อ่านละคร สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 6 วันที่ 26 ก.ย. 55

อ่านละคร สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 6 วันที่ 26 ก.ย. 55 

 “นี่จ่า นับจากนี้ไปคุณต้องระวังตัวและคุ้มกันสมหวังให้มากขึ้นนะ”
       กุหลาบตกใจ “ทำไมล่ะคะ”
     “ผมเริ่มได้กลิ่นคนที่บงการฆ่าคุณนายศรีสมรแล้ว”
       “ใครเหรอคะหมวด?”
       “ตอนนี้ยังให้ใครรู้ไม่ได้ ขอให้ผมแน่ใจมากกว่านี้ก่อน เอาเป็นว่าคุณต้องระวังตัวให้มากกว่านี้”
       “รับทราบค่ะ หมวด!”       จังหวะนั้น บาสเดินผ่านมาที่หน้าห้องกุหลาบพอดี และได้ยินเสียงพูดของกุหลาบจึงเดินเข้าไป กำลังจะเคาะประตู บาสได้ยินกุหลาบใช้คำพูดแปลกๆ และได้ยินกุกลาบเรียกหมวด บาสจึงเอาหูแนบประตูเพื่อจะฟังกุหลาบ บาสฟังอย่างงงๆ และสงสัย ว่ากุหลาบคุยกับใคร?!!
       บาสพึมพำ “ยัยนั่นคุยกับใคร”
       วันชาติบอก่อนวางสาย “แล้วว่างๆ ผมจะแวะไปเยี่ยม”
       “ค่ะหมวด”
       กุหลาบวางสาย เดินไปเปิดประตูกำลังจะออกจากห้อง ทันใดนั้น บาสที่เอาหูแนบแอบฟังอยู่ที่ประตูก็เสียหลักกระเด็นเข้ามาในห้อง
       บาสร้อง “โอ๊ย”
       กุหลาบตกใจ!
       “นี่นายแอบฟังชั้นคุยโทรศัพท์เหรอ”
       “ปะ…ปะ…เปล่า ชั้นเดินผ่านมาเฉยๆ ชั้นได้ยินเสียงเธอแล้วก็กำลังจะเคาะเรียก เธอดันเปิดประตูมาซะก่อน”
       กุหลาบไม่ค่อยเชื่อนัก “แน่นะ”
       บาสพยักหน้า
     
       หมวดวันชาติวางสายจากกุหลาบ แล้วเรียกเด็กเสิร์ฟมาเก็บเงิน สักครู่หนึ่งวันชาติลุกขึ้นเดินออกจากร้านไป
       โดยที่โต๊ะข้างๆ เห็นผู้ชายคนหนึ่งใส่หมวกแก๊ปและแว่นตาดำนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
       ที่แท้เป็นแดนนั่นเอง แดนหันไปมองหมวดวันชาติที่เดินออกไป
     
       ยอดชายอยู่ที่บ้าน ตกใจมากที่รู้เรื่องจากแดน ซึ่งโทร.มารายงาน
       “แกว่ายังไงนะ!...ไอ้หมวดนั่นมันเริ่มสงสัยเราแล้วเหรอ”
       “ผมได้ยินมันพูดแบบนั้นน่ะครับ”
       ยอดชายหงุดหงิด “โธ่…เว้ย!!!”
       “ผมว่าชัวร์แล้วล่ะครับ ไอ้หมวดนี่มันต้องรู้ที่อยู่ของไอ้พยานนั่นแน่ๆ”
       “รู้แล้วก็รีบตามไปให้เจอสิวะ!” ยอดชายตะคอกเสียงใส่
       “ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานนี้ผมต้องรู้ที่ซ่อนของมันแน่ๆ ผมได้ยินไอ้หมวดนั่นมันคุยโทรศัพท์กับใครคนหนึ่งมันบอกอีกไม่นานนี้จะแวะไปเยี่ยม ผมว่ามันต้องเป็นไอ้พยานนั่นชัวร์”
       ยอดชายฟังแล้วสีหน้าเริ่มมีความหวังขึ้น
       “ดี!..ถ้ามีโอกาสก็จัดการให้สิ้นซากไปเลย….แล้วอย่าให้พลาดล่ะ”
       “ครับ”
     
       สีหน้าสองวายร้ายดูมั่นใจมาก
         ช่วงเวลาตอนกลางวัน รถตู้คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านวงดนตรีวทัญญู พ่อยก แม่ยก ที่เหมารถตู้มา ต่างกรูกันลงมาจากรถตู้ พร้อมของขวัญและดอกไม้เต็มไม้เต็มมือไปหมด สายฟ้ากับเจ๊เนาว์เดินออกมาดู
     
       เจ๊เนาว์    ทักทาย “สวัสดีค่ะ…มาหาจอมขวัญเหรอคะ…จอมขวัญไม่อยู่นะคะ”
       พ่อยกแม่ยกบอกพร้อมกัน “มาหาสมหวัง”
       สายฟ้าตกใจ ไม่เชื่อหูตัวเอง “มาหาใครนะ”
       พ่อยกแม่ยกประสานเสียง “สมหวัง”
       สายฟ้ากับเจ๊เนาว์อึ้งๆ
     
       ที่หลังโรงครัว เจ๊จุ๊กำลังกดเครื่องปั่น ปั่นน้ำอะไรบางอย่างให้สมหวังอยู่
       “ไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้เจ๊…ชั้นแค่จะมาเอาน้ำเปล่า”
       “ไม่เป็นไร เดี๋ยวได้ชิมน้ำผึ้งมะนาวปั่นสูตรน้องจุ๊แล้วเธอจะติดใจ”
       เจ๊จุ๊ปั่นเสร็จพอดี เทใส่แก้วให้สมหวัง
       “ลองชิมๆ รับรองอร่อยเหาะ นี่นะกินแล้วบำรุงเสียงด้วยนะ เสียงจะได้ดีๆ เหมือนเมื่อคืนไง”
       สมหวังลองจิบชิม ใบหน้ายิ้มแย้ม “อร่อยมากเลยเจ๊”
       “เห็นมั้ยบอกแล้ว”
       กุหลาบเดินเข้ามาพอดี
       “พี่กุหลาบลองชิมนี่สิ น้ำผึ้งมะนาวปั่นสูตรน้องจุ๊” หัวเราะคิก “อร่อยมากเลย”
       ระหว่างนั้น สายฟ้าเดินเข้ามาหา
       “สมหวังมากับชั้นหน่อย”
       สมหวังฉงน “มีอะไรเหรอ”
       “มาเถอะ…ตามชั้นมา”
     
       สายฟ้าเดินนำสมหวังออกมาที่หน้าบ้าน บรรดาพอแม่ยก พ่อยก พอเห็นสมหวัง ต่างฮือกันเข้ามาหาร้องประสานเสียง
       “สมหวัง…สมหวัง!”
       สมหวังอึ้ง ตกใจ มองหน้าสายฟ้าเป็นเชิงถาม
       “แฟนคลับเธอน่ะ” สายฟ้าบอกยิ้มๆ
       สมหวังอึ้ง “แฟนคลับ”
       “ไปทักท้ายเค้าสิ”
       สมหวังเดินเข้าไป “สวัสดีค่ะ”
       “อู๊ยยย!!...น่ารักน่าเอ็นดูเนอะ เสียงเหน่อเสน่ห์ด้วยอะ” แม่ยกเป็นปลื้ม
       “ดูสิตาบ่องแบ้วเชียว” พ่อยกก็ปลื้มไม่ต่างกัน
       บรรดาพ่อยก แม่ยก พากันเอาของเข้ามาให้ สมหวังยังคงงงๆ
       “ขอบคุณค่ะ….ขอบคุณนะคะ”
     
       บรรดาแม่ยก พ่อยก ช่วยกันเอากับข้าวใส่จาน โดยมีสมหวังช่วยอยู่ด้วย ส่วนอีกมุมไม่ไกลนัก สายฟ้า เจ๊เนาว์ กุหลาบ บาส และเจ๊จุ๊ จับกลุ่มยืนมองกันอยู่
       “นังเนาว์!! ชั้นไม่อยากจะเชื่อเลยนะ แค่ชั่วข้ามคืนเดียว สมหวังมีแฟนคลับเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
       “ก็นั่นสิชั้นยังงงๆ เหมือนกัน”
       “จอมขวัญขึ้นเวทีครั้งแรกแฟนคลับยังไม่เยอะเท่านี้เลย” สายฟ้าเสริม
       “ใช่…แล้วแฟนคลับยัยจอมขวัญนะไม่เคยมาบุกบ้านแบบนี้เลย” เจ๊เนาว์ทึ่งสุดๆ
       “ถ้าน้องสมหวังได้เป็นนักร้องขึ้นมาต้องดังแน่ๆ เลยเนอะ” บาสพยักเพยิด
       สายฟ้ายิ้มย่อง “แบบนี้นะมันแสดงให้เห็นถึงแวว”
       “แววที่ว่านั่นก็คือ นักร้องคนใหม่ของวงชิมิๆ” เจ๊จุ๊บอกขำๆ
     
       ชูชนะนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องรับแขก สายฟ้ากับเจ๊เนาว์เดินเข้า
       “พ่อ…ผมจะให้สมหวังเป็นนักร้องคนใหม่ของวง”
       ชูชนะตกใจ “ว่ายังไงนะ”
       สายฟ้ายิ้มและพูดบอกพ่อ “ผมจะให้สมหวังเป็นนักร้องคนใหม่ของวง …พ่อจะตกใจทำไม…มาดูอะไรนี่พ่อ”
       สายฟ้าพาชูชนะมาดูแฟนคลับที่รุมล้อมสมหวัง
       ชูชนะถามงง “เอ็งให้ข้ามาดูอะไรวะ…แล้วนั่นใครที่ไหน มาทำอะไรกันวะนั่นน่ะ”
       “แฟนคลับสมหวัง”
       ชูชนะตกใจ “แฟนคลับสมหวังเรอะ! อะไรวะขึ้นไปร้องเพลงครั้งเดียวมีแฟนคลับแล้วเหรอ”
     
       ไม่นานต่อมาสมหวังบอกปฏิเสธ 2 พ่อลูก
       “ไม่ดีหรอกมั้งคะ….เมื่อคืนที่ชั้นขึ้นไปก็กลัวจะทำวงล่มจะแย่”
       “ต้องได้สิ เธอน่ะเสียงดีจะตาย ดูสิขึ้นเวทีแค่ครั้งเดียว แฟนคลับยังเยอะขนาดนี้”
       สมหวังอึกอัก “แต่….”
       ชูชนะสวนคำออกมา “ไม่ต้องแต่แล้ว…เดี๋ยวข้าจะเป็นคนฝึกให้เอ็งเอง”
       “คือชั้นยังไม่พร้อมน่ะพ่อ ให้ชั้นช่วยเรื่องเสื้อผ้าต่อไปก็พอเถอะนะ” สมหวังหนักใจ
       “ถือว่าช่วยกันนะสมหวัง…เธอก็รู้นี่ว่าจอมขวัญจะออกจากวงเราอยู่รอมร่อ” สายฟ้าว่า
       “ชั้นยังไม่พร้อมจริงๆ นะจ๊ะ”
       “ทำไมเธอถึงไม่พร้อม เธอบอกชั้นมาสิ”
       “ชั้นบอกว่าร้องไม่ได้ ก็ร้องไม่ได้สิ”
       “ถ้าร้องไม่ได้แฟนคลับจะเยอะขนาดนี้เหรอ…ถ้าเธอกลัวว่ายังร้องไม่ดี นี่ไงพ่อชั้นจะช่วยสอนเธอให้”
       “ชั้นช่วยไม่ได้จริงๆ” สมหวังบอกหนักแน่น
       “เธอมีปัญหาอะไรสมหวัง…เธอบอกชั้นสิ…ความหวังทุกคนอยู่ที่เธอนะ” สายฟ้าขอร้องอีก
       สมหวังหนักใจ “คุณไม่เข้าใจชั้นหรอก..เราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะนะ”
       ทุกคนอึ้ง
     
       บ่ายนั้น ที่ห้องแถลงข่าว ทีเอสมิวสิค ป้ายด้านหลัง มีข้อความว่า “งานแถลงข่าวเปิดตัว จอมขวัญ กตัญญู”
       จอมขวัญ กับเฮียตี๋ นั่งอยู่บนโต๊ะแถลงข่าวคู่กัน มือของจอมขวัญจรดปากกาเซ็นสัญญาเป็นนักร้องในสังกัดกับเฮียตี๋
       “ขอต้อนรับ จอมขวัญ กตัญญู สู่ ทีเอสมิวสิค” เฮียตี๋เอ่ยขึ้น
       ทุกคนปรบมือแสดงความยินดี จอมขวัญ ขยับไมค์มาใกล้ปาก
       “ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณพี่ๆน้องๆ สื่อมวลชนทุกท่านที่มาเป็นสักขีพยานใน การเซ็นสัญญาเป็นนักร้องในค่ายทีเอสมิวสิค เพราะฉะนั้นนับตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป ดิฉันไม่มีส่วนใดๆ เกี่ยวข้องกับวงวทัญูญูอีกต่อไป เจ้าภาพท่านใดที่ต้องการติดต่อดิฉันไปแสดง ขอให้ติดต่อโดยตรงที่ ทีเอสมิวสิค ส่วนการว่าจ้างที่ได้กระทำไปแล้วก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้ติดต่อกับดิฉันโดยตรง ถือเป็นโมฆะ จะไม่อยู่ในความรับผิดชอบของดิฉัน หากท่านเจ้าภาพยังต้องการดิฉันไปแสดง กรุณาติดต่อกลับมาที่ทีเอสมิวสิคนะคะ”
       “อยากรู้เหตุผลน่ะครับว่าทำไมคุณถึงออกจากวงวทัญญู” นักข่าวซัก
       “ในเมื่อความเห็นและวิธีการทำงานไปด้วยกันไม่ได้ ดิฉันก็คงต้องเลือกที่ๆ ดิฉันอยู่แล้วสบายใจดีกว่าค่ะ” จอมขวัญจ๊ะจ๋า
     
       เจ๊เนาว์ปิดทีวี ด่าอย่างเหลืออด
       “นังงูพิษ…เลี้ยงไม่เชื่อง”
       ชูชนะ และสายฟ้า ถอนหายใจเซ็งๆ ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นแข่งกันทั้งเครื่องบ้านและมือถือ
       สายฟ้ารับโทรศัพท์มือถือ
       “ฮัลโหล”
       สายฟ้าคุยโทรศัพท์ มีเสียงดังมาตามสาย
       “ผมสายฟ้าพูดครับ”
       คนในสายพูดขึ้น “ผมเจ้าภาพงานที่ประจวบนะ ไอ้ข่าวเมื่อกี้หมายความว่ายังไง”
       สายฟ้าอึกอัก “เอ่อ…คือ”
       “อยู่ๆ ดีๆ มาบอกเลิกกันดื้อๆ ได้ไงวะ อย่างนี้ผมก็เจ๊งน่ะสิ ไหนต้องเสียค่าโฆษณาไปแล้ว เตรียมงานใกล้เสร็จแล้วด้วย ทำงานกันภาษาอะไรวะ แบบนี้ผมฟ้องคุณแน่”
       สายฟ้าผงะ เมื่อถูกวางหูใส่
       เจ๊เนาว์ยื่นโทรศัพท์อีกสายให้ “คุณสุธรรม จากปราจีน”
       สายฟ้าวางโทรศัพท์มือถือ และรับโทรศัพท์จากเจ๊เนาว์มาคุย
       ทันใดนั้นมือถือที่เพิ่งวางไปก็ดังขึ้นมาอีก แถมยังมีโทรศัพท์อีกเครื่องดังระงมขึ้นมา เจ๊เนาว์รับสาย
       “สวัสดีครับ”
       เสียงในสายบอก “งานลอยกระทงขอยกเลิกนะ…ผมขอเงินมัดจำคืนด้วย”
       สายฟ้าวางหูไป เจ๊เนาว์หันมาบอก
       “กำนันดำที่สระบุรีขอยกเลิกงาน ขอเงินมัดจำคืน”
       โทรศัพท์ดังอีก เจ๊เนาว์จะรับ สายฟ้าร้องห้าม
       “ไม่ต้องรับแล้วเจ๊ คงมีแต่คนมายกเลิกคิว”
       “หมดกัน เงินที่ลงทุนไปก็ไม่ใช่น้อยๆ ทีนี้จะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้เค้าวะเนี่ย!”
       ชูชนะหนักใจ ในขณะที่สายฟ้านั่งนิ่ง สีหน้าเครียดๆ
       สักครู่หนึ่งสายฟ้าหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาดู สมุดบัญชีที่อยู่ข้างๆ สายฟ้ามีตัวเลขสีแดงเขียนจำนวนหนี้ที่ค้างอยู่หลายแสน
       ขณะเดียวกันเสียงโทรศัพท์ยังคงดังระงม ทุกคนสีหน้าเหนื่อยใจ!
     
       สมหวังแอบมองอยู่ที่ตรงประตูบ้าน ทั้งใจหายและรู้สึกผิดที่ไม่สามารถเป็นนักร้องให้สายฟ้าได้!
         ทุกคนนั่งกระวนกระวายเรื่องข่าวที่จอมขวัญลาออก และลุ้นว่าวงจะเป็นอย่างไรต่อไป
     
       ปอยฝ้ายเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก “เห็นมั้ยไปกดดันจอมขวัญมากเกินไป เลยลาออกเลย”
       สำลีผสมโรง “ใช่…แล้วที่นี้จะทำยังไง ใครจะเป็นนักร้อง”
       “ถ้าไม่มีเดี๋ยวกรูร้องเอง…” เจ๊จุ๊โชว์เพลงประจำตัว “เชฟบ๊ะ” และเต้นโชว์ลีลาด้วย
       “อย่างเจ๊ใครเค้าจะดู” สำลีแขวะ
       “ทำไมชั้นออกจะเซ็กซี่…พวกเอ็งจะไปเข้าข้างนังจอมขวัญทำไม มันน่ะตัวปัญหาเลย” เจ๊จุ๊ของขึ้น
       “ไม่ได้เข้าข้าง…แค่ให้ความสำคัญ! ลองคิดดูถ้าไม่มีนักร้องแล้วจะอยู่กันยังไง...” ปอยฝ้ายว่า
       สายฟ้า ชูชนะ และเจ๊เนาว์เดินเข้ามาพอดี
       สายฟ้าพูดต่อจากปอยฝ้าย “วงเราก็อยู่ไม่ได้ไง”
       ทุกคนฮือด้วยความตกใจ
     
       ระหว่างนั้นสมหวังกับกุหลาบเดินตามเข้ามา สายฟ้าบอกต่อ
       “ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว งานที่เล่นไปเมื่อวันก่อนก็ถือเป็นงาน    สุดท้ายของทุกคน วงเราจำเป็นต้องยุบ! เพราะไมสามารถรับงานต่อไปได้”
       เสียงเอ็ดอึ่งเซ็งแซ่ด้วยความใจหาย
       “ก็หานักร้องใหม่ไงพี่สายฟ้า…น้องสมหวังไง!” บาสว่า
       เจ๊จุ๊เห็นด้วย ออกโรงสนับสนุน “ใช่ๆ สมหวัง วทัญญูไง”
       ทุกคนมองไปที่สมหวัง
       “ชั้นพูดกับเค้าแล้ว แต่เค้ายืนยันว่าเค้าไม่ร้อง” สายฟ้าบอก
       สมหวังหายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกผิด กุหลาบจับมือปลอบสมหวัง
       “ทางวงจะจ่ายเงินเดือนให้ทุกคนอีกสองเดือนเพื่อเอาไปทำทุน ใครที่ไม่มีที่อยู่ก็อยู่ที่นี่ไปก่อนก็ได้จนกว่าเค้าจะมายึด!...ระหว่างนี้ทุกคนก็ควรออกไปหางานใหม่ หรือดูช่องทางทำมาหากินอื่นเผื่อเอาไว้….อีกสองวันชั้นจะเอา    เงินเดือนมาจ่ายให้”
       จบคำของสายฟ้า ทุกคนสีหน้าเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
       ขณะสายฟ้าจะเดินเข้าบ้าน สายตาไปปะทะกับสายตาสมหวังอย่างจัง
       สมหวังเหมือนมีอะไรจะพูด “เอ่อ”
       สายฟ้าสนใจรอฟัง และลุ้นโดยแอบหวังลึกๆ ว่าสมหวังจะเป็นนักร้องให้
       “เอ่อ…คือ…ชั้นขอโทษ”
       สายฟ้าพยักหน้าแล้วเดินจากไป
     
       เช้าวันต่อมา รถพ่อค้า แม่ค้า ซื้อของเก่าแล่นมาจอดหลายคันที่บริเวณหน้าบ้านชูชนะ ข้าวของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดนตรี เฟอร์นิเจอร์ ถูกยกออกมากองหน้าบ้าน
       ชูชนะ เจ๊จุ๊ และบาส กำลังบอกราคาของแต่ละอย่างให้พ่อค้า แม่ค้าของเก่าอยู่
       “โซฟาตัวนั้นเอาไปเลยห้าพัน” ชูชนะบอก
       พ่อค้ากดราคาทันที “โห…ให้ได้แค่สองพัน”
       “สามพันแล้วกันพี่” บาสต่อรอง
       “สองพันนั่นแหละ” พ่อค้ายืนกราน
       ชูชนะตัดบท “สองพันก็สองพัน!”
       บาสท้วง “ขายถูกจังพ่อ!”
     
       “ให้ๆ เค้าไปเถอะ” ชูชนะว่า
     
       ทางด้านปอยฝ้ายกับสำลี กำลังเสนอกลองให้กับพ่อค้าอยู่อีกมุม
     
       “พี่…นี่กลองทำมาจากหนังจระเข้เลยนะ” ปอยฝ้ายบอก
       สำลีเสริม “ไม่ใช่จระเข้ธรรมดาด้วย…จระเข้ อเมซอนเลยนะ”
       พ่อค้าโวยวาย “ก็เห็นอยู่หนังวัวชัดๆ…คิดว่าอั๊วโง่เหรอไงวะ”
       “ดูดีๆ มันหนังจระเข้ฟอกขาว!...หนังวัวที่ไหน ตาไม่ถึงนะพี่เนี่ย ไม่เคยเห็นล่ะสิ” สำลีคุยต่อ
       ปอยฝ้ายบอกราคา “ผมให้ในราคาพิเศษเลย 590 บาท”
       สำลีชะงัก กระซิบปอยฝ้าย “หนังจระเข้บ้านเอ็งซิ 590 มึงนี่ไม่เนียนเลย”
       “ขอโทษทีครับบอกผิด ตกเลขหนึ่งไปตัว 1,590 บาท ครับ”ปอยฝ้ายบอก
       “ทำไมแพงจังวะ…ของมือสองนะเว้ย….400 ขาดตัว ไม่ได้ก็ไม่เอา”
       ปอยฝ้ายม่ยอม “โหย…ไม่ได้หรอก”
       แต่สำลีสวนขึ้น “สี่ร้อยก็สี่ร้อย เอาไปเลยครับ”
       ปอยฝ้ายงงๆ “มันจะเอายังไงของมันวะ”
       ส่วนเจ๊จุ๊ กำลังเอาหม้อ และเครื่องครัวมาขาย
       “หม้อจ้า…ขายหม้อ หม้อใบใหญ่ๆ”
       แม่ค้าคนหนึ่ง ชี้ไปที่หม้อใบใหญ่ ซึ้งก้นหม้อดำจนขัดไม่ออกแล้ว
       “นี่เธอ…ใบใหญ่นั่นเท่าไหร่”
       “ใบใหญ่…คิดพิเศษ 350”
       แม้ค้าต่อ “300 แล้วกัน”
       เจ๊จุ๊ส่ายหัว “ไม่ได้หรอก…ใบนั้นยี่ห้อนกเอี้ยงสามหัวเลยนะ สแตนเลสอย่างดี 350 นี่
       ถือว่าถูกแล้ว”
       “แพงไป” แม่ค้าชี้อีกใบ “ใบนั้นล่ะ”
       “ใบนั้นเล็กลงมาหน่อย…200 ส่งตรงมาจากอินเดียเลยนะ”
       “เอาใบนั้นก็ได้” แม่ค้าบอก
     
       สายฟ้ามองดูทุกคนอย่างเศร้าใจ ที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
     
       ที่อีกมุมในบ้านชูชนะ เจ๊เนาว์และพวกแด๊นเซอร์ ลากราวชุดแด๊นเซอร์ออกมาจากในบ้าน สมหวังเดินเข้ามา
     
       “เค้ามาทำอะไรกันเจ๊”
       “คนเค้ามาซื้อของเก่าที่เราเลหลัง”
       “ขายทั้งหมดเลยเนี่ยนะ”
       “ก็ช่ายน่ะสิ….ทั้งพวกชุดแด๊นเซอร์ ทั้งเครื่องดนตรี ขายหมดเลย เอาไปจ่ายเงินเดือนพวกลูกวงไง
       สมหวังมองแล้วเศร้าใจ
     
       ครู่หนึ่ง แม่ค้าคนหนึ่งเดินเข้ามา ชี้ชุดที่ดูอลังการที่ติดราคาไว้ 5,000 บาท
       โดยถามกับเจ๊เนาว์ “สามพันได้มั้ย”
       “ไม่ได้หรอกค่ะ ห้าพันนี่ก็ถูกแล้วนะคะ ไม่แพงหรอก”
       “ห้าพันก็ห้าพัน ขนขึ้นรถด้วยนะ”
       “เอากี่ชุดดีคะ”
       “ก็หมดนี่ห้าพันไม่ใช่เหรอ”
       “ไม่ใช่ค่ะ…ชุดละ 5,000 บาท” เจ๊เนาว์บอกชัดๆ
       แม่ค้าไม่เชื่อหู “อะไรวะ ชุดแบบนี้ห้าพัน โอ๊ย ไปซื้อแถวประตูน้ำใหม่กว่านี้ ดีกว่านี้ ยังแค่พันสองพันเอง งั้นไม่เอา ไม่เอา”
       แม่ค้าคนดังกล่าวเดินไปดูอย่างอื่น
     
       สมหวังยืนฟังอยู่รู้สึกไม่พอใจที่มีคนดูถูกผลงาน
       ครู่หนึ่งก็มี แม่ค้าอีกคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วมาจับชุดที่เป็นขนนก มีอยู่ประมาณ 4 ชุด
       “ทั้งหมดนี่ หมื่นห้าก็แล้วกัน”
       “ไม่ได้หรอกค่ะ” เจ๊เนาว์ว่า
       “หยวนๆน่า ไอ้พวกเลื่อมพวกโบว์เนี่ยเอาไปก็ไม่ได้ใช้ เอาไปก็ต้องตัดทิ้งมากกว่าครึ่ง” แม่ค้าบอก
       สมหวังหน้าเสีย
       “ห้าร้อย…ถ้าชุดละห้าร้อย เอาหมดเลย!” แม่ค้าบอกเสียงดัง
       “ไม่ได้จริงๆ ค่ะ” เจ๊เนาว์ว่า
       แม่ค้าคนเดิมบอก “ห้าร้อยแหละ ชั้นต้องเอาไปตัดให้กระโปรงมันสั้นกว่านี้อีก…ขายพวกหมอนวด ชุดละพันมันจะเอากันหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ชุดอะไรรุงรัง เวอร์ ไอ้คนออกแบบก็ไม่มีรสนิยมเลย”
       สมหวังโมโหลมออกหู
       “หมายความว่าไง!”
       “ชุดแดนซ์เซอร์เนี่ยมันต้องเปรี้ยวๆกว่านี้ ให้มันวับๆแวมๆหน่อย พวกผู้ชายมันชอบ ยิ่งแก่ๆ นะมันไปเกาะขอบเวทีดูเลย นี่อะไร ยาวเกือบถึงตาตุ่ม เป็นพนักงานออฟฟิศไปได้ …ไร้รสนิยม” พลางถามสมหวัง “เธอว่ามั้ย….ชั้นอยากจะเห็นคนออกแบบชุดจังเลย”
       สมหวังจ้องหน้า “อยากเห็นใช่มั้ย!..ก็ยืนอยู่หน้าเจ๊นี่ไง!”
       แม่ค้าสะดุ้ง ยิ้มหน้าเจื่อนๆ
       สมหวังไล่ตะเพิด “ไปเลยนะออกไปเลย ไม่ขายแล้ว พวกเจ๊นั่นแหละไม่มีรสนิยม วันๆ คิดแต่เรื่องเห็นแก่ได้ มีรสนิยมแปลกๆ กลับไปกินหมากที่บ้านได้แล้ว ออกไปเลย”
       สายฟ้าได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากด้านหนึ่ง ชะเง้อมอง แล้วเดินไปทางเสียงสมหวัง
     
       อีกมุมในบ้านพักวงดนตรีชูชนะ สมหวังยังคงไล่แม่ค้าอยู่
       “อยากได้ชุดที่มีรสนิยมไปซื้อที่อื่นนู่น…ออกไปเลย”
       สายฟ้าเดินเข้ามา “อะไรกัน”
       “ก็เจ๊พวกนี้น่ะสิ มาหาว่าเสื้อผ้าชั้นไม่มีรสนิยม เสื้อผ้าชั้นอุตส่าห์ออกแบบมาอย่างสุดฝีมือ ชุดนึงเป็นพันๆ นี่เล่นจะมาเหมาเป็นกอง เหลือตัวไม่กี่ร้อย”
       “อ้าว..ก็พวกเธอบอกเองนี่ว่าจะเลิกกิจการ แล้วอะไรมาขายชิ้นเป็นพันๆ” แม่ค้าโวย
       “ก็ไม่ขายแล้ว!...ไม่พอใจในราคาก็ออกไป”
       แม่ค้าบ่น “ไม่น่าเสียเวลามาเลย”
       “ทางออกอยู่ทางนู้นเจ๊…เชิญ”
       สายฟ้าเริ่มโมโห ไม่พอใจในสิ่งที่สมหวังทำ
       “สมหวัง…สมหวัง”
       สมหวังไม่ได้หันไปดูอารมณ์ของสายฟ้า “คุณไม่ต้องเลย เดี๋ยวชั้นจัดการเอง”
       สายฟ้าบอกเสียงดัง “เธอนั่นและหยุดได้แล้ว”
       สมหวังหันกลับมามองสายฟ้าแล้วชะงัก สายฟ้านิ่ง พยายามควบคุมตัวเอง  
       “เธอเลิกห่วงเรื่องรสนิยมอะไรบ้าๆ ของเธอได้แล้ว”
       สมหวังฉุน “คุณ…ไอ้ชุดพวกนี้กว่าได้ออกมาแต่ละตัวมันต้องใช้เวลาและฝีมือทำขึ้นมาทั้งนั้นเลยนะ”
       “เรากำลังจะเลิกกิจการ!... จำไว้! เรากำลังจะเลิกกิจการ ชุดพวกนี้มันก็เป็นแค่เศษผ้า ถ้ามันไม่ได้ช่วยทำให้อิ่มท้องขึ้นมาได้ ในเมื่อเธอไม่ยินดีที่จะช่วย ไอ้ของพวกนี้มันเลยจำเป็นต้องเอามาขาย เพื่อให้ชีวิตครอบครัวคนใน วงอีกหลายชีวิตประทังอยู่ต่อไปได้”
     
       สมหวังอึ้ง! รู้สึกเสียใจเป็นที่สุด สายฟ้าเดินหนีไป
       ขณะที่สายฟ้าเดินเข้ามาสงบสติอารมณ์ในบ้าน สักครู่หนึ่งสมหวังก็เดินตามเข้ามาเอ่ยขึ้น
     
       “ชั้นมีเรื่องจะคุยกับคุณหน่อย”
       “ชั้นไม่อยากคุยกับใครตอนนี้” สายฟ้าตัดรอน
       สมหวังนิ่งเงียบ
       สายฟ้าหันมามอง ยังคงเห็นสมหวังยืนอยู่

อ่านละคร สายฟ้ากับสมหวัง ตอนที่ 6 วันที่ 26 ก.ย. 55

ละครเรื่อง สายฟ้ากับสมหวัง จากเค้าโครงเรื่อง : กษิดินทร์ แสงวงศ์ และสุรินทร์ รุ่งสว่าง
ละครเรื่อง สายฟ้ากับสมหวัง บทโทรทัศน์ดั้งเดิม : สุรินทร์ รุ่งสว่าง
ละครเรื่อง สายฟ้ากับสมหวัง ดัดแปลงบทประพันธ์ : พัณณิฎานันทณ์ ศิริเลิศ
ละครเรื่อง สายฟ้ากับสมหวัง กำกับการแสดงโดย : บรรเจิด พุทธโศภิษฐ์
ละครเรื่อง สายฟ้ากับสมหวัง แนวละคร : โรแมนติก - คอมเมดี้ - มิวสิคัล
ละครเรื่อง สายฟ้ากับสมหวัง ผลิตโดย : เอ็กแซ็กท์ - ซีเนริโอ
ละครเรื่อง สายฟ้ากับสมหวัง ออกอากาศทุกวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางททบ. 5
ที่มา manager.co.th