอไว้” กุหลาบบอก
ปอยฝ้ายทึ่ง “แรงอ่า”
สำลียิ้มกริ่ม “ปากดีนะจ๊ะ….เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวเจอพี่…พี่ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการหน่อย พี่มีนามว่า...สำลี”
สมหวังหัวเราะก๊าก “ชื่อสำลี ตัวดำยังกะถ่าน”
สำลีถึงกับชะงัก
“ส่วนพี่ชื่อ ปอยฝ้าย จ้ะ”
กุหลาบสวนออกไป “นี่ก็คงเป็นฝ้ายชุบน้ำมันเครื่องน่ะสิ!”
สมหวังกะกุหลาบหัวเราะ
ปอยฝ้ายชองขึ้น “โห…จี๊ดเลยๆ”
“ปากดีทั้งคู่ …. เดี๋ยวสวยๆ ในวงดนตรีแห่งนี้ไม่มีใครกล้าหืออือกับพี่ น้องทั้งสองถือว่ากล้าท้าทายอำนาจรัฐมาก” สำลีทำเสียงเข้มดูมีมาดขึ้นมา “เพราะฉะนั้นตามพี่มานี่”

ไม่นานต่อมา กุหลาบ สมหวัง สำลี และปอยฝ้าย ทั้งสี่ยืนอยู่หน้าลานซ้อมเต้น
“และเพื่อเป็นเกียรติสำหรับคนงานใหม่ เอาไปเลยพวก งานแรกสำหรับรับน้องใหม่”
สำลีกับปอยฝ้าย ส่งถังสีกับแปลงทาสีให้สมหวังกับกุหลาบ
“ทาสีเนี่ยนะ จะบ้าเหรอพวกชั้นเป็นผู้หญิงนะ” กุหลาบโวย
“ไม่บ้าหรอกจ้ะ นี่แหละงานเบาๆ สำหรับผู้หญิง ทาสีผนังโรงซ้อมให้ใหม่เอี่ยม….ให้เวลาครึ่งชั่วโมงถ้าไม่เสร็จเตรียมตัวอำลาที่นี่ได้เลย” สำลีขู่
จากนั้นสำลี กะปอยฝ้ายเดินอาดๆ ออกไป
สมหวังกับกุหลาบอึ้งมองหน้ากัน
“แกล้งกันนี่หว่า” สมหวังบ่น
“ทำตามไปก่อน เอาตัวรอดเป็นยอดดี เดี๋ยวค่อยหาโอกาสเอาคืน” กุหลาบว่า

ทำนองเพลงสนุกสนานดังสนั่น สมหวังกับกุหลาบช่วยกันทาสีโรงซ้อมเต้น จนทั้งคู่หอบๆ
กุหลาบถอนใจ “ให้ไปเป็นหางเครื่องยังจะดีกว่าอีก”
สมหวังแซว “เต้นเป็นเหรอพี่กุหลาบ”
กุหลาบได้ที คุยเขื่อง “สมัยตอนพี่เรียนนะ พี่ตัวเต้นของโรงเรียนเลยนะ เวลามีแข่งขันวงลูกทุ่งต้องมีชื่อเด็กหญิงกุหลาบติดโผลทุกเวที เห็นพี่ห้าวแบบนี้แต่ข้างในเราสีชมพูนะจ๊ะ”
เจ๊เนาว์เดินยิ้มร่าเข้ามา “ขยันจังเลยนะ มาถึงก็ทำงานกันเลย”
“จะไม่ให้ขยันได้ยังไงล่ะก็ไอ้ดำปี๋ เอ้ย…สำลี ให้พวกชั้นมาทำ” สมหวังบอก
เจ๊เนาว์มองไม่เห็นสีที่เพิ่งทาใหม่ เอามือไปท้าวตรงกำแพง
“เจ๊ ตรงนั้นทาแล้ว” สมหวังบอก แต่ไม่ทันแล้ว
เจ๊เนาว์กรี๊ด “ว้าย! เลอะหมดเลยอะ เจ๊ขอโทษนะ เจ๊ไม่ได้แกล้งนะ”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกุหลาบทาให้ใหม่ เจ๊รีบไปล้างเถอะเดี๋ยวมันล้างไม่ออก” กุหลาบว่า
“จ้ะๆ ขอบใจจ้ะ”
เจ๊เนาว์เดินบิดออกไป

ด้านปอยฝ้ายเอาแต่จ้องมองกุหลาบกับสมหวังทาสีอยู่
“ไอ้สำลี มาดูน้องสมหวังกับน้องกุหลาบนี่สิ ดูท่าทาสีได้น่ารักไม่เบาเลยนะเว้ย”
แล้วจู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งเดินมาข้างปอยฝ้าย แต่ปอยฝ้ายนึกว่าเป็นสำลี จึงจับมือมานั่งลงโดยที่ไม่ได้ดู
“พูดถึงไม่น่าไปแกล้งเลยว่ะ เค้าจะมองว่าเราเป็นผู้ชายใจร้าย”
ที่แท้เป็นเจ๊เนาว์มานั่งข้างๆ

อ่านละคร สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 1/3 วันที่ 13 ก.ย. 55

ละครเรื่อง สายฟ้ากับสมหวัง จากเค้าโครงเรื่อง : กษิดินทร์ แสงวงศ์ และสุรินทร์ รุ่งสว่าง
ละครเรื่อง สายฟ้ากับสมหวัง บทโทรทัศน์ดั้งเดิม : สุรินทร์ รุ่งสว่าง
ละครเรื่อง สายฟ้ากับสมหวัง ดัดแปลงบทประพันธ์ : พัณณิฎานันทณ์ ศิริเลิศ
ละครเรื่อง สายฟ้ากับสมหวัง กำกับการแสดงโดย : บรรเจิด พุทธโศภิษฐ์
ละครเรื่อง สายฟ้ากับสมหวัง แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้ - มิวสิคัล
ละครเรื่อง สายฟ้ากับสมหวัง ผลิตโดย : เอ็กแซ็กท์ - ซีเนริโอ
ละครเรื่อง สายฟ้ากับสมหวัง ออกอากาศทุกวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางททบ. 5
ที่มา manager.co.th